การพัฒนานักวิจัยและข้อเสนอโครงการวิจัยผศ.สมทรง นุ่มนวล สวัสดีค่ะชาวขุนทะเล เดือนนี้กุมภาพันธ์เป็นสัญลักษณ์ของเดือนแห่งความรัก ตามวัฒนธรรมตะวันตก ซึ่งเกือบทุกภาคส่วนวิตกกับพฤติกรรมของเยาวชนพันธุ์ใหม่ที่อยู่ในภาวะวิกฤตของสังคมไทย เช่นการให้ความสำคัญและค่านิยมที่ผิด ๆ กับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขต่อไป อย่างไรก็ตามมหาวิทยาลัยของเราก็ยังคงมีความรักต่อการจัดกิจกรรมทางวิชาการอีกมากมายและหลากหลายเป็นปกติวิสัย กระทั่งบางครั้งกิจกรรมซ้ำซ้อนทั้งวันและเวลาจนยากต่อการตัดสินใจเลือกทำกิจกรรมใดก่อนเพราะล้วนแต่สำคัญและน่าสนใจทั้งสิ้น ทั้งนี้ทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นล้วนเป็นมิติแห่งคุณภาพเพื่อพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพของชาวราชภัฏ ในส่วนของสถาบันวิจัยและพัฒนานั้น ประเดิมเดือนแห่งความรักด้วยการจัดโครงการพัฒนานักวิจัยและข้อเสนอโครงการวิจัย เมื่อวันที่ 7 - 8 กุมภาพันธ์ 2550 ณ โรงแรมสุภารอยัลบีช อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานักวิจัยและข้อเสนอโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ที่มาของการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากโครงการอบรมนักวิจัยรุ่นใหม่ ภายใต้หัวข้อ “แนวคิดหลักการเขียนเอกสารเชิงหลักการและ ข้อเสนอโครงการวิจัย” ซึ่งได้จัดอบรมไปแล้วเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2550ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2550 ด้านสังคมศาสตร์ กิจกรรม ในวันที่ 7 - 8 กุมภาพันธ์ 2550 จึงเป็นความต่อเนื่องของการประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยมีอาจารย์เข้าร่วมจำนวน 55 คน จาก คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 27 คน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จำนวน 21 คน คณะวิทยาการจัดการ จำนวน 3 คน และคณะครุศาสตร์ จำนวน 4 คน สำหรับผลการประชุมช่วงแรกเป็นการเติมเต็มหลักการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย โดยวิทยากรมืออาชีพ ดร.เทิดชาย ช่วยบำรุง ผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งมีคำคมฝากผู้จะเป็นนักวิจัยว่า “งานวิจัยต้องทำด้วยหัวใจไม่ใช่แค่สมอง” ดร.เทิดชาย ฯ ได้นำเสนอองคาพยพของการทำวิจัยตั้งแต่ กระบวนการบริหารและจัดการงานวิจัย เทคนิคการคิดโจทย์วิจัย เทคนิคการบูรณาการโจทย์วิจัย เป็น “ชุดโครงการวิจัย” การเตรียมตัวเป็นนักวิจัย เทคนิคการเขียนข้อเสนอโครงการและการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม การนำเสนอของ ดร.เทิดชาย ฯ นอกจากจะแสดงถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงแล้ว วิธีการนำเสนอก็เร้าใจแสดงถึงความเป็นครูมืออาชีพอีกด้วย ขอยกตัวอย่าง ผลย้อนกลับจากผู้เข้าร่วมประชุม เช่น อาจารย์โสภณ บุญล้ำ จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้มีประสบการณ์และคร่ำหวอดกับการวิจัยเกี่ยวกับเป็ดและไข่(ไก่) กล่าวถึงเนื้อหาและวิธีการนำเสนอของ ดร.เทิดชาย ฯ ว่า “ฟังกี่ครั้งก็ไม่ซ้ำ ดำเนินเรื่องอย่างเป็นระบบ ไม่น่าเบื่อ มีเรื่องใหม่ๆ มาเติมเต็มความรู้ให้เราทุกครั้ง” ส่วนอาจารย์กัลญา แก้วประดิษฐ์ อาจารย์น้องใหม่จากคณะมนุษยศาตร์และสังคมศาสตร์ได้ฟังการนำเสนอของดร.เทิดชาย ฯ แล้วกล่าวว่า “รู้สึกต่อมขี้เกียจถูกกระตุ้นทำให้อยากทำวิจัย” สำหรับอาจารย์ชนัญชิดา ทิพย์ญาณ ซึ่งอยู่ระหว่างการทำวิจัยให้ทัศนะจากการร่วมประชุมครั้งนี้ว่า “ถ้าไม่มีพื้นฐานการวิจัยมาก่อน Concept ดร.เทิดชาย ฯ สุดยอด ข้อมูลที่ได้ละเอียดมาก” เมื่อได้ฟัง ดร.เทิดชาย ฯ นำเสนอแล้วอาจารย์หลาย ๆ ท่านก็ถึงบางอ้อ! “อ๋อมันเป็นเช่นนี้เอง” ดร.เทิดชาย ฯ ท่านมีเทคนิคอย่างไรถามไถ่ได้จากผู้เข้าร่วมประชุมค่ะ ช่วงที่สอง เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการทำวิจัย โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ศ.ดร.อรอนงค์ นัยวิกุล ศ.ชวน เพชรแก้ว ดร.เทิดชาย ช่วยบำรุง และ รศ.เปรมชญา ชนะวงศ์ ในช่วงเวลาดังกล่าวก็เร้าใจเช่นกันถึงแม้จะเป็นบรรยากาศยามค่ำคืนที่ชวนให้นึกถึงฟูกนุ่ม ๆ แต่ทุกคนกลับตื่นอยู่ตลอดเวลา อาการง่วงเหงาหงาวนอนไม่ปรากฏให้เห็นกระทั่งเวลาอันมีค่าผ่านไปอย่างรวดเร็วจนหลายคนบ่นเสียดายเวลาน้อยไป เนื่องจากเป็นช่วงของการถอดบทเรียนจากประสบการณ์ของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความแตกต่างและหลากหลาย ซึ่งต่างก็งัดวิทยายุทธ์ถ่ายทอดสู่นักวิจัยและว่าที่นักวิจัยทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศ.ชวน เพชรแก้ว วิทยายุทธ์ท่านยังมีอีกเยอะ นักวิจัยจะได้เรียนรู้ประสบการณ์จากท่านอีกนานค่ะ ซึ่งประมวลจากการฟังผู้มีประสบการณ์แล้วน่าจะได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันว่า หนทางสู่ความสำเร็จนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่ปะปนไปด้วยปัญหา และอุปสรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำวิจัยในอดีต แต่สำหรับการทำวิจัยในปัจจุบันนั้นมีโอกาสและสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยเป็นอย่างมาก จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 4 ท่าน ได้บทสรุปคุณลักษณะของผู้ที่จะประสบความสำเร็จในการทำวิจัยหรือเป็นนักวิจัยที่ดี ต้องมีคุณลักษณะและคติสอนใจเช่น “มีความอยากรู้อยากเห็น” “รักการอ่าน” “ต้องอ่านต้องรู้” “ขี้สงสัย” “ทำแล้วไม่สำเร็จ ไม่ทำ” “เป็นแล้วไม่ดีไม่เป็น” “จับอะไรแล้วไม่วาง” “อุปสรรคเป็นเส้นทางสู่ชัยชนะ” “ทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว” “อย่าเป็นนกเปียกน้ำ” “ใจต้องไปก่อนแล้วตามไปเมื่อใจเรียกหา” “มนุษย์มีสัญชาตญาณการเอาตัวรอด” “นั่งในใจชุมชน” “ปรับตัวได้ทุกสถานการณ์” “มีอิสระ สนใจ เห็นพลังอำนาจในสิ่งที่ทำ” “ได้รับโอกาส” และ “มีพละ 5 (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา)” ซึ่งแต่ละประเด็นมีคำอธิบายขยายยาวเหยียดท่านใดสนใจถามผู้เข้าร่วมประชุมได้ค่ะ ช่วงสุดท้ายเป็นการปฏิบัติการวิพากษ์ข้อเสนอโครงการวิจัย แบ่งตามศาสตร์ 3 กลุ่มย่อย คือ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีผู้ทรงคุณวุฒิประจำกลุ่มได้แก่ ศ.ดร.อรอนงค์ นัยวิกุล ด้านสังคมศาสตร์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกผู้ทรงคุณวุฒิประจำกลุ่ม ได้แก่
ศ.ชวน เพชรแก้วและ รศ.เปรมชญา ชนะวงศ์ กลุ่มที่สอง
ดร.เทิดชาย ช่วยบำรุง การดำเนินการวิพากษ์ขึ้นอยู่กับข้อตกลงภายในกลุ่ม บางกลุ่มก็วิพากษ์เจาะลึกเป็นราย ๆ บางกลุ่มก็วิพากษ์โดยรวม ทั้งนี้เพื่อให้นักวิจัยได้ปรับปรุงพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยให้สมบูรณ์มีคุณภาพพร้อมเสนอขอรับทุนอุดหนุนการวิจัยต่อไป สำหรับข้อเสนอแนะที่ผู้เข้าร่วมประชุมได้เสนอแนะไว้นั้นสถาบันวิจัยและพัฒนาจะได้นำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการวิพากษ์ข้อเสนอโครงการวิจัยที่ผู้เข้าร่วมประชุมเสนอให้มีผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญลึกซึ้งจากหลายสาขา เพื่อจะได้วิพากษ์ตรงประเด็น แบบ ”ฟันธง” ว่างั้นเถอะ! จึงขอเชิญชวนท่านทั้งหลายนำเสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่าง ๆ เพื่อสถาบันวิจัยและพัฒนาจะได้เชิญมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสต่อไปค่ะ ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ ศ.ดร.อรอนงค์ นัยวิกุล ศ.ชวน เพชรแก้ว ดร.เทิดชาย ช่วยบำรุง และ รศ.เปรมชญา ชนะวงศ์ และขอขอบคุณผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน สถาบันวิจัยและพัฒนาจะจัดกิจกรรมทางวิชาการเพื่อหนุนเสริมพัฒนางานวิจัยมหาวิทยาลัยของเราต่อไป โปรดติดตามสวัสดีค่ะ