ความเดิม..บ่ายวันนี้ผู้เขียนกลับจากข้างนอกเข้าประตูบ้านเสร็จ ทันใดนั้นมีเด็กผู้ชายตัวใหญ่ๆมาเดินถามที่ริมประตูบ้านว่า เป็นเจ้าของบ้านใช่ไหม ผู้เขียนฟังไม่รู้เรื่องตอนแรกเดาว่าเป็นคนมาถามหาบ้านหลังนั้นหลังนี่ แต่ไม่ใช่..ขอพูดดังๆหน่อย..ไม่ได้ยิน..เด็กคนนั้นก็พูดอีก
ผมมาขอทำงานแลกค่าจ้างครับ ล้างรถก็ได้ กวาดสนามหญ้านอกบ้านก็ได้ ผมเรียนอยู่...มาหาเงินครับ หา..อะไรนะผู้เขียนซักด้วยความงง ผมมาขอทำงานแลกเงินครับ..!!
นั่นคือบันทึกตอนที่ 30 แล้วมีหลายท่านสนใจอยากตาม Case นี้ว่าเป็นอย่างไร ความจริงวันรุ่งขึ้นผู้เขียนก็เดินทางไปที่โรงเรียนวัดหนองแวง เมืองเก่าของขอนแก่นทันทีเพื่อพิสูจน์ว่า
ผู้เขียนไปวัดหนองแวงริมบึงแก่นนคร สถานที่ใครๆก็ต้องเคยมาวัดนี้บ้างแล้ว เพราะเป็นวัดหลวงและงานศพมีทุกวัน ผู้เขียนไปงานศพวัดนี้ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งแล้ว และยังมีมหาเจดีย์สูงเสียดฟ้า สง่างามท่ามกลางความมืดมิด เพราะทางวัดจะอวดคนดูให้เห็นความงามโดยการใช้ไฟส่องยอดเจดีย์ยามค่ำคืน แก่ผู้คนที่มาเดิน มาวิ่ง มาตกปลา มาจู๋จี๋กันที่บึงแก่นนคร หรือมาเที่ยวยามดึก หรือมากินอาหารค่ำซึ่งมีร้านดังๆมากมายตั้งแต่ร้านริมถนนจนถึงเหลาจากเยาวราช ก็หากินได้ที่ริมบึงแห่งนี้ นัยว่าไปหามุมดูยอดเจดีย์ที่สวยงาม
ที่มุมวัดติดถนนเมืองเก่านั้นมีโรงเรียนการกุศลวัดหนองแวงตั้งอยู่ มีชั้นเรียนตั้งแต่ ม.1 ถึง ม. 3 ทางเข้ามีกรงเหล็กปิดตลอดแนว ราวกับว่าห้ามเด็กนักเรียนออกโดยพละการ หากจะไปข้างนอกก็ออกได้ทางเดียวซึ่งมีคนคุมประตูอยู่ ครูใหญ่เป็นพระชื่อท่านพระครูธรรมสารสุมณฑ์ ท่านเป็นรองเจ้าอาวาสวัดหนองแวงด้วย มีข้าราชการออกจากราชการแล้วมาช่วยบริหารงาน 1 ท่าน และเป็นผู้มาคุยกับผู้เขียน เมื่อรู้เรื่องกันท่านพระครูพร้อมกับอดีตข้าราชการท่านนี้ก็พาผู้เขียนขึ้นไปชั้น 3 เพื่อไปดูว่ามีเด็กคนนี้อยู่ในชั้นเรียนหรือไม่ เด็กกำลังเรียนอยู่ต่างฝ่ายต่างก็ทำสีหน้าแปลกใจกัน เป็นใคร มาทำอะไร เรื่องอะไร ทำไม แล้วไงต่อ...หลังจากอธิบายกันแล้วเด็กๆในชั้นบอกว่ามีเด็กคนนี้เรียนที่นี่จริง ครูประจำชั้นก็ยืนยันว่ามีจริง แต่ขาดเรียนมานานและหมดสิทธิสอบไปแล้วด้วย..!!
ครูประจำชั้นอธิบายต่อว่า เคยไปเยี่ยมที่บ้าน เขาแล้ว ไม่มีพ่อจริง มีแม่เป็นคนรับจ้างเล็กๆน้อยๆ และไม่ค่อยสบาย เด็กคนนี้จึงออกไปรับจ้างทำงาน เห็นช่วงตรุษจีนก็ไปรับจ้างเต้นสิงโต ของศาลเจ้าแห่งหนึ่ง เป็นคนอ้วนเกินตัวจึงมีปัญหาเรื่องการเดินขึ้นชั้น 3 มาเรียน ตอนนี้ขาดเรียนมากจนไม่มีสิทธิสอบแล้ว..ทางโรงเรียนได้แต่แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ ผู้เขียนทราบเรื่องแล้วก็อธิบายให้ทางครูประจำชั้นทราบว่าเราพยายามหาทางช่วยเหลือเด็กเท่าที่จะมีศักยภาพครับ
ผู้เขียนจากมาโดยทางท่านพระครูก็ฝากว่ามีทางช่วยอะไรได้ก็ช่วยกันนะ ผู้เขียนขับรถจากขอนแก่นมุ่งสู่มุกดาหารด้วยความคิดในใจตลอดว่าจะเอาอย่างไรดี คิดไปตลอดทาง จะไปหาองค์กรพัฒนาเอกชนให้หาทางช่วยเขา..จะไปปรึกษากับเทศบาลว่ามีทางหางานให้เด็กคนนี้ทำไหม...ไปหานายทุนขอนแก่น ไปหา Foster Plan Parent Organization เมื่อรถมาถึงมุกดาหารงานล้นมือก็ดึงเราออกจากเด็กคนนั้นเข้าสู่ภารกิจปกติ...
กลับบ้านเมื่อวันหยุด เด็กที่บ้านมาบอกว่า คุณลุง..เด็กคนนั้นมาอีกแล้ว มาด้อมๆมองๆบ้านเรา บ้านตรงข้ามก็กลัวว่าจะมาไม่ดีนะ บ้านเรามีสาวๆเต็มบ้านยิ่งกลัวกันไปใหญ่ ..เลยเล่าให้เด็กฟังเรื่องทั้งหมด และบอกว่าหากมาอีกก็ให้รีบบอกจะได้จัดการพาไปรู้จักกรรมการหมู่บ้านอย่างเป็นทางการเสียเลย ..
สายอีกวันผู้เขียนพบกับกรรมการหมู่บ้าน เล่าเรื่องให้ฟังและฝากให้คณะกรรมการช่วยประชาสัมพันธ์ให้เพื่อนบ้านรับทราบเรื่องนี้ และใครมีงานอะไรก็ช่วยๆกันเพราะเด็กต้องการงานทำและต้องการเงินไปรักษาแม่ และใช้จ่ายอื่นๆของครอบครัวเล็กๆของเขา (แต่ตัวใหญ่บึบเลย..) คณะกรรมการเห็นด้วยจึงรับดำเนินการต่อไป
นี่เป็นเพียงขั้นต้นเฉพาะหน้า แต่ระยะยาวเด็กต้องมีงานทำอย่างค่อนข้างมั่นคงสักหน่อย และหาทางเรียน กศน.เพื่อเพิ่มคุณวุฒิตอบสนองค่านิยมสังคม หากไม่มีวุฒิจะไปทำงานอะไรได้นอกจากใช้แรงงาน และยังเป็นแรงงานเด็กวัยรุ่นอยู่จะได้เงินสักเท่าไหร่กัน รัฐมีสวัสดิการเด็กกลุ่มคนกลุ่มนี้บ้างไหม ผู้เขียนคิดว่า นี่เป็นเพียงกรณีเดียวเท่านั้น อีกเท่าไหร่ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของสังคมกินคนแห่งนี้ อีกเท่าไหร่ที่ไปก่อคดีต่างๆให้เป็นที่หวาดระแวงของคนทั้งหลาย ..
การพัฒนาประเทศที่เอาแต่มองไปข้างหน้า อ่อนข้อต่อการพัฒนาสังคม มีแต่จะเร่งเพิ่มปัญหาเช่นนี้ขึ้นมา จนจะกลายเป็นสนิมในเหล็กที่กัดกร่อนเมืองไทย สังคมไทยให้ผุกร่อนต่อไปในที่สุด..
ดีจังเลย
เหว่าเคยอ่านจดหมายข่าวของเทศบาลนครขอนแก่น เค้ามีโปรเจคช่วยเหลือเด็กๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือต่างๆ (จำชื่อโครงการไม่ได้ค่ะ)
ซึ่งคิดว่า ควรแจ้งที่ เทศบาลนครขอนก่น เพื่อให้เด็กมีชื่อใน list ที่ต้องการความช่วยเหลือ เพราะเค้ามีโครงการให้ความช่วยเหลืออยู่นะคะ
ข่าวโครงการนี้เหว่าพึ่งอ่านมาตอนต้นเดือน กพ. นี้เองค่ะ
ค้นหาข้อมูลเจอพอดี
ชื่อโครงการ คนขอนแก่นไม่ทิ้งกัน
เป็นการค้นหากลุ่มผู้รับโอกาส และจำแนกประเภทผู้รับโอกาส และก็ค้นหาผู้ยื่นโอกาส เพื่อให้เกิดความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ลองดูนะคะ น่าจะเป็นอีกแนวทางออกที่ดี
ลืมให้เบอร์โทร 043-271261
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกตื้อๆขึ้นมาในอก..ดีใจด้วยค่ะที่ได้คำตอบอย่างชัดเจนกับข้อสงสัยของตนเองและได้รู้ว่าช่วยคนไม่ผิด..
ลองติดต่อพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่นด้วยนะคะ..เพราะเขาเป็นเลขาฯของคณะกรรมการคุ้มครองเด็กของจังหวัด ทางพัฒนาสังคมฯจะมีแนวทางช่วยให้เด็กได้เรียนต่อและแม่ถ้าเข้าข่ายผู้พิการก็จะได้รับการช่วยเหลือตามสิทธิได้ด้วยน่ะค่ะ..นอกจากนี้ยังสามารถประสานงานกับ รพ.เพื่อที่จะดูแลเรื่องการรักษาแม่ของน้องเขาได้ เท่าที่เบิร์ดทราบ ผวจ.ทุกที่จะมีนโยบายเพื่อช่วยเหลือทางสังคมอยู่แล้วและ ผวจ.เป็นประธานในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กของแต่ละจังหวัดค่ะ..
สุขใจที่ได้เห็นน้ำใจและการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องค่ะ..
คุณโอ๋ครับ
พอดีที่เทศบาลขอนแก่นมีโครงการ เพื่อนช่วยเพื่อน และกรณีนี้เข้าข่ายจึงให้เทศบาลเข้ามาสานต่อครับ
ยากที่จะเห็นเด็กแสดงความจริงใจแบบนั้นออกมา เขาทำให้ผมคิดว่า ยังมีเด็ก หรือ และคนทุกข์ยากในสังคมที่ต้องการแสดงความจริงใจเช่นนี้ออกมา อย่าเพิ่งไปด่วนตัดสินว่า "เขามาไม่ดีไปเสียทั้งหมด" เรามิสทธิ์จะระแวง แต่ก็ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน เพราะถ้าเขาจริงใจจริงๆ มันจะไปทำร้ายจิตใจเขามหาศาลเลย คล้ายว้า "เขาพยายามเป็นคนดีแล้ว แต่สังคมไม่มีช่องว่างให้เขา"... เราควรพิจารณามากขึ้นนะครับ
ขอบคุณครับ