ป้าเจี๊ยบ
น้อง พี่ อา ป้า ครู อาจารย์ คุณ นางสาว ดร. รศ. ฯลฯ รสสุคนธ์ โรส มกรมณี

อังกิด 2: On the house ...ไม่เกี่ยวกับบ้านเลยจ้ะ


อยู่บนบ้าน..ได้ไงหว่า?!?

ป้าเจี๊ยบเคยดูหนังน่ารักเรื่องหนึ่ง จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้วค่ะ แต่คับคล้ายคับคลาว่ามีคำ biggest boy อยู่ด้วย จัดอยู่ในประเภทหนังครอบครัว (Family) ค่ะ

ตัวเอกเป็นเด็กชายวัยอยากรู้อยากเห็น 2 คนซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ของสหรัฐ ป้าเจี๊ยบไม่ได้ใส่ใจว่ารัฐอะไร แต่รู้ว่าเป็นรัฐทางใต้แน่ๆ เพราะสำเนียงพูดของตัวละครออกเสียงเหน่อๆ แบบเท็กซัสทั้งเรื่อง  

วันหนึ่งมีรถพ่วงแบบที่เรียกว่า Camper ซึ่ึ่งเวลาจะไปไหนก็เกี่ยวท้ายรถเก๋งลากไปได้ ในรถนั้นบรรทุกเด็กอ้วนที่สุดในโลกมาแสดงเก็บเงินคนดู  ซึ่งการแสดงแบบนี้เรียกว่า Freak Show ค่ะ  ฟรี๊กโชว์คือนำของแปลกประหลาดมาแสดงเหมือนงานวัดบ้านเราที่มีโชว์คนหรือสัตว์ประหลาด

ต่อมามีการผจญภัยเกิดขึ้นเนื่องจากเจ้าของโชว์ออกไปหาผู้แสดงมาเพิ่ม  แต่หายไปหลายวันมากจนชาวเมืองเห็นว่าควรติดต่อเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ของรัฐมาเอาตัวเด็กอ้วนไปดูแล   เด็ก 2 คนก็พยายามช่วยกันพาเด็กอ้วนหนีอย่างทุลักทุเล ด้วยความที่ขนาดของร่างกายใหญ่มาก  ป้าเจี๊ยบดูไปยิ้มไปกับวิธีคิดแก้ปัญหาของเด็กๆ    เรื่องจบแบบ happy ending ค่ะเมื่อเจ้าของโชว์กลับมาทันเวลา  

ก่อนจะปิดเรื่อง ชายเจ้าของร้านอาหารบริเวณลานจอดรถพ่วง ซึ่งรู้เห็นวีรกรรมของเด็กทั้ง 2 ก็บอกกับสองตัวป่วนซึ่งแอบดูเหตุการณ์อยู่บนหลังคาตึกว่า “Come down and have some burgers. ลงมากินแฮมเบอร์เกอร์เถอะเด็กคนหนึ่งตอบว่า “We have no money. เราไม่มีเงินเจ้าของร้านพูดว่า “It’s on the house. มีอยู่บนบ้าน

พอป้าเจี๊ยบเห็นคำแปลบนจอทีวีขณะได้ยินคำพูดนี้ก็ร้องฮึเลยค่ะ  อะไรกันนี่?
It’s on the house ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับบ้านเลยสักนิด
สิ่งที่เจ้าของร้านอาหารต้องการบอกเด็กทั้งสองคือ
“It’s on the house= ฉันเลี้ยงเอง หรือ
“It’s on the house= กินฟรี นั่นเอง

คำพูดแบบนี้เรามักจะได้ยินบ่อยๆ ในฉากที่เป็นร้านอาหารค่ะ เช่น เมื่อมีคนพูดว่า “Everybody gets one drink on the house. นั่นคือ ใครก็ตามที่อยู่ในร้าน เชิญดื่มฟรีคนละแก้ว

ของฟรีที่ on the house นั้น ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับของกินเท่านั้นนะคะ เวลามีการแสดงหรือบริการอะไรที่เราไม่ต้องเสียตังค์ ก็จะใช้คำนี้ได้ อย่างเช่น “Today show is on the house-การแสดงวันนี้ฟรี" 

บางครั้งก็จะได้ยินแบบเพราะๆ ว่า Complement from the house. อภินันทนาการจากทางร้าน นั่นคืออะไรที่มาพร้อมกับคำพูดนี้ก็ไม่ต้องจ่ายเช่นกัน ทางร้านเป็นผู้เลี้ยงค่ะ 

วันไหนป้าเจี๊ยบนั่งอยู่ในร้านแล้วบริกรยกอาหารหรือเครื่องดื่มมาเสริฟพร้อมกับบอกว่า “Complement from the gentleman over there” ก็หมายความว่า อาหารหรือเครื่องดื่มนี้มีผู้ออกสตังค์เลี้ยงป้าเจี๊ยบค่ะ  กินฟรี..เย้..

ถ้าป้าเจี๊ยบไปกินข้าวกับใครที่ร้านอาหารแล้วบอกว่า “It’s on me.” อย่านึกว่ามีอะไรมาป้วนเปี้ยนอยู่บนตัวป้าเจี๊ยบนะคะ  ไม่ต้องช่วยปัดออก  แค่อย่าควักกระเป๋าตังค์ออกมาเท่านั้น  เพราะมื้อนี้ ป้าเจี๊ยบจ่ายเอง ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 81994เขียนเมื่อ 5 มีนาคม 2007 13:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 08:35 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • เป็นประโยชน์มากเลยครับ
  • Complement from the house.
  • สำนวนนี้ต้องเอาไปใช้
  • “It’s on me.”
  • ขอบคุณมากครับ

ดีจังเลยค่ะ.... เป็นสำนวนที่มีประโยชน์มากๆค่ะ... จำง่ายด้วย.... ขอบคุณมากค่ะ

  • ว๊าย..คุณขจิต..เกจิอังกฤษตัวจริงแวะมาทักทาย เขินเลยค่ะ
  • มาเมื่อไหร่ก็ช่วยเติมเต็มด้วยนะคะ
  • อาจารย์ Paew แซงหน้าชวนก่อนแล้วค่ะ
  • ตอบ อาจารย์ Paew ว่าอยากไปมาก แต่วันที่ 5 เพิ่งจะกลับมาจากตุรกี ยังไม่แน่ใจว่าจะพาสังขารไปไหวหรือเปล่าค่ะ
  • It’s on the house. ไม่ใช่แปลว่า "มีอยู่บนบ้าน"
  • แต่แปลว่า "ฉันเลี้ยงเอง" หรือ "กินฟรี" นั่นเอง
  • เขียนสไตล์นี้แหละผมชอบ เพราะว่า "หนึ่งบันทึกได้หนึ่งคำหรือหนึ่งประโยคครับ"

ชอบด้วย 

มีประโยชน์ จังค่ะ จะเอาไปใช้ เวลาเลี้ยงข้าวแขกฝรั่ง

 

  • ไม่เคยคิดเข้ามาอ่านเลยค่ะ...บอกตามตรง...เพราะชื่อบันทึกยังเขียนผิดเล้ย....
  • แต่พอเข้ามาอ่าน...อื้อฮื้อ...คุณภาพคับแก้ว...มิน่าเล่า...คุณโอ๋จึงเชียร์สุดแรงเกิด

เข้าใจแล้วค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท