คุณฉัตรชัยครับ
ตรงที่คุณฉัตรชัยยกมา เป็นความคิดเห็นของผมครับ Toffler ไม่ใด้มีตรงนี้ในหนังสือ ตรงนี้ไม่ได้หมายถึงว่ารู้มากๆ รู้หลากหลายไม่ดีนะครับ ผลเน้นในแนวการคาดเดาเอาผลมากกว่า
ตรงนี้เป็นการขยายจาก คุณลักษณะที่ว่า ความรู้มันไม่ให้ผลในผลในแนวตรงและคาดเดาไม่ได้ ตรงนี้อาจจะเปรียบได้กับสุษาษิตที่เคยได้ยินว่า "ความรู้ท้วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด" ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับสุภาษิตนี้เท่าใหร่ เพราะการมีอยู่ของความรู้ มันไม่ได้ เป็นแค่ปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิดผล
"การมีอยู่" ในที่นี้หมายถึงการมีอยู่ของมัน (object) ความรู้ อาจเป็นทั้ง tacit, explicit, describable, non-describable หรืออะไรต่างๆแล้วแต่เราจะจำแนก และ รวมไปถึงการได้มาของความรู้มาสู่ตัวเรา (subject) ด้วย
"การเข้าคู่" ในที่นี้หมายรวมถึงการเข้าคู่ของอึกความรู้ที่มีอยู่ในตัวเราด้วยกันเอง (object + object) และการเข้าคู่ของเข้าใจ และการเข้าคู่ของประสบการณ์ และความคิด ของปัจเจคนั้นๆ (object + subject) เอง
"การนำไปใช้" ตรงนี้ก็เหมือนกันการนำไปใช้ก็ขึ้นอยู่กับปัจเจคเหมือนกัน เคยมีใหม่ครับที่บางครั้งเราจะได้ยินคนพูดว่า จริงๆฉันคิดได้ก่อนแล้ว หรืออะไรทำนองนี้
ที่ยกทั้งสามตัวมาก็เพื่อจะให้ข้อคิดเห็นส่วนตัวเพิ่มเติมและเห็นด้วยกับผู้เขียนในส่วนที่ว่าเราคาดเดากับผลของความรู้ไม่ได้
ในความเห็นของผมตัวความรู้จริงๆ มันเป็นกลาง เป็น object ด้วยตัวของมันเองไม่อาจให้คุณให้โทษด้วยตัวของมันเองได้ครับ อยู่ที่ subject ที่นำมาอยู่ในบุพบทอีกที