ไม่เช่นนั้นจะต้องตกเป็นเหยื่อเขา....


"จงรู้เท่าทันการสื่อสาร จงรู้เท่าทันการสื่อสาร และจงรู้เท่าทันการสื่อสาร"

(37)

 

 

 การรู้เท่าทันการสื่อสาร มีอยู่ในหนังสือเรียนวิชาไหน ?


ที่ผ่านมา ดิฉันศึกษาอย่างคร่าวๆก็ได้เห็นว่า องค์ความรู้ชุดการรู้เท่าทันการสื่อสาร มีอยู่แล้วในวิชาภาษาไทยทุกระดับชั้น โดยเฉพาะการวินิจสาร  และการสื่อสารอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งครูภาษาไทยสอนกันเป็นขนบ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันต่อกันไปถึงอนาคต

การฝึกให้อ่านและจับประเด็น สรุป ย่อ ขยาย  ทั้งด้วยการเขียนและการพูด    เป็นการฝึกทักษะการรับ-ส่งสารได้อย่างดียิ่ง    การฝึกให้หาใจความสำคัญ  หาแก่นของเรื่องให้เจอ   ฝึกให้แปลความ  ฝึกให้ตีความ  (รู้เท่าทันความคิดของผู้เขียน) และถามถึงจุดมุ่งหมายของผู้เขียน  เหล่านี้  ล้วนเกี่ยวข้องกับทักษะการรู้เท่าทันการสื่อสารทั้งสิ้น

เรื่องการรู้เท่าทันการสื่อสาร ดิฉันเห็นว่ามาปรากฏชัดในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หัวข้อ กระบวนการพัฒนาการสื่อสาร..หัวข้อย่อย คุณธรรมในการสื่อสาร โอ้.. ช่างชัดเจนอะไรเช่นนี้ ! ....

ดิฉันอ่านแล้วดีใจไชโยมาก… อยากเขียนบทความเรื่อง “การรู้เท่าทันการสื่อสาร... วิชาที่ครูอนุบาลต้องรีบสอน” อยากมีโอกาสสอนน้อง ม.5 อีกที

...อยากสร้างในสิ่งที่อยากสร้าง

....อยากสอนในสิ่งที่เชื่อ เพราะเชื่อในสิ่งที่สอน แถมมั่นใจจนออกนอกหน้าอีกด้วย..

....คือดูแนวๆว่าตัวเองก็ออกจะอาการหนักอยู่เหมือนกัน.... 

ความหมายของคำว่ารู้เท่าทัน หากแปลตามแนวอันเป็นเบื้องต้นแห่งวิถีพุทธ ก็จะได้เป็นกระบวนการคิดที่ลึกซึ้ง กระบวนการคิดที่ลึกซึ้งนี้ เมื่อนำไปปรับประยุกต์ใช้ในกระบวนการฝึกทักษะการรู้เท่าทันให้แก่เด็ก และหาวิธีฝึกให้เหมาะสมตามวัย และระดับประสบการณ์ของเด็กแล้ว ดิฉันเชื่อ(เอาเอง)อีกว่าจะทำให้เด็กๆฉลาดและรู้คิด

หลักจิตวิทยาง่ายๆในการสร้างวิธีคิดชุดใดๆแก่เด็ก คือการพูดหรือนำเสนอคำสำคัญของวิธีคิดชุดนั้นๆ ในชั้นเรียนเป็นความถี่ซ้ำๆ (Program)

ควบคู่กับการนำเสนอทักษะกระบวนการ หรือกระบวนการฝึก (อย่างเฉียบคม ลึกซึ้ง กระทบใจ ให้คำตอบแก่ชีวิตเขาได้) ย้ำจุดแข็งให้กลายเป็นจุดขาย เอายุทธวิธีการตลาดคุณธรรมมาใช้ และชี้ให้เห็นความสำคัญของคำนั้นเป็นความถี่ซ้ำๆ และย้ำซ้ำ ตั้งแต่ก่อนเข้าชั้นอนุบาล จนจบจบชั้นสูงสุดของอุดมศึกษา (Promote)

ฝึกเด็กครั้งใด ก็ต้องจบด้วยประโยคที่ว่า "จงรู้เท่าทันการสื่อสาร จงรู้เท่าทันการสื่อสาร และจงรู้เท่าทันการสื่อสาร"  ไม่เช่นนั้นจะต้องตกเป็นเหยื่อเขา

พูดย้ำให้เด็ก ติดหู ติดตา ติดใจ คือเธออาจจะรำคาญนิดหน่อยพองาม ครูก็ต้องหาวิธีนำเสนอแบบเนียนๆ ให้เธอไม่ทันรู้ตัว พอเกือบจะรำคาญอีกที ครูก็หนีไปถึงปากซอยแล้วเป็นต้น

ทักษะ การรู้เท่าทันการสื่อสาร ควรเน้นหนักไปที่การฝึกวิธีคิด มิใช่มุ่งให้จดจำเนื้อหา....

อย่างไรก็ตาม ขอเรียนยืนยันอีกครั้งว่า คำว่า การรู้เท่าทันการสื่อสาร เป็นคำกลางๆ ที่ใครๆก็คิดได้ มองเห็นได้

ดิฉันมิใช่ผู้รู้เรื่องนี้ แต่เป็นผู้สนใจ ดังนั้น โพสติ้งทั้งหมดของดิฉัน จึงเป็นเพียงความรู้สึกและความคิดเห็นของครูธรรมดา มิใช่นำเสนออย่างเป็นวิชาการ (แม้ว่าดิฉันจะได้พยายามให้ดูดีมีระดับอย่างไรก็ตาม เพื่อนก็ยังตัดใจชมแบบถนอมน้ำใจ ว่าเขียนสนุกดีพอใช้ แต่อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง...  )

ดิฉันจะดีใจจนออกนอกหน้า ถ้าดิฉันสามารถเขียนเรื่องนี้ให้เป็นงานวิชาการที่ดูดีมีระดับได้ แต่ที่เขียนมาจนทุกวันนี้ก็ได้เห็นว่า จะเขียนอย่างไร ก็ไม่พ้นเรื่องการฝึกเด็กให้ทำงานพื้นฐานอย่างมีน้ำใจ การสอนเด็กให้หัดคิด ฝึกเผชิญปัญหา และรับมือกับสถานการณ์การสื่อสารแบบต่างๆในมหาวิทยาลัย แล้วก็หัดเขียนๆๆๆๆๆกันจนเวียนหัว แล้วดิฉันก็ทุ่มทุนตรวจงานเขียนของเด็กๆจนตาลาย คือมีปัญญาทำวกไปวนมาอยู่ได้เพียงเท่านี้

.....เด็กๆก็ยังคงบ่นว่า "สอนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะรู้เรื่อง" บ่นอย่างนี้ทุกรุ่น....ทุกปี ..เป็นตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่คงเส้นคงวาของดิฉัน

ดิฉันจึงตั้งใจจะเขียนงานวิจัยในชั้นเรียน( อย่างยาวสัก 10 หน้าเพื่อให้เด็กๆมั่นใจว่าวิธีสอนนี้ได้ผ่านการวิจัยแล้ว ขอรับรองว่าปลอดภัย)

และจะเขียนเอกสารประกอบการสอนความยาว 13 หน้า ให้เด็กเห็นว่าดิฉันไม่ได้พูดลอยๆ แต่มีเอกสารรองรับเชียวนะนี่ (คือสรุปว่าทั้งหมดทั้งปวง....ดิฉันก็รู้อยู่แค่นี้)

เมื่อเสร็จภารกิจข้างต้นทั้งหมดแล้ว ดิฉันจะได้โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก และจะได้ก้มหน้าก้มตาเขียนผลงานวิชาการ ให้ตรงตามชื่อวิชาต่างๆที่มีอยู่ในหลักสูตรจริงๆ ณ ปัจจุบันนี้ต่อไป

 

.......................................................................

 

ปรับเพิ่มเติมจาก เว็บไซต์วิชาการด็อตคอม กระทู้ การรู้เท่าทันการสื่อสาร (Communication Literacy)  ความเห็นเพิ่มเติมที่ 65 (12 ม.ค. 2550)  

หมายเลขบันทึก: 82303เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2007 21:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

มา

 

อยาก(มาก ๆ )ขอ ไฟล์ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แฮ่ม เอาอย่างนี้เลยนะ

ขอกันซึ่ง ๆ หน้า

เพราะน้อง..หมอเล็กขอประกาศตัวค่ะ เป็นเรื่องที่น่าอ่านมาก ๆทั้งซีรี่ส์เลย

ทุกวันนี้การงานพาให้อ่านได้ช้าลง

 

 

จึงอยากขอทั้งไฟล์เล้ย

เอากับผู้อ่านอย่างดิฉันสิคะ

พี่แอมป์กลัวยัง???

 

 

เอารูปไม้ใหญ่ มาแลก วาดเองค่ะ..ของจริงเป็นลายเส้น

อันนี้แต่งด้วยโปรแกรมเพนท์ที่ลูกสอน..

เห็นมั้ยคะ ว่าใครอยู่ใกล้น้อง น้องจับเขาเป็นครูเราหมดเลย

 

สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก

พี่แอมป์ขออนุญาตตะลึงสิบห้าวิก่อนนะคะ   ภาพข้างบนนี่ คุณหมอเล็กวาดเองเลยเหรอคะ !!!...

... แถมยังเป็นนักกลอนมือรางวัลอีกต่างหาก ....

 คุณหมอเล็กเป็นผู้ที่ใช้สมองทั้งสองซีกได้อย่างสมดุลจริงๆนะคะ  สงสัยว่าลูกภูจะได้รับลักษณะพิเศษเช่นนี้มาจากคุณแม่ด้วย  เพราะทราบว่ามีพรสวรรค์หลายประการอยู่  : )  

โอ้..ขอไฟล์เลยเหรอคะ  งั้นพี่ขอตกใจเอ๊ยดีใจต่ออีกสิบห้าวิ  จะได้รวมเป็นสามสิบวิพอดี   อิๆๆๆๆ   : )   : )

เรื่องขอไฟล์นี่นอกจากไม่กลัวแล้วก็ขอบอกอย่างชอบใจว่าพี่ก็กำลังจัดการกับไฟล์ทั้งหมดอยู่เหมือนกันค่ะ  เพราะหลังจากโพสต์ใน G2K แล้วพี่แอมป์ก็ไม่ได้เซฟไว้ในเครื่องอีกเลย  แล้วบางทีก็เข้าไปแปะเนื้อหาเพิ่ม  คือG2Kกลายเป็น My Documents Online ไปแล้ว  จนวันหนึ่งมหาชลาลัยเริ่มบังคับเอ๊ยทวงเอ่อคือสนับสนุนให้ทำผลงานวิชาการ  พี่เกรงว่าจะถูกดุ  ก็เลยจะก๊อปปี้เรื่องการรู้เท่าทันการสื่อสารมาเย็บชุดนำเสนอให้ท่านดู ว่าพี่ได้พยายามเขียนอะไรต่อมิอะไรไปตั้งยืดยาว  ..เพียงแต่มันไม่เป็นวิชาการเท่านั้น

ตอนนี้พี่แอมป์กำลังหัวฟูกับงานด่วนที่เข้ามา(แบบไม่อยู่ในแผนวงเล็บเช่นเคย) เลยไม่ได้ตามเก็บไฟล์ให้ครบสักทีและไม่ได้เขียนเพิ่มใหม่ด้วย   คุณหมอเล็กจุดประกายอย่างนี้ดีจังค่ะ  พี่แอมป์จะรีบรวบรวมให้ครบโดยไว ครบเมื่อไหร่จะส่งไปให้ทันทีนะคะ

และอยากบอกอีกทีว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่คุณหมอเล็กให้ความสนใจแถมด้วยความทึ่งแบบนึกไม่ถึงที่คุณหมอเล็กคอมเม้นต์อย่างคนที่"เห็น"เรื่องของจิตใจจริงๆ   จะว่าไปแล้วคุณหมอเล็กมองเห็นอะไรลึกซึ้งกว่าที่พี่แอมป์คิดมากนักค่ะ

ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับรูป"ไม้ใหญ่" ที่ให้อารมณ์มาก ลายเส้นก็น่าชมโขอยู่แล้วเพราะไม่ได้วาดง่ายๆ  แถมลูกภูยังสอนคุณแม่ให้ใช้โปรแกรมเพ้นท์แบบมือโปรอีกต่างหาก  ทำให้พี่คิดถึงประโยคนี้นะคะ  

"ทุกคนในโลกนี้เป็นครูของเราได้" 

จำไม่ได้ว่าใครพูดไว้  แต่ชอบจังค่ะ  : )   

มาทวง..ของ..อิ อิ

แว่บมาอ่านยากขึ้น ๆ (เวลาน้อยลง..เอ หรือเราบริหารเวลาทำงานด้อยประสิทธิภาพลง)..

วงเล็บยาวกว่าข้อความหลัก อิ อิ

 

บ้ายออยู่นะคะ  จึงแถมภาพ(ภาพข้างบน)

เป็นภาพแรกที่ลูกชายสอนน้องใช้เพ้นท์ทิ่ง น่ะค่ะ

 

 

สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก


ภาพสวยจังเลยค่ะ  : ) 
สำหรับของ  พี่แอมป์ยินดีให้ทวงเต็มที่เลยค่ะและเต็มใจให้ด้วย   เพียงแต่ด้วยว่าเวลาจำกัดก็เลยเก็บไม่ครบสักที  แต่ต้องเสร็จก่อนเปิดเทอมแน่ค่ะ  เพราะตั้งใจจะรวมไฟล์ให้เป็นชุด พี่เองก็จะได้ไม่ต้องคอยเปิดทีละอัน  และอดอ่านตอนเน็ตดาวน์

อ้อ.. ลูกชายเก่งอย่างนี้  ถอดแบบคุณแม่มาเลยมังคะเนี่ย : )   : )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท