เรื่องนี้...คุณมีความคิดเห็นอย่างไรคะ...?


สิ่งที่จำเป็น.ที่ควรจะสอนพวกเขาอีกข้อหนึ่ง..ก็คือ...การสอนให้เขาแพ้..อย่างผู้ชนะ ...เพื่อในอนาคตต่อไปเขาจะได้มีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งให้กับตัวเอง....

มีโอกาสได้ส่งนักเรียน..เข้าแข่งขันความเป็นเลิศในระดับเขตพื้นที่การศึกษา  ..รายการหนึ่งที่ฝึกทักษะการพูด...ในระดับช่วงชั้นที่ 1 มีเด็กนักเรียนจากหลายๆโรงเรียนและหนึ่งในนั้นก็เป็นโรงเรียนมีชื่อเสียงที่สุดของตัวอำเภอเมืองด้วย ..และแน่นอนว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาดจะต้องได้ที่ 1 อย่างไม่ต้องสงสัย...

กติกาของการแข่งขันคือ ...คณะกรรมการซึ่งมีอยู่ 3 ท่าน จะนำนักเรียนทั้งหมดมารวมกันเพื่อบอกข้อตกลงของการแข่งขันและให้จับสลากเลือกเรื่องและลำดับที่ในการแข่งขัน..แล้วจึงนำเด็กไปรวมกันอีกห้องหนึ่งเพื่อให้เด็กเตรียมตัวในการพูด..

ขณะที่เด็กทั้งหมดกำลังขะมักเขม้นในการเขียนเรื่องที่ต่างคนก็ต่างไม่ได้เตรียมมา(เนื่องจากโปรโมเตอร์(ครูผู้ฝึกซ้อม)เก็งมาไม่ถูก)..อยู่นั้น.....อยู่ๆกองเชียร์ที่อยู่นอกห้องก็ต้องตกใจอย่างมาก เนื่องจากมีเสียงเด็กคนหนึ่งร้องไห้อย่างโหยหวนและยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ..จนกระทั่งครูผู้ฝึกซ้อมและกรรมการ.ต้องเข้าไปปลอบ..แต่เด็กก็ไม่มีทีท่าจะหยุด..จนกระทั่งครูต้องเชิญคุณแม่เข้าไปปลอบ..แต่เด็กก็ยังร้องไห้ไม่หยุด..อาจจะด้วยเหตุผลที่จะต้องพูดเป็นลำดับที่ 3 ...เค้าไม่สามารถเขียนเรื่องที่เตรียมนี้ได้..และเกิดจากการคาดหวังในตัวเองก็อาจเป็นได้...

 

เมื่อเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด..ครูและผู้ปกครองจึงได้..พาเด็กออกจากห้องเก็บตัว..และพาเดินลับหายไปจากสายตา...

ในขณะที่เด็กที่เหลือ...ต่างก็พยายามเขียนเรื่องของตนเองไปอย่างทุลักทุเล..พูดได้บ้าง..ไม่ได้บ้าง  แต่ก็ไม่มีเด็กคนไหนที่แสดงความร้อนรน..ร้อนใจ.......

ตอนนี้..กองเชียร์ก็นึกว่าเด็กที่ร้องไห้นั้นคงจะสละสิทธิ์และครู..ผู้ปกครองคงจะพากลับบ้านแล้ว...แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น..พักใหญ่เด็กและครู.ผู้ปกครองก็เดินกลับมาและขอให้เด็กพูดเป็นคนสุดท้าย...

เรื่องนี้สรุปยังไงเหรอคะ...ผลการแข่งขันเด็กคนนี้ได้ที่ 5 ท่ามกลางความกังขา..และความคิดเห็นของกองเชียร์ของแต่ละโรงเรียน..และความสงสัยของเด็กคนอื่นๆที่ร่วมแข่งขัน...

ดิฉัน..ไม่รู้จะตอบเด็กว่ายังไง..เมื่อเด็กเค้าถามว่า..."คุณครูแอ๊วคะทำไมเด็กคนนี้เค้าออกนอกห้องได้  และทำไมกรรมการเขาถึงให้ครูหรือแม่พาไปซ้อมข้างล่างได้ล่ะคะ..." ไม่แปลกที่เค้าจะสงสัยอย่างนั้น

ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ...ต้องใช้ความสามารถของตนเอง...ซึ่งเป็นไปตามกฎกติกาการแข่งขันทุกอย่างตามที่กรรมการบอกไว้....

แต่สิ่งที่ดิฉันตอบไป ...ก็คือ..."ผลจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ...หนูทำได้ชนะใจครู.ครูก็พอใจแล้วจ้ะ..".

แต่สิ่งที่ดิฉันต้องกลับมาสอนตนเองคือ....

หากเราจะให้โอกาสกับใครนั้น..เราต้องไม่ลืมที่จะให้โอกาสที่เท่าเทียมกันกับคนอื่นด้วย....

และในฐานะของความเป็นครูหรือผู้ปกครอง...ทำให้ต้องกลับมาคิดว่า..เรามักสอนให้เขาเป็นแต่ที่หนึ่งโดยลืมที่จะสอนให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาพอจะเป็น....จนไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว...เขาอยากจะเป็นในสิ่งนั้น..หรือเราบีบบังคับให้เขาเป็นในสิ่งที่เติมเต็มให้แก่เรากันแน่..

.......

ยังไงก็แล้วแต่..สิ่งที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้..ก็ทำให้ดิฉันรู้ว่า..

สิ่งที่จำเป็น.ที่ควรจะสอนพวกเขาอีกข้อหนึ่ง..ก็คือ...

การสอนให้เขาแพ้..อย่างผู้ชนะ ...เพื่อในอนาคตต่อไปเขาจะได้มีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งให้กับตัวเอง....

 

หมายเลขบันทึก: 82517เขียนเมื่อ 7 มีนาคม 2007 23:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

อ่านแล้วคิดตาม...เห็นด้วยมาก ๆ ครับ...

การแข่งขันต้องยุติธรรมกับผู้แข่งขันทุกคน...

กรรมการต้องวินิจฉัยให้เป็นธรรมที่สุด...

และที่สำคัญผู้เข้าแข่งขันจะต้องมีน้ำใจนักกีฬาด้วย...

กรณีนี้เป็นเด็ก ต้องเป็นหน้าที่ของครูและผู้ปกครองที่ต้องปลูกฝังเด็กของตนครับ...

เพราะต่อไปเขาต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องรีบปลูกฝังเสียแต่วันนี้ครับ...

ขอบคุณ.....คุณ Direct นะคะที่แวะมาทักทายและขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นค่ะ...

เป็นเรื่องราวที่ให้แง่คิดที่ดีค่ะ เพราะบางครั้งเด็กเครียดและยอมรับความพ่ายแพ้ไม่เป็น ก็เกิดจากครูและผู้ปกครองสร้างความคาดหวังในตัวเด็ก หรือยกย่องชื่นชมเด็กเกินความจริง ทำให้เกิดอาการ"กลัวความพ่ายแพ้" หรือ"แพ้ไม่เป็น" ซึ่งสำคัญมาก เพราะจะนำไปสู่การทำทุกวิถีทางเพื่อคำๆเดียว คือ "ชนะ" เพราะเข้าใจว่า ชนะคือสักดิ์ศรี แพ้แล้วจะหมดศักดิ์ศรี การสอนให้แพ้อย่างผู้ชนะ จึงเป็นสิ่งที่เด็กๆควรที่จะได้เรียนรู้ค่ะ

สวัสดีครับ 

  • มาช้าแต่ว่าสนใจประเด็นนี้มากครับ
  • เรื่องนี้เด็กไม่มีความผิดอะไรนะครับ  เป็นธรรมชาติ  เพราะว่าผมเองเคยร้องให้มาแล้วครับตอนที่แข่งกีฬาโรงเรียน ช่วง ป.6(เตะตะกร้อ)
  • ผู้ใหญ่คนที่เป็นกรรมการน่าจะเป็นคนตอบและอธิบายเรื่องนี้นะครับ
  • คงต้องฟังความจริงและความคิด  ความเห็นของคนที่กำกับอยู่ก่อน  แต่ถ้ามาจากความเห็น  หรือการจัดการที่ไม่เหมาะสมจริงๆก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับความเป็นผู้ใหญ่และความเป็นครูครับ
  • จริงๆเหตุการณ์แบบนี้ก็อาจจะพบได้ในสังคมไทยทั่วไป

          สวัสดีคะ

      *  ทราบว่าพอเด็กได้ที่ 5ก็มีสิทธิ์ไปแข่งระดับจังหวัด     ตอนนี้แข่งได้ที่  1  ของจังหวัดเลยคะ

     *สังคมไทย   ความเป็นไทย   มารยาทชาวพุทธ

    *ขอยกคำสอนของหลวงพ่อ  สุวัจน์  สุวโจ  ว่าครั้งหนึ่ง  ดิฉันไปกราบท่านเพิ่งกลับมาจากสร้างวัด  เมตตาวราราม   ที่สหรัฐอเมริกา  กำลังจะไปสร้างวัดเขาน้อยที่  บุรีรัมย์  ท่านถามว่าเดี๋ยวนี้ทำงานอะไร   ดิฉันตอบว่าเป็นครู   ท่านสอนเราสองคนกับอาจารย์ถนอมจิตว่า  การเป็นครูนั้นใช่ว่าจะสอนแต่เขา     เราต้องสอนใจเราด้วย     สอนอย่างมีสติ  จะทำอะไร  ที่ไหน   อย่างไรต้องรู้สึกตัวตลอดเวลา   เพราะฉนั้น     ขอให้ครูทั้งประเทศรู้จักคำว่า  พอดีเด็กไทยจะได้มีโอกาสพัฒนาเท่าเทียมกัน

        ขอบคุณคุณครูทุกคนที่ทำเพื่อเด็กไทย

สวัสดีค่ะ..คุณ          
P
 และคุณราย่า เพน..
มาช้าเหมือนกันค่ะ..แต่ต้องมาขอบคุณนะคะที่แวะเยี่ยมเยียน...เสมอเลย
  • ขอชื่นชมคุณครูแอ๊วจริงๆค่ะ ที่สอนให้นักเรียนคิดแบบ Positive Thinking วันนี้เขาอาจจะยังไม่เข้าใจอะไรได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อเราฝึกให้เขาได้พัฒนาความคิดไปเรื่อยๆ แล้วเขาก็จะเข้าใจความเป็นธรรมชาติต่างๆได้ดีขึ้น  เขาก็จะสามารถเผชิญปัญหาและอุปสรรคต่างๆในอนาคตได้เป็นอย่างดีค่ะ 
  • ชอบจังค่ะ คำว่า ...แพ้อย่างผู้ชนะ... ชนะใจตัวเองสำคัญที่สุดค่ะ

ตามมาอ่านและตามมาขอบคุณมากๆเลยค่ะ..สำหรับมิตรภาพดีๆที่มีให้กัน...

ขออนุญาตนำบล็อคคุณนู๋ทิมเข้าแพลนเน็ตนะคะ..จะได้ไม่ตกหล่นอ่านบันทึกดีๆ...เป็นอาหารทางโลกและทางธรรม..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท