หลังคุณ ตาหยู book tag มายังผมไม่นานจากนั้น อาจารย์ umi ก็ติดตามมาติด ๆ เลยต้องเร่งปิดบันทึกว่าด้วยการนำเสนอหนังสือในดวงใจซะที
http://gotoknow.org/blog/pandin/82049
http://gotoknow.org/blog/pandin/82241
(6) ชั่วชีวิตหนึ่ง : ภาพสะท้อนครอบครัวอุดมคติและโลกใหม่ของหญิงไทยยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ถึงแม้นวนิยายเรื่อง “ชั่วชีวิตหนึ่ง” ของ ก. สุรางคนางค์ ที่เขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2489 จะไม่โด่งดังค้างฟ้าเหมือน “บ้านทรายทอง, หญิงคนชั่ว” แต่ผมก็ไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเลือกชั่วชีวิตหนึ่งเป็นหนังสือในดวงใจเพื่อบอกกล่าวต่อมิ่งมิตรชาว G2K
ชั่วชีวิตหนึ่ง, เป็นนวนิยายที่ไม่ประสบความสำเร็จในด้านยอดจำหน่าย อ่านแล้วออกทำนองจืดชืด ไม่ค่อยสนุกเพลิดพริ้ง เนื้อหาอัดแน่นด้วยแนวคิดทางสังคม และไม่แปลกหากจะกล่าวในทำนองว่านวนิยายเรื่องนี้ “เริงปัญญามากกว่าเริงรมย์”
ฉบับพิมพ์ พ.ศ. 2494 : จำนวน 698 หน้า โดยโรงพิมพ์เจริญธรรม
ผมชอบนวนิยายเรื่องนี้เพราะเป็นนวนิยายที่สะท้อนภาพสังคมไทยยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ได้ชัดเจน โดยเฉพาะการบันทึกปรากฏการณ์เกิด “ชนชั้นใหม่” หรือ “ชนชั้นกลาง” ของสังคมไทย ซึ่งผู้เขียนได้จำแนกแยกย่อยออก 3 กลุ่ม นั่นคือ กลุ่มผู้ดีตกยากที่กำลังกอบกู้ฐานะทางสังคมด้วยการผลักให้ลูกสาวแต่งงานกับเศรษฐี, กลุ่มเศรษฐีสงครามและกลุ่มปัญญาชน (คนหัวสมัยใหม่)
แต่ที่ผมประทับใจอย่างสุดซึ้งก็คือการฉายให้เห็นภาพการสร้างภาพ “ครอบครัวในอุดมคติ” ที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น รวมถึงการเปิดเวทีทางสังคมให้เป็น “พื้นที่” สำหรับหญิงไทยยุคใหม่ที่กำลังก้าวออกไปสู่โลกแห่งการทำงานนอกบ้าน เป็นเสมือนการบอกย้ำคุณค่าและตัวตนของหญิงไทยว่ามีค่ามากกว่าการเป็นแค่ “แม่บ้าน” ของลูกและสามีเท่านั้น
ลองพิจารณาจากกระบวนความเหล่านี้ดูนะครับ...ซึ่งผมเพียรอย่างหนักในการคัดมาสั้น ๆ เพื่อประหยัดพื้นที่ของการบันทึก
“บางวันในเวลาค่ำ พ่อแม่เลิกทำงานอันเป็นกิจวัตร...ก็จะเข้ามานั่งปรึกษากระจุ๋งกระจิ๋ง ... โยมากพูดถึงข่าวการบ้านเมือง...บางทีแม่ก็เล่านวนิยายเรื่องหนึ่งอย่างย่อ ๆ จากที่ได้อ่าน..พร้อมทั้งคำชมเชยว่าเรื่องนั้นดี มีคติสอนใจควรแนะนำให้เด็ก ๆ อ่าน ...
ในเวลาเจ็บไข้ พ่อรู้ดีว่าพ่อเป็นคนใจเสาะ อยากให้มีใครสักคนนั่งอยู่ข้าง ๆ ถ้าหากไม่มีแม่ ลุกสาวจะทำงานและเป็นขวัญใจแทนแม่ได้เป็นอย่างดีในการคอยเอาใจรับใช้อยู่ใกล้ ๆ ไม่เหินห่าง พ่อเป็นคนกินยายาก แต่ถ้าลูกสาวบอกว่า “คุณพ่อขา ถึงเวลาทานยาแล้วค่ะ”...
อ่านแล้ว ฟังแล้ว ใครยังไม่มีลูกสาวก็ขอให้โชคดีมีในเร็ววันนี้นะครับ ! ส่วนกระบวนความว่าด้วยทัศนะที่มีต่อการเสนอภาพหญิงไทยยุคใหม่นั้น ขออนุญาตที่จะไม่นำมาเสนอ จะได้เหลือพื้นที่ไว้ให้กับเรื่องอื่น ๆ ได้แสดงตัวตนบ้าง
(7) เขาชื่อกานต์ : อีกหนึ่งภาพลักษณ์อุดมคติของ “คุณหมอ”
เขาชื่อกานต์ เป็นนวนิยายที่สุวรรณี สุคนธา (แม่ของน้ำพุ) เขียนขึ้นและเผยแพร่ครั้งแรกในช่วงปี 2513 ถือได้ว่าเป็นนวนิยายบุกเบิกทางความคิดที่หาญกล้าแหวกขนบวรรณกรรมแนวพาฝันอันอยู่ในช่วงของยุคมืดช่วงที่ 2 ของการเมืองและวรรณกรรมไทย ก่อนจะก่อตัวไปสู่เหตุการณ์นองเลือดในปี 2516
ผมชื่นชอบนวนิยายเรื่องนี้ เพราะถือเป็นการย้ำเตือนอุดมคติของคนในอาชีพ “คุณหมอ” ที่จบไปจากรั้วมหาวิทยาลัยและออกไปอุทิศตนให้กับสังคมแต่กลับต้องเผชิญกับอำนาจเถื่อนของบรรดาข้าราชการท้องถิ่น จนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ กอปรกับชีวิตของหมอกานต์ก็น่าสงสารจับใจ เพราะดูเหมือนจะล้มเหลวในความรัก ซึ่งคนรักที่เติบโตจากสังคมเมืองและไม่สามารถปรับตัวและรับสภาพกับชีวิตพอเพียงที่ห่างไกลความเจริญได้ จนนำไปสู่ความระหองระแหงกับหมอกานต์อย่างน่าสงสาร
ฉบับพิมพ์ พ.ศ. 2514 : ราคา 40 บาท โดย สนพ. คลังวิทยา
นี่คือบางบทตอนที่วิพากษ์ข้าราชการที่เพิกเฉยต่อชะตากรรมของชาวบ้าน
“ควายชาวบ้านหายเรื่องเล็ก ก็ใครจะมามัวมานั่งทำคดี อย่าให้ของบ้านนายอำเภอ หรือผู้ใหญ่หายก็แล้วกัน ครกตำน้ำพริกใบหนึ่งก็ต้องตามกันสุดฤทธิ์ ..”
(8) ไตรภูมิพระร่วง : วรรณกรรมที่เป็นยิ่งกว่ากฎหมายบ้านเมืองแห่งกรุงสุโขทัย
ไตรภูมิพระร่วง พระราชนิพนธ์โดยพระยาลิไทย (พระธรรมราชาที่ 1) แห่งกรุงสุโขทัย ถือเป็นวรรณคดีทางศาสนาอันเป็นความภาคภูมิใจของวงวรรณกรรมไทยเป็นอย่างมาก ได้รับการยกย่องในเชิงปรัชญาเทียบเท่ากับเรื่อง ยูโทเปีย ของโทมัส มอร์ แห่งโลกตะวันตก โดยไตรภูมิพระร่วง สะท้อนเรื่องราว 3 ภพ 3 ภูมิที่คนและสัตว์เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างไม่ว่างเว้น
ไตรภูมิพระร่วง ทรงอิทธิพลต่อคนไทยในยุคนั้นเป็นอย่างมาก เพราะเนื้อหาที่ปรากฏในเรื่องนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับความดีความชั่ว, บาปกรรมและนรกสวรรค์ และการเขียนในแต่ละตอนก็ฉายให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการชี้ให้เห็นผลแห่งการทำบาปว่าต้องได้รับผลกรรมอย่างไร ตกนรกขุมไหน ทนทุกข์ทรมานอย่างไรบ้าง ซึ่งอ่านแล้วล้วนเห็นภาพและก่อให้เกิดความสะเทือนใจ ละอายและเกรงกลัวบาปเป็นยิ่งนัก
ฉบับพิมพ์ พ.ศ. 2510 : จำนวน 1145 หน้า
ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ จึงกลายเป็นยิ่งกว่ากฎหมายบ้านเมืองที่ครองใจไพร่ฟ้าประชาชี เป็นเครื่องมือของกษัตริย์ที่ใช้เป็นกุศโลบายในการปกครองบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากการแพร่หลายไปสู่ศิลปะแขนงต่าง ๆ ทั้งวรรณคดี จิตรกรรม ทัศนศิลป์ ฯลฯ และยิ่งคนในอดีตใกล้ชิดกับศาสนามากเท่าใด หนังสือเล่มนี้จึงยิ่งมีผลต่อจิตใจมากขึ้นทวีคูณ
และไตรภูมิพระร่วงนี่แหละที่ทำให้คนไทยรู้จักกับคำว่า “นรกอเวจี” (มหาอวีจินรก) ซึ่งถือเป็นขุมนรกที่แสนสาหัสที่สุด จนเป็นคำเปรยสาบานว่า “ถ้าโกหก ก็ขอให้ตกนรกอเวจี”
แต่ก็ยังมีนรกอีกขุมที่เราพอจะคุ้นชื่อกันอยู่บ้าง นั่นก็คือ นรกขุมที่ 15 ที่ชื่อ “โลหฉิมพลีนรก” (นรกต้นงิ้ว) มีไว้ลงทัณฑ์ชายและหญิงที่ลักลอบผิดชู้ผิดตัวผัวเมียคนอื่น ตายไปตกนรกขุมนี้จะโดนยมบาลไล่ต้อนให้ปีนขึ้นต้นงิ้วที่มีหนามใหญ่และแหลมคมขึ้นไปหาชู้รัก ไม่ขึ้นก็ไม่ได้ เพราะยมบาลคอยเอาหอกและเหล็กแดงทิ่มแทงอยู่ด้านล่าง รวมถึงมี “แร้งปากหนา กาปากเหล็ก” คอยจิกอยู่บนต้นงิ้ว ปีนหรือหล่นลงมาก็โดนสุนัขคอยกัดฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ ...
“...โลหฉิมพลีนรก ฝูงคนอันทำชู้ด้วยเมียท่านก็ดี และผู้หญิงอันมีผัวแล้วแลทำชู้จากผัวก็ดี คนฝูงนั้นตายไปเกิดในนรกนั้น ๆ มีป่าไม้งิ้วป่า 1 หลายต้น แลต้นงิ้วนั้นสูงได้ แลโยชน์ แลหนามงิ้วนั้นเทียรย่อมเหล็กแดงเป็นเปลวลุกอยู่ แลหนามนั้นยาวได้ 16 นิ้วมือ เป็นเปลวไปลุกอยู่ บ่ห่อนจะรู้ดับ....”
นี่คือบางส่วนของหนังสือในดวงใจที่นำมาแนะนำต่อกัลยาณมิตร
และขอปิดบันทึกว่าด้วย Book tag นี้ด้วยวาทกรรมที่ว่า “หนังสือ คือ พันธมิตรทางปัญญา” และ “หนังสือ คือ สวนดอกไม้อันรื่นรมย์ของชีวิต”
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
ไม่นึกว่าจะมีคนใช้หนี้ตาหยู วันเดียวกันเลยค่ะ เรื่องเขาชื่อกานต์ สนุกค่ะ เพราะเคยไปดูหนังมาแล้วค่ะ คิดว่าหนังสือต้องสนุกกว่าแน่นอน ลองเข้าไปดูของราณีได้ที่ http://gotoknow.org/blog/Ranee/82667
ตามมาอ่านวรรณกรรม แห่งมมส.ครับ
เห็น ไตรภูมพระร่วงนี่สุดยอดเลยครับ ผมยังตามหาอยู่เลยครับ
อาจารย์ลูกหว้า ครับ
คิดถึงทุกคนแทบแย่...เข้าระบบไม่ได้เลย ตอนที่บันทึกสองเรื่องนี้ก็โหลดลงในจังหวะที่เปิดได้ช่วงสั้น ๆ
..คนที่เล่นเป็นหมอกานต์คนแรกน่าจะเป็น "สรพงษ์" (คนที่เคยมีเพื่อนสนิทเป็นคุณหมอ, น่าจะจำไม่ผิด...เป็นแน่...ยิ้ม ๆ ..)
อันที่จริงเนื้อเรื่องหมอกานต์กับครูปิยะก็ไม่ต่างกันครับ..ขัดแย้งกับอิทธิพลของคนในท้องถิ่น สุดท้ายก็ตายจากไปทิ้งตำนานไว้อย่างไม่รู้เลือน
ผมแนะนำให้น้องพยาบาลอ่านเสมอ ...หนังสือตกรุ่นแล้วแต่ก็ควรอ่านไว้บ้าง
เป็นหนึ่งสือ 1 ใน ร้อยที่คนไทยควรอ่าน ครับ
อันที่จริงผมมีความสุขกับการอ่านหนังสือมากว่าดูหนัง..แต่การดูหนังเป็นกิจกรรมของครอบครัว...ที่ผมก็ชอบไม่แพ้กัน
...เขาชื่อกานต์ เป็นเรื่องในอุดมคติที่เป็นแบบอย่างที่ดีของคนในสังคมที่ควรต่อการช่วยเหลือผู้อื่น แต่เสียดายคนดี ๆ อยู่ได้ไม่นาน แต่นั่นมันก็แค่เรื่องสมมุติเท่านั้น
ขอบคุณมากครับ
...ชีวิตหมอกานต์เป็นชีวิตที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง..แต่ก็ตรงเกินไป (เหมือนผม..มั๊ย)...
ผมว่าแฟนของหมอกานต์น่าจะภูมิใจที่มาคนรักเช่นนี้ เธอจะได้เป็น "ผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา"
คุณตาหยู..ครับ
ไตรภูมิพระร่วง ดูเหมือนจะหาซื้อยากพอสมควร โดยเฉพาะปกเก่า ๆ ..แต่ที่พิมพ์ใช้ประกอบการเรียนการสอนก็พอมีบ้าง
บางทีก็พบการจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกในงานศพ ..
สวัสดีครับ อ.แป๋ว
ผมยังอยากมีลูกสาว แต่ก็ยากแล้วครับ วันและวัยของชีวิตก็ล่วงมาปานนี้..คงยาก
..เสื้อแดง ดูสดใสมากครับ แต่ยังไงอาจารย์ก็มีบุคลิกภาพ การยืน การวางมือและแขน, รวมถึงรอยยิ้มที่เป็นแบบฉบับของท่านเองอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
หมอกานต์..ถูกนำเสนอใหม่ให้ร่วมสมัยในแบบของ "หมอเจ็บ" ดูแล้วสนุกได้สาระดีครับ ! โดยเฉพาะเรื่องบุคลิกภาพของการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยแต่ไม่สูญเสียจุดยืนอันดีงามของตนเอง
ขอบคุณครับ....
คุณโก๊ะ ครับ
อันที่จริงทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาได้อ่านหนังสือมากนัก...แต่เรื่องเลห่านี้อ่านมานานแล้ว
ทุกวันนี้. เดินเฉียดหนังสือ หรือแม้แต่เพ่งมอง จับต้อง แม้ไม่เปิดอ่านก็บำบัดจิตใจได้
ครับ...(หนังสือดี ๆ ) หนังสือคือสวนดอกไม้อันรื่นรมย์ของชีวิตและยังเป็นพันธมิตรทางปัญญา (เสมอ)
ชีวิตเราต่างเติบโตจากการเรียนรู้, และผมก้เชื่อว่า มีไม่น้อยที่ชีวิตได้เติบโตจากหนังสือ...
เข้าระบบไม่ได้ ฯ คิดถึงบล็อกสวย ๆ ใส ๆ และเพลงเพราะจากบันทึกอาจารย์มากครับ
หนังสือเป็นของรักชนิดต้น ๆ ที่ผมให้ความสำคัญจัดเก็บและดูแลรักษา ... ไว้เป็นอย่างดี แต่การสูญหายไปมิใช่น้อย โดยเฉพาะสูญหายไปกับการยืมแบบไม่ส่งคืน
..เรื่อง "น้องสาว" คงคุณแผ่นดนและแดนไท คงต้องรอไปอีกสักระยะ... หรืออาจไม่มีแล้วก็ได้ครับ... ไม่พร้อมหลายอย่าง โดยเฉพาะอายุอานามก็มากแล้ว (ฮา..)
เข้าไปดูแล้วนะครับ..แต่ยังไม่ได้บันทึกอะไรมาก เพราะเป็นช่วงกำลังอยู่ในห้องกิจกรรม
แต่ตอนนี้ก็เพิ่งกลับมาถึงบ้าน... เหนื่อยครับ กำลังว่าจะนอนพักสักงีบ แล้วค่อยมาท่องโลก G2K ต่อ