ปี 2549 ผู้เขียนมีโอกาสไปพักที่วัดแฌมเย่ เมืองย่างกุ้ง พม่า... กรรมการวัดท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ลูกสาวของท่านเรียนสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่มหาวิทยาลัยมหิดล ฟังแล้วปลื้มใจมากทีเดียวที่ท่านให้เกียรติส่งลูกมาเรียนเมืองไทย
หนังสือพิมพ์อิระวดีออนไลน์ฉบับหนึ่ง (www.irrawaddy.org) รายงานว่า คนพม่านิยมส่งลูกไปเรียนสิงคโปร์ โดยเฉพาะที่วิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง เรียนจบแล้วก็หางานทำที่นั่นเลย ไม่ค่อยกลับไปทำงานที่บ้าน(พม่า)
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์รายงานสถิตินักศึกษาต่างชาติในไทย ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง...
นักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนในไทยปี 2548 มาจากจีน พม่า และลาวมากที่สุดดังตาราง (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1: จำนวนนักศึกษาต่างชาติในไทยปี 2547-2548
ประเทศ |
2547 |
2548 |
จีน |
1,189 |
1,615 |
พม่า |
346 |
489 |
ลาว |
229 |
436 |
เวียดนาม |
308 |
408 |
ญี่ปุ่น |
219 |
307 |
อเมริกา |
331 |
290 |
อินเดีย |
227 |
246 |
ไต้หวัน |
155 |
180 |
กัมพูชา |
150 |
168 |
บังคลาเทศ |
120 |
164 |
นักศึกษาเหล่านี้ส่วนใหญ่เข้ามาเรียนปริญญาตรี รองลงไปเป็นปริญญาโทดังตาราง(ตารางที่ 2)
ตารางที่ 2: แสดงระดับการศึกษาที่นักศึกษาต่างชาติเข้ามาศึกษา
ระดับ |
ปี 2547 |
ปี 2848 |
ปริญญาตรี |
2,939 |
3,902 |
ปริญญาโท |
1,017 |
1.395 |
ปริญญาเอก |
113 |
161 |
ต่ำกว่าปริญญาตรี |
265 |
143 |
มหาวิทยาลัยที่นักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนมากที่สุด 10 อันดับแรกในปี 2547-2548 ได้แก่ ม.อัสสัมชัญ (1,772 > 2,248), ม.มหิดล (308 > 476) ม.ธรรมศาสตร์ (296 > 170) ม.เว็บสเตอร์(ประเทศไทย) ม.ชิลเลอร์-สแตมฟอร์ด ม.เกษตรศาสตร์ ม.มิชชั่น จุฬาฯ ม.เชียงใหม่ และ ม.กรุงเทพ
ตัวเลขในวงเล็บท้ายชื่อมหาวิทยาลัยแสดงจำนวนนักศึกษาในปี 2547, 2548 ตามลำดับ น่าสังเกตว่า จำนวนนักศึกษากว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมดเรียนที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
สาขาวิชาที่นักศึกษาต่างชาติเข้ามาศึกษามากที่สุดได้แก่ บริหารธุรกิจ การตลาด ภาษาไทย ศิลปศาสตร์ ธุรกิจ การจัดการทั่วไป การจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และบริหารจัดการทั่วไปตามลำดับ
ปัจจัยที่นักศึกษาต่างชาติเลือกเรียนหลักสูตรนานาชาติในไทยได้แก่
ผู้เขียนขอเรียนเสนอว่า ประเทศไทยน่าจะให้ความช่วยเหลือเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะพม่า ลาว กัมพูชา โดยการจัดตั้งวิทยาลัยพยาบาล-สาธารณสุขข้ามชาติ (transnational colleges) ที่จังหวัดชายแดน หรือจังหวัดใกล้ชายแดน
วิทยาลัยนี้น่าจะเปิดสอน 2 ระดับได้แก่ ปริญญาตรี 5 ปี(พยาบาลศาสตร์ และสาธารณสุขศาสตร์) โดยทำการสอนร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลที่มีอยู่เดิม รับนักศึกษาจากไทยและเพื่อนบ้านฝ่ายละครึ่ง
เหตุผลที่หลักสูตรน่าจะเป็น 5 ปีก็เพื่อให้มีเวลาปรับตัว 1 ปี... ปีแรกให้เรียนภาษาอังกฤษ และภาษาเพื่อนบ้านก่อน
ถ้าเป็นนักศึกษาเพื่อนบ้าน... ปีแรกให้เรียนภาษาอังกฤษและไทยเพิ่ม ถ้าเป็นนักศึกษาไทย... ปีแรกให้เรียนภาษาอังกฤษและภาษาเพื่อนบ้านเพิ่ม ใกล้ประเทศอะไรให้เรียนภาษาประเทศนั้นเพิ่ม(พม่า ลาว หรือเขมร)
นักศึกษาไทยที่ผ่านหลักสูตรนี้น่าจะเก่งภาษาเพื่อนบ้าน ภาษาอังกฤษ มีประสบการณ์วัฒนธรรมข้ามชาติ และมีเพื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน
นักศึกษาจากประเทศเพื่อนบ้านที่ผ่านหลักสูตรนี้น่าจะเก่งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ มีประสบการณ์วัฒนธรรมข้ามชาติ และมีเพื่อนเป็นคนไทย
ถ้าระบบสาธารณสุขของประเทศเพื่อนบ้านเราดี... ปัญหาโรคติดต่อข้ามชาติ เช่น มาลาเรีย ฯลฯ น่าจะลดลง หรือถึงแม้จะไม่ลดลง... การได้มิตรภาพหรือ "ได้ใจ" ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเดียวก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว
แหล่งที่มา:
เชิญอ่าน:
เรียนคุณหมอ
บ้านราณีเคยมีนักเรียนแลกเปลี่ยนประเทศออสเตรเลียมาอยู่หลายครั้งค่ะ
ขอขอบคุณอาจารย์ Ranee และท่านผู้อ่านทุกท่าน
นักศึกษาต่างชาติ...
ขอขอบคุณครับ...
อืม.. ในระแวกประเทศเพื่อนบ้าน ผมก็สนใจที่จะไปเรียนต่อที่เวียดนาม เหมือนกันนะครับ ตอนแรกคิดว่าจะไปเรียนภาษาฝรั่งเศส จากที่นั่น ไม่ทราบว่าอาจารย์หมอ พอจะมีคำแนะนำ บ้างหรือเปล่าครับ ผม
ขอขอบคุณ... คุณสาทิตย์และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ได้ยิน...
ขออภัยครับ...