เก็บเกี่ยวบุญ


การพักกายและใจโดยการไปกราบพระปฏิบัติและฟังธรรมะบ้างก็ทำให้ชีวิตมีความหมายมากยิ่งขึ้นแต่สิ่งสำคัญคือเมื่อกลับมาบ้านหรือที่ทำงานจริงก็อย่าเผลอลืมระวังการดูจิตดูใจของตนเองด้วย..มิฉนั้นถือว่าขาดทุน

พักนี้หายไปเก็บเกี่ยวบุญค่ะ..เนื่องจากมีข่าวหลายเรื่องทั้งที่เป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์และทางวิทยุ-โทรทัศน์หรือแม้กระทั่งเป็นวารสารเวียนเฉพาะกลุ่มเกี่ยวกับใครบางคนหรือบางกลุ่มที่จากไป....เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเห็นขัดแย้งกันอีกครั้งในบ้าน...หลังจากที่เคยหายไปพักหนึ่ง...เกิดความร้อนลุ่มกลุ้มใจมากเสียจนอยากเขียนเป็นนิทานแมวกับนกอีกแต่พอได้ไปฟังธรรมะมา..เอามาตรองสามสี่ตลบก็เกิดความคิดว่า.อย่าไปต่อเวรแก่กันและกันเลย"..."ใครทำกรรมใดไว้เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจและหากคนเราไม่มีความละอายแก่ใจหรือเกรงกลัวบาปกรรมคนนั้นก็ขาดไปเสียแล้วซึ่งธรรมะพื้นฐานแห่งความเป็นมนุษย์"...."ช่างหัวเผือกหัวมันให้เป็นเสียบ้าง" ประกอบกับพี่หน่อยพี่ปิ่งชวนไปทัวร์ธรรมะที่ผาซ่อนแก้วในช่วงมาฆบูชาขออนุญาตแม่และน้าแล้วก็เลยไปด้วย...

ไปแล้วมีสิ่งประทับใจหลายอย่างแต่สิ่งสำคัญคือการที่ได้สัมผัสความงามของธรรมชาติและธรรมะที่ได้รับฟังจากพระอาจารย์อำนาจ..

กลับมาทำงานได้สอง-สามวันเจอบทเรียนอีกแบบคือเรื่องใจร้อน(โทสะจริต)ของตัวเอง..นัดพี่ช่างไฟไว้ขอให้ช่วยเปลี่ยนหลอดไฟในห้องพักให้หน่อย..นัดเวลากันไว้แต่รอนานห้าสิบห้านาทีก็แล้วแต่เขาก็ไม่มา

..ถ้าไม่ติดว่ามีประชุมสำคัญอาจหงุดหงิดน้อยกว่านี้หรือไม่ค่อยโกรธเท่าไหร่แต่เป็นเพราะตัวเราเองก็ไปติดอยู่กับความคิดเรื่องกลัวเสียงาน/หากไม่เข้าประชุมแล้วจะไม่รู้เรื่อง...ใจก็เลยปรุงแต่งอารมณ์ไปไกลเกินเหตุ...แถมไม่คิดอยู่ในใจเท่านั้นหากแต่ยังแสดงออกทางวาจาด้วยโดยการต่อว่าเขาอีกเมื่อเขาโทรมาหา...จากกรณีนี้ทำให้เห็นทิษฐิมานะอันเบ้อเริ่มของตัวเองอย่างจัง...เกิดมานะว่าต่อไปหากอุปกรณ์หรือไฟฟ้าอะไรในหอพักของตัวเองจะต้องซ่อมแซมจะไม่พึ่งพาหรือไหว้วานอะไรกับช่างของโรงพยาบาลอีกต่อไปแล้ว...จะหาช่างซ่อมจากข้างนอกและจ่ายเงินเองดีกว่า......(สอบตกจริงๆเลยเรา)

..พี่ธนูหัวหน้าช่างไฟแกก็ใจเย็นฟังเราบ่น/ตัดพ้อไม่เถียงกลับสักคำ...จนเรารู้สึกได้เองว่า..เฮ้ยนี่เราทำเกินไปแล้วนะ...แต่ตอนนั้นใจก็ยังติดไฟอยู่(หรือว่าโมโหหิวร่วมด้วยก็ไม่รู้)ก็ไม่ได้ขอโทษอะไรกับพี่เขาแถมตอนลงจากตึกเพื่อไปทำเคสเจอกลุ่มทีมช่างประปาก็ยังมีอารมณ์งอนๆปะทุอีกรอบแต่น้อยกว่าตอนแรกๆ..พวกพี่ๆเขาก็พยายามส่งยิ้มให้แต่ฉันทำเป็นไม่สนใจไม่ยิ้มตอบ...เร่งฝีเท้าเดินไปทำงานดีกว่า..จนทำงานเสร็จค่อยๆมาคิดว่าเรานี่ยังต้องฝึกอีกมากโดยเฉพาะสติในการรับรู้อารมณ์โกรธ ต้องให้ฉับไวกว่านี้และขณะเดียวกันทิษฐิมานะนี่ต้องลดๆลงไปบ้าง..ชีวิตจะได้ไม่หนักและเหนื่อยเกินไป...อุตส่าห์เดินทางไกลไปลำบากร่างกายเพื่อหวังจะเก็บเกี่ยวบุญมา...แต่ดันลืมทิ้งไว้ไม่ได้นำติดตัวกลับมาบ้านมาที่ทำงาน...และบำรุงรักษาให้อยู่กับตัวนานๆอย่างนี้.....ถือว่าขาดทุน..ต้องแก้ไขใหม่...

หมายเลขบันทึก: 82913เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2007 21:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สติมา ปัญญาเกิด  สาธุ ค่ะ

เห็นด้วยกับพี่ปิ่ง สติมาเด้อ..ค่ะ

ลด..ลด..ละเลิกทิฐิบ้างจะดีมาก ๆ นะจ๊ะ.

เป็นโรคเดียวกันกับขวัญค่ะ   ต้องหมั่นฝึกดูจิตอาจจะดีขึ้นนะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท