ประเด็นนี้โดนKM. เข้าจังเบ่อเร่อ ปัญหามันเป็นอย่างนี้ครับ ถ้าเราจะปลูกยูคาลิปตัส ก็ต้องถามก่อนว่าจะปลูกแบบไหน มีหลายแบบครับ เช่น แบบโฆษณาชวนเชื่อ แบบอยากรวย แบบทำตามๆกัน หรือแบบการจัดการความรู้ ถ้าทำตามแบบสุดท้ายก็ต้องถามต่อว่า ก่อนที่จะปลูกท่านได้ศึกษาหาความรู้ครบถ้วนแล้วหรือยัง ได้เปรียบเทียบกันการทำอย่างอื่นแล้วใช่ไหม รู้จุดดี จุดด้อย ปัญหาและข้อจำกัดต่างๆแล้วใช่ไหม ถ้าเป็นนักจัดการความรู้ก็ขอจับมือถามต่อว่า..คุณจะเอาความรู้อะไรไปใส่ในแปลงปลูกยูคาฯ มีความรู้แค่ไหนที่จะเอาไปใส่ลงในต้นยูคาฯ
ถ้าคิดและทำอย่างคนมีความรู้ มันก็ไม่ต้องมานั่งตีโพยอย่างนั้นอย่างนี้ เขาว่า คิดว่า ได้ข่าวว่า รู้สึกว่า ทั้งหมดนี้เกิดจากภายนอกทั้งสิ้น ทำไมไม่เป็นคนตอบตัวเอง ฉันศึกษาแล้วฉันขอฟันธงว่า..ฉันปลูกยูคาลิปตัสเพราะฉันมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันมีความรู้พอที่จะแก้ไขปัญหากับสิ่งที่เป็นจุดด้อยในงานที่ทำ ในโลกนี้ไม่มีอะไรจะเลิศประเสริฐศรีหมดจดไปทุกด้านหรอก ต่อให้สวยระดับนางงามจักรวาล ถ้าจะติก็หาเรื่องแคะคุ้ยจนได้ทั้งนั้นแหละ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเล่าที่จะไปเสียเวลาตรงนั้น ความรู้ด้านด้อยนั้นควรรู้ไว้เพื่อระมัดระวัง ตระหนักว่าไม่ควรประมาท ระวังไว้ผลกระทบผลเสียก็จะลดน้อยลง
วันนี้ชาวนาผู้ยากไร้ หนี้สินพอกเป็นหางหมู เราก็ยังจะดึงดันให้แกทำนาบนดินที่แห้งแล้งดินเลว ได้ผลลิตไม่คุ้มปากคุ้มท้องอย่างนั้นหรือ
· มีชุดความรู้อะไรบ้าง
· ที่จะมาส่งเสริมการทำมาหากินบนพื้นที่เสื่อมโทรม
· มีไหม มีว่าอย่างไร
· อธิบายให้หายโง่หน่อยสิต๋อย
จะแก้ไขความยากจนบนพื้นที่แห้งแล้งได้อย่างไร มีทางเลือกอะไรบ้างที่พอจะทำในสภาพปัจจัยที่มีข้อจำกัดจนเขม็งเกลียว เศรษฐกิจพอเพียงรึ อธิบายหน่อยสิว่าเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่แห้งแล้งดินเลวควรจะมีหน้าตาอย่างไร ออกจากห้องแอร์มาทำสัก 6 เดือนสิน่า จะได้รู้ว่าทำไมชาวไร่ชาวนาจึงเข้าตาจน
· คนเหล่านี้ขี้เกียจรึ
· คนเหล่านี้ไม่มีความรู้รึ
· คนเหล่านี้เหลวไหลรึ
· คนเหล่านี้พัฒนาไม่ได้รึ
มันขึ้นอยู่กับการออกแบบกิจกรรม ถ้าพื้นที่อุดมสมบูรณ์ดีปลุกอย่างอื่นได้ดีกว่า จะมาบ้าปลูกยูคาทำไมละครับ พื้นที่แห้งแล้งไม่มีน้ำไม่มีปุ๋ยไม่มีทุน ถามว่าจะให้ชาวบ้านปลูกอะไร ถ้าชาวบ้านปลูกริมรั้วคนละ 100-200 ต้น ก็จะมีไม้ใช้สอยไม้เชื้อเพลิงที่สามารถพึ่งตนเองได้ตลอดปีตลอดชาติ คงไม่เสียหายถึงกับดิ้นปัดๆมั๊ง
ในการปลูกบนคันนาเอาก็อย่าไปบ้าปลูกยูคาลิปตัสอย่างเดียว อาจจะปลูกกันคนละคันนา หรือปลูกสลับกัน เช่นปลูกไม้โตเร็วร่วมกับไม้อาคาเซีย ไม้ยืนต้นพื้นเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะผักพื้นเมืองยืนต้น แต่งานวิจัยของคณะจากจุฬาลงกรณ์ที่ได้ทุนของ(สกว.) ไปออกแบบปลูกไม้ยูคาลิปตัสบนคันนาชนิดเดียว ที่อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อที่จะเก็บตัวเลขรายได้จากไม้ชนิดเดียวเป็นหลัก
ปลูกบนคันนาสลับฟันปลา ระยะ1.50 เมตร รอบคันนา1ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 260 ต้น ไม้อายุ 4 ปี ตัดขายจะมีรายได้ประมาณ 20,000 บาท/ไร่/4 ปี นั่นก็หมายความว่าจะมีรายได้เฉลี่ยปีละ 2,000 บาท/ปี มาอุดหนุนจุนเจือเสริมรายได้จากการทำนาที่มีรายได้น้อยกว่าจากยูคาเสียอีก ถ้าชาวบ้านปลูก 20 ไร่ ก็จะมีรายได้ 40,000 บาท/ปี หรือรายได้จริงในปีที่4เป็นเงิน 20,000 x 20 = 400,000 บาท ใช้หนี้สัก 200,000 บาท ก็ยังมีเงินทุนก้อนหนึ่งพอที่จะไปซื้อปัจจัยการผลิตอื่นมาพัฒนาอาชีพได้ แต่ถ้าทำเหมือนเดิม โอกาสยากที่จะรอดได้ สุดท้ายต้องขายไร่นาสาโททิ้ง คราวนี้ละเป็นการเสียนาจริงๆ มันไม่ได้เสียที่ดินแค่เสื่อมโทรมอย่างที่เราเข้าใจกัน
สิ่งที่เสนอนี้ไม่ใช่เรื่องตายตัวว่าจะต้องทำตาม เพียงแต่เป็นทางเลือกหนึ่ง ให้ศึกษากันต่อว่าควรจะออกแบบปลุกต้นไม้บนคันนาอย่างไร ถึงจะเหมาะกับเราและได้ประโยชน์ตามความต้องการของครอบครัวนั้นๆ มันมีวิธีบริหารจัดการอีกร้อยแปด ไม่ใช่ปลูกเพื่อไปส่งโรงงานอย่างเดียว ต้นโตๆอายุ15 ปี ผมแปรรูปให้ดร.แสวง รวยสูงเนิน เอาไปทำโรงเรือนเลี้ยงโคที่ขอนแก่น ไม้ต้นเดียวคิดเป็นเงินตามราคาชาวบ้าน ไม่ใช่ราคาโรงไม้ ยังมีรายได้ 13,000 บาท/ต้น
ถ้าเราแปรรูปแล้วนำไปทำเครื่องเรือนหรือก่อสร้างบ้านเรือนก็จะมีรายได้ประมาณ 20,000 บาท/ต้น ถ้าท่านปลูกกันคนละ 1,00 ต้น ไม้อายุ 15 ปี ราคาไม้ตอนนั้นน่าจะอยู่ที่ต้นละ 30,000 บาท ก็จะมีรายได้ประมาณ 3,000,000 บาท เอาไปสมทบกับบำเหน็จบำนาญก็จะมีเงินไปเที่ยวรอบโลกได้ หรือถ้าอยากมีเงินมากกว่านี้ ก็ปลูกสัก 1,000 ต้น ก็จะรับทรัพย์อีตอนหง่อม 30,000,000 บาท (สามสิบล้าน) ไม่มากไม่น้อย ซื้อไข่มดแดงได้หมดตลาดเลยเชียวแหละ ลองเก็บไปพิจารณาต่อนะครับ ว่าจะปลูกอะไรดี
ส่วนผมนั้นปลูกอยู่แล้ว นั่งเขียนหนังสือยู่นี่ ต้นไม้มันก็โตของมันขึ้นเรื่อยๆ สมมุติว่ามี 20,000 ต้น อัตราเติบโตคิดเป็นมูลค่าต้นละ1บาท ผมก็จะมีรายได้วันละ 20,000 บาท ไม่น้อยเลยเชียวแหละ มีเงินพอที่จะไปซื้ออาหาร ขนม นมเนย ไว้ต้อนรับที่รักจะยกทีมมาจากทั่วประเทศในต้นเมษานี้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้แปรรูปมาเป็นตัวเงินแค่นั้นเอง มันยังเป็นออมสินต้นไม้ จ่ายดอกเบี้ยเป็นร่มเงา ออกซิเจน ความร่มรื่น เป็นที่อยู่ของนกหนู ออกมาขันจูฮุกกรู๊ตอนบ่ายๆ เรื่องนี้มันคงต้องคุยเรื่องพอเพียง เรื่องคุณค่าและมูลค่าอีกหลายตอน
สรุปได้ว่า ถ้าปลูกยูคาฯด้วยสติปัญญา มันคงไม่ถึงกับเลวร้ายอะไร เพราะผมปลูกกับมือ รู้เห็นข้อดีข้อด้อย ตอนต่อไปจะเสนอประสบการณ์ตรง ให้เห็นดีๆดีอย่างไร ที่ว่าด้อยมันด้อยตรงไหน และสร้างฟาร์มต้นไม้แบบอีลุ๊บตุ๊บป่องมาอย่างไร อย่าเพิ่งเบื่อนะจ๊ะตามมาวิจารณ์ด้วย ตัดไม้ขายเมื่อไหร่..จะซื้อทองให้ใส่เส้นโตเท่าโซ่รถไฟ อิอิ..
อิอิ พ่อครูขา... แอบมาตอบค่ะว่า 2 เมษายน น่าจะอยู่ที่ เม็กดำค่ะ แต่ถึงอยู่มหาสารคามก็เข้าไปได้ค่ะ ^__*
ดร.อุษา กลิ่นหอม แห่ง ม.สารคาม นั่นแหละ
ส่งเทียบเชิญมาให้ไปสนทนาวิสาสะ เรื่อง..จำไม่ได้ ต่อท้ายว่าภูมิปัญาๆๆๆอะไรนี่แหละ จัดที่ตักกะศิลา .ไม่รู้อยู่ตรงไหน เลยมองหาตัวช่วย เผื่อจะมีอาสาสมัครมาช่วยฟัง คิด เก็บสาระไปดูแลต่อ
กลับมาบ้าน แล้วปลูกใหม่ 100 ต้น
บอกแม่ว่า ขุดนี้ขอไว้อย่าตัดขาย
เอาไว้เป็นทุนแต่งเมีย
มีตัวอย่างของจริง ติดตามตอนต่อไป
กราบสวัสดีงามๆ ในตอนที่ 4 ครับผม
ฝากข่าวถึง ชาวมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.)
นาย ขจิต ฝอยทอง เมื่อ |
มีเรื่องน่าทำเยอะ ดีกว่ายูคาเสียอีก
เพียงแต่ยูคามันจัดการง่าย ลงทุนต่ำ เหมาะแก่คนจน
อ.ขจิต สวรรค์บัญชาให้เกิดมาเป็นครู
เพียงแต่ต้องเลือกว่าจะเป็นครูในระบบหรือนอกระบบ
ถ้านอกระบบเราจะทำอะไรได้มากกว่า
สนุกกว่า ไม่ลำบากใจ ท้าทายความสามารถ
ออกมาอยู่แบบอิงระบบ
ถ้าสนใจต้องคุยกันยาว
คนเก่งๆผมยุให้ออกนอกระบบมาเยอะแล้ว
ผมนี่เป็นบุคคลอันตรายต่อระบบ
พ่อครูฯ ขา
เงินทองเป็นของนอกกาย ยูคาฯ สิ ถ้าโดนตัดไป ร่มเงา ออกซิเจน ความร่มรื่น เป็นที่อยู่ของนกหนู ออกมาขันจูฮุกกรู๊ตอนบ่ายๆ จะหายไปนะคะ พ่อครูฯ
ถึงพ่อครูฯ ไม่ได้สวมสร้อยเส้นเท่าโซ่รถไฟ ก็ไม่เห็นจะเป็นไร เพราะสายใยที่มีหัวใจพวกเราเป็นบ่วงคล้องคอพ่อ ก็หนักกว่าโซ๋รถไฟแล้วค่ะ
ด้วยความเคารพ