ผมมองว่าเรากำลังอาศัยอยู่ในโลก 2 โลกครับ คือโลกแห่งความคิดและโลกแห่งความจริง มันก็คล้ายๆ กับการที่เรานั่งดูโทรทัศน์หรือนั่งอยู่ในโรงละครนั่นแหละครับ ถ้าเรามีสติ มีความระลึกรู้ รู้กาย รู้ใจ ว่าเรากำลังนั่งดูหนัง ดูละครอยู่ เราก็อยู่ในโลกแห่งความจริง เมื่อใดก็ตามที่เราลืมตัว เผลอตัว เผลอใจ (ของการเป็นผู้ดู) เรียกได้ว่า “หลง” เข้าไปในสิ่งที่กำลังดู “อิน (in)” กับมันอย่างเต็มที่ มีอารมณ์ความรู้สึกไปกับหนังกับละครนั้น โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หนังหรือละครที่ผมพูดถึงนี้ที่จริงแล้วผมหมายถึง “ความคิด” ครับ เราทุกคนต่างก็เป็น “ผู้กำกับ” เป็นผู้สร้างหนังกันทั้งนั้น หลายครั้งเราก็ “ลงไปเล่น” หนังที่เราสร้างนี้โดยไม่รู้ตัว ลงไปอยู่ในโลกแห่งความคิด ในโลกแห่งมายา โดยนึกไปว่าเป็นโลกแห่งความจริง
ผมยอมรับครับว่าที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความคิดเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากถูกฝึกมาให้ “ช่างคิด” จึงไปติดอยู่แต่ในโลกแห่งมายา หลายครั้งหลายครา “ไม่รู้ตัว” ว่าเราได้ “กระโดดเข้าไป” ในความคิด โดดเข้าไปเป็น “ผู้เล่น” อยู่ในละครเรื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว ...ในวันนี้ได้ความชัดเจนแล้วครับว่ามีสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้กลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริง ให้เห็นว่าแท้จริงแล้วเรากำลังนั่งดูหนังดูละครอยู่ สิ่งนั้นก็คือความรู้สึกตัว หรือที่เรียกว่า “สติ” นั่นแหละครับ คือจะต้องมีสติรู้สึกตัวว่าเรากำลังนั่งอยู่ รู้สึกตัวว่าเรากำลังมีอารมณ์ร่วมไปกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เช่น รู้สึกว่ากำลังมีความสุขกับฉากในละคร รู้สึกตัวว่าเรากำลังโกรธตัวอิจฉา เป็นต้น
ถึงเวลาที่เราต้องกลับมาเป็น “ผู้ดู” กันแล้วครับ จะได้ “หลุด” จากโลกแห่งมายา กลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริงซะที!
เพียงอ่านบทความนี้ของอ.ก็ทำให้ผมได้สติกลับคืนมาไม่น้อยเลย การเป็น "ผู้ดู" ช่างให้อารมณ์กระจ่างและสงบจริงๆ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะ...อาจารย์...ทำให้กะปุ๋มดลใจเขียนต่อที่นี่ค่ะ...
(^_____^)
ใช่ครับ แค่ ตามรู้ ตามดู ตามเห็น ตามปล่อยวาง ด้วยความรู้สึกว่า "เช่นนั้นเอง" ที่เคย วุ่น ก็จะเปลี่ยนเป็น ว่าง แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะ ว่างแบบกลวง เหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่น หรือเมายา เพราะว่างอย่างมีสตินี่ จิตจะเป็นบาทฐานที่ควรแก่การงานอย่างยิ่ง เฉียบคม ไม่มีอคติ ทำอะไรก็หวังได้ว่า จะไม่ค่อยเพี้ยนครับ
คงต้องระลึกอยู่เสมอครับว่าเราอยู่ในโลกแห่งความจริง แต่ในขณะเดียวกันพลังความคิดก็ต้องขับเคลื่อนไป พร้อม ๆ กัน ...
จะดีมากครับถ้าเราสามารถทำให้โลกแห่งความคิดกลายเป็นโลกแห่งความจริง...
หรือเราจะคิดเฉพาะเรื่องที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงก็ได้ครับ...
อาจารย์หมอสันต์ หัตถีรัตน์เคยสอนผมไว้นานแล้ว " หมอจะทำอะไรขอแค่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร กำลังทำอะไรอยู่ก็พอแล้ว " ที่เจอบ่อยคือไม่รู้ตัวว่าเป็นใคร กำลังทำอะไรอยู่หรือ รู้ แต่ไม่ทำ
ผมว่าสิ่งที่ท้าทายชีวิตคนทำงานอย่างพวกเราก็คือการรู้ (จนสามารถปฏิบัติได้) ว่า "ในขณะที่ทำงานอยู่นั้นความคิดหรือการคิดเป็นเรื่องที่จำเป็น เราต้องเล่นไปตามบทบาทที่เขาจ้างเรามา บางคนอาจจะแสดงเป็นตัวอิจฉา บางคนอาจจะแสดงเป็นนางเอก (หรือแม่นางเอก) บางคนอาจจะเป็นผู้กำกับ ผู้ช่วยผู้กำกับ แล้วแต่บทบาทที่ได้รับมา" แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า เราต้อง "ตื่นรู้" ด้วยว่านั่นไม่ใช้ "ทั้งหมด" ของชีวิต "ความคิดไม่ใช่ความจริงเสมอไป" หากเพียง "รู้สึกได้ (เห็น)" เพียงแค่นั้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตแล้วครับ