กินเนื้อมาก เสี่ยงนิ่ว


ธรรมชาติของเหล็กอย่างหนึ่งคือ "อยู่ที่ไหน… เกิดสนิมที่นั่น"

Hiker

เราๆ ท่านๆ คงจะชื่นชอบ หรือชิงชังอาหารประเภทเนื้อกันบ้างไม่มากก็น้อย วันนี้มีข่าวดีสำหรับท่านที่กินเนื้อน้อยครับ…

ถึงตรงนี้... ขอเรียนเชิญท่านผู้อ่านไปชมอาหารศรีลังกา และวิธีกินถั่วฝักยาวแบบพม่าก่อน

    ภาพที่ 1:

หม้อศรีลังกา... โรงแรมในศรีลังกานิยมใช้หม้อแบบนี้(ด้านในเป็นสเตนเลสสตีล)บรรจุข้าวต้ม หรือซุป (ถ่ายจาก Gimanhala hotel, Dumbuli, Srilanka / กุมภาพันธ์ 2550)

    ภาพที่ 2: 

อาหารศรีลังกาคล้ายอาหารอินเดีย ทว่า...นิยมใช้พริกผสมไปเล็กน้อย พอให้หายเลี่ยน และไม่เผ็ด ทำให้มีรสชาดดีมาก

อาหารของชาวบ้าน เช่น โรตีใส่ไข่ ขนมทอด ฯลฯ รสชาดดีเช่นกัน ทว่า... ออกไปทางเค็มหน่อย

นิตยสารบนเครื่องบินรายงานว่า พ่อครัว(กุ๊ก)ศรีลังกาเพิ่งชนะเลิศการแข่งขันทำอาหารระดับโลกมา

โปรดสังเกตว่า ชาติที่กินพริก เช่น ไทย จีน(ตอนใต้) เม็กซิโก ศรีลังกา ฯลฯ มักจะมีชื่อเสียงด้านการทำอาหาร

ภาพนี้เป็นแกงถั่ว(ดาล) และผัดถั่วฝักยาวใส่ผงกะหรี่นิดหน่อย รสชาดหวานนิดหน่อย อร่อยมากครับ...

ท่านพระอาจารย์อาคมซึ่งมีประสบการณ์ไปศึกษาต่อที่มัณฑเลย์ และมอลัมยาย(เขตมอญ)พม่า 3 ปีเศษเล่าว่า

ตอนเหนือของพม่า เช่น มัณฑเลย์ ฯลฯ มีฝนค่อนข้างน้อย คนจะปลูกถั่วไปแลกข้าวที่ปลูกมากทางตอนใต้ เช่น ย่างกุ้ง ฯลฯ

ท่านพบเห็นคนพม่าปลูกถั่วหลายอย่าง ที่น่าสนใจคือ เขาไม่นิยมกินถั่วฝักยาวแบบคนไทยหรือคนศรีลังกา ทว่า...จะปอกถั่วฝักยาวออก เก็บแต่เม็ดไปกิน... ฟังแล้วเสียดายฝัก(ถั่วฝักยาว)จัง

คนพม่าส่วนใหญ่ยากจน กินข้าวขาวกับถั่วหลายชนิด ฝานหัวหอมเข้าไป เติมน้ำมัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำมันถั่วลิสงไป "ไม่หน่อย (= มาก)"

กินง่ายๆ อย่างนี้คนพม่ากลับมีผิวพรรณดี รูปร่างสูงใหญ่... ท่านพระอาจารย์อาคมกล่าวไว้อย่างนั้น

คนศรีลังกาส่วนใหญ่ฐานะไม่ดีนัก... กินข้าวขาวกับพืชผักรอบๆ บ้าน เน้นกล้วย มะพร้าว ขนุน(ทำกับข้าวได้) มีพริกอะไรหน่อยก็ผัดกับมะพร้าว เปิบกับข้าวได้เลย ช้อนส้อมไม่นิยม(นิยมเปิบกับมือ... นายช่างใหญ่ที่คุมการก่อสร้างวัดไทย-ศรีลังกาชานเมืองโคลอมโบกล่าวไว้อย่างนั้น

คนศรีลังกากินง่ายๆ อยู่ง่ายๆ เดินมาก ขี่จักรยานมาก อายุเฉลี่ยของคนศรีลังกายืนยาวกว่าคนไทยมานานแล้วเหมือนกัน

ขอกลับเข้าเรื่องเนื้อกับนิ่วอีกครั้ง... 

ท่านอาจารย์ดอกเตอร์ฉัง-จี ไส แห่งมหาวิทยาลัยเคนทัคคี สหรัฐฯ ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่าง 44,758 คน ซึ่งเป็นบุคลากรสาธารณสุขอเมริกัน 

เมื่อติดตามไป 17 ปี (ค.ศ. 1986-2002 หรือ พ.ศ. 2529-2545) พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 2,468 คนเป็นนิ่วถุงน้ำดี ในจำนวนนี้ 1,453 ต้องทำการผ่าตัดถุงน้ำดีออกไป

ผลการศึกษาพบว่า การกินธาตุเหล็กที่จับกับโปรตีนในเนื้อสัตว์ (heme-iron / ธาตุเหล็กในรูปฮีม หรือธาตุเหล็กที่จับกับโปรตีน) ซึ่งเป็นรูปแบบของธาตุเหล็กที่ร่างกายดูดซึมได้ดีมากมีส่วนเพิ่มความเสี่ยงโรคนิ่วถุงน้ำดี 21%

ส่วนการกินธาตุเหล็กในรูปอื่นๆ (non-heme iron) เช่น ธาตุเหล็กจากพืชผัก ฯลฯ ซึ่งร่างกายดูดซึมได้น้อยกว่าไม่มีผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงโรคนิ่วถุงน้ำดี

ธาตุเหล็กในร่างกายส่วนใหญ่อยู่ในเม็ดเลือดแดง(ฮีโมโกลบิน - hemoglobin) และกล้ามเนื้อ (ไมโอโกลบิน – myoglobin)

 

ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนจากปอดไปยังอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ส่วนไมโอโกลบินทำหน้าที่ดึงออกซิเจนจากเลือดเข้าสู่กล้ามเนื้อ เพื่อเผาผลาญสารอาหารให้เกิดกำลังงาน

ธาตุเหล็กในร่างกายคนเรามีลักษณะพิเศษคือ มากหรือน้อยไปก็ไม่ดี…

ถ้ามีธาตุเหล็กน้อยไปอาจทำให้เกิดโรคเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก ทำให้อ่อนเพลีย ไม่มีแรง สติปัญญาถดถอย

ถ้ามีธาตุเหล็กมากเกินไปอาจทำให้เสี่ยงต่อนิ่วถุงน้ำดี และโรคภัยไข้เจ็บอีกหลายอย่าง เนื่องจากธรรมชาติของเหล็กอย่างหนึ่งคือ "อยู่ที่ไหน… เกิดสนิมที่นั่น"

ทำไมเหล็กไปคล้ายผู้บริหารเข้าก็ไม่ทราบ… ผู้บริหารบางท่านมีนิสัยคล้ายเหล็ก อยู่ที่ไหนพอมีอำนาจขึ้นมาก็บ้า(อำนาจ)ที่นั่น

ธาตุเหล็กที่มากเกินอาจมีส่วนทำให้เกิดอนุมูลอิสระ (free radicals) มากขึ้น และอาจมีพิษต่อตับ หรือกล้ามเนื้อหัวใจได้

คนเราสูญเสียเหล็กวันละเล็กน้อยไปกับผิวหนัง และเยื่อบุลำไส้ที่หลุดลอกออกไปทุกวัน…

ร่างกายผู้หญิงมีการขับธาตุเหล็กออกไปได้หลายทางได้แก่ การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ การเสียเลือดระหว่างคลอด และการให้นมลูก

การขับธาตุเหล็กที่อาจจะมากเกิน(กรณีกินเนื้อ หรือผลิตภัณฑ์สัตว์ เช่น เลือดไก่ เลือดหมู ฯลฯ มากในระยะยาว) ผ่านการเสียเลือดอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย

ร่างกายผู้ชายไม่มีโอกาสขับธาตุเหล็กที่อาจจะมากเกินได้อย่างผู้หญิง… นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายอายุสั้นกว่าผู้หญิง

ถึงตรงนี้… ท่านที่กินเนื้อ หรือผลิตภัณฑ์สัตว์ เช่น ตับ เลือดไก่ เลือดหมู ฯลฯ มากก็อย่าเพิ่งตกใจครับ มีวิธีง่ายๆ ที่จะขับธาตุเหล็กส่วนเกินออก นั่นคือ ไปบริจาคเลือดที่สภากาชาด หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน

ท่านที่ไม่มีโอกาสบริจาคเลือดก็อย่าเพิ่งตกใจ… เพียงกินเนื้อ โดยเฉพาะเนื้อแดง เช่น วัว ควาย แพะ แกะ หมู ฯลฯ ให้น้อยลง กินโปรตีนจากสัตว์ให้มากขึ้น เช่น ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง เต้าหู้ งา ฯลฯ ให้มากขึ้น

การกินเนื้อให้น้อยหน่อย กินผลิตภัณฑ์พืชหลายๆ อย่างพร้อมกันในมื้อเดียว มีส่วนช่วยป้องกันโรคได้หลายอย่าง และทำให้สุขภาพดีขึ้นได้ในระยะยาว

    เรียนเชิญ:

  • เรียนเชิญท่านผู้อ่านทำแบบทดสอบ(ภาษาอังกฤษ) เพื่อหาอายุขัย (life expectancy calculation) ของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐฯ ว่า ท่านน่าจะมีอายุขัยกี่ปีได้ที่นี่… http://gosset.wharton.upenn.edu/mortality/perl/CalcForm.html 
  • เรียนเชิญท่านผู้อ่านทำแบบทดสอบ(ภาษาอังกฤษ) เพื่อหาอายุขัย (life expectancy calculation) ของอาจารย์นายแพทย์โธมัส เพิร์ลส์ได้ที่นี่… http://www.livingto100.com

    แหล่งที่มา:

หมายเลขบันทึก: 82265เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2007 16:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

     ผมกรอกข้อมูลทำแบบทดสอบ(ภาษาอังกฤษ) เพื่อหาอายุขัย (life expectancy calculation) ของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐฯ ว่า แบบลองผิดลองถูก ตัวเลขออกมาดังนี้ครับ

  • Life Expectancy: 82.67
  • Lower Quartile : 74.66
  • Median Lifetime: 84.45
  • Upper Quartile : 92.02

ขอขอบคุณอาจารย์ Beeman และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีที่อาจารย์ Beeman มีโอกาสที่จะมีอายุยืนมากกว่าคนไทย
  • คนไทยผู้ชายดูจะมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 72-77 ปี นี่อาจารย์มีโอกาสอยู่นานถึง 84.45 ปี (median) ทีเดียว

เรียนเสนอ...

  • เรียนเสนอให้ลองทำของอาจารย์นายแพทย์โธมัส เพิร์ลส์...
  • http://www.livingto100.com
  • เขามีคำแนะนำด้วยว่า ทำอย่างไรอายุมีโอกาสเพิ่ม อะไรเป็นจุดแข็ง หรือจุดอ่อนของเรา

การมีโอกาสอายุยืน...

  • การมีโอกาสอายุยืนบอกเราว่า
  • (1). น่าจะบริหารเงินไว้ใช้หลักเกษียณ.... เพราะฉะนั้นการออม + การทำให้งอกเงย เช่น ลงทุนสหกรณ์ฯ จะมีความสำคัญในระยะยาว (ทราบจากบันทึกของอาจารย์ว่า อาจารย์เป็นสมาชิกสหกรณ์)
  • (2). น่าจะใส่ใจสุขภาพ... เพราะค่าใช้จ่ายสุขภาพวัยหลังเกษียณมีแนวโน้มจะสูงมาก ถ้าสุขภาพดีจะมีโอกาสทำอะไรดีๆ และประหยัดได้มาก

ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้อ่านทุกท่านที่มีแนวโน้มจะมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพครับ...

ขอบพระุคุณอาจารย์วัลลภครับ

เหล็กดูไปก็คล้ายๆ วิตามินเอนะครับ  มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี  ต้องพอดี พอดี  ฝรั่งบอกว่าเป็นลักษณะตัวยู หรือกราฟรูปตัวยูคว่ำ

ก็อนุโมทนาสาธุ ในวิทยาทาน ที่อาจารย์ได้กระทำอย่างต่อเนื่องครับ

หมอสุข 

ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอสุขและท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ครับ...
  • ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะไม่ทราบว่า กราฟรูปยูคว่ำเป็นอย่างไร

ขออธิบายตรงนี้หน่อย...

  • กราฟยูคว่ำ (inverted-U shaped curve) หรือกราฟรูประฆังคว่ำ คือ กราฟที่แสดงคุณค่า หรือประโยชน์
  • ถ้าเทียบกับรูประฆัง หรือภูเขาที่ไม่ชันนักจะเห็นว่า ความสูงของพื้นที่จะค่อยๆ เพิ่มจากขอบระฆัง(หรือภูเขา) เพิ่มทีละน้อยๆ จนถึงจุดสูงสุดแล้วจะลดลง

ระฆังคว่ำ...

  • เรื่องของชีวิตส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะมีคุณประโยชน์รูประฆังคว่ำ...
  • ทางสายกลางน่าจะดี อะไรที่มากไปหรือน้อยไปมีแนวโน้มจะดีน้อยลง หรืออาจเกิดโทษได้

ตัวอย่าง....

  • ตัวอย่าง เช่น ข้าวที่เรากินกันอยู่ทุกวัน ฯลฯ
  • กินน้อยไปอาจทำให้ขาดอาหาร
  • กินมากไปอาจทำให้อ้วน และมีโรคตามมามากมาย

ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอสุขสำหรับคำแนะนำดีๆ ครับ... สาธุ สาธุ สาธุ

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท