" ประหัตถ์สองประคองวางหว่างขนง
ด้วยมโนบริสุทธิ์ต่างบุษบง
เคารพองค์อรหันต์สัพพัญญู
ทรงผนวชบวชกายจนได้ตรัส
เพื่อโปรดสัตว์น้อยใหญ่ไปทุกหมู่
แล้วทรงตรัสเทศนากตัญญู
ให้ชนรู้สึกตนพ้นอบาย
เที่ยวเทศน์จบจนครบพระธรรมขันธ์
ทั้งแปดหมื่นสี่พันเหมือนมั่นหมาย
ให้ชนรู้สึกตนพ้นอบาย
บัญญัติไว้ศาสนาห้าพันปี
ให้พระสงฆ์ทรงรักษาศาสนาไว้
สืบเชื้อสายขององค์พระชิณสี
แล้วพระองค์ทรงตัดห่วงบ่วงโลกีย์
ดับชีวีล่วงลิบสู่นิพพาน. "
ด้วยลองหัดไม่เจนจัดทางกวี
ยังไม่ดีที่ลำดับศัพท์อักษร
อีกทั้งเพื่อนที่รักนักสุนทร
ถ้าศัพท์กลอนไม่ไพเราะอย่าเยาะเย้ย
เพราะเป็นแค่ลูกตลาดปราชญ์บ้านนอก
ศัพท์กลอนบอกเป็นพยานการเฉลย
บางตอนขัดไม่สันทัดการปริเปรย
เพราะไม่เคยกับงานการกวี
น้ำจิตชอบช่างประกอบกับเหตุการณ์งานมาฆะ
เพ็ญวันพระเดือนสามตามวิถี
จึงบอกกล่าวลูกชาวนาประชาชี
หากปีใดอธิกมาสมีแปดสองแปดหรือแปดสองหน
ก็เลื่อนพ้นไปเป็นเพ็ญเดือนสี่
เป็นวันพระเหมือนกันสำคัญหลายความหมายมี
เกิดเป็นคนเป็นคนดีให้เพื่อนเห็นว่าเป็นคน
พระสอนตรัสตนไว้ดีให้มีสาม
คือกายดีวจีงามตามมโนกรรม
ให้เป็นธรรมประจำเถิดจะเกิดผล
ไม่เสียคนที่เกิดคนเป็นมนุษย์
นับถือพุทธบาทพระศาสนา
อ่านแล้วจำคำสอนนอนพิจารณา
เอาปัญญาใคร่ครวญสำนวนเอย.
วาระจบขอเคารพคุณพระตรัยรัตน์
ประน้อมหัตถ์อีกครั้งเพื่อหวังผล
ให้เพื่อนพ้องน้องพี่ที่ได้อ่านสำราญตน
ปลอดทุกข์โศกโรคร้อนรนให้พ้นภัย
หวังสิ่งใดให้สำเร็จด้วยเทพทัยท่านเสด็จช่วยเข้าด้วยเทอญ......
พรอันใดที่ศักดิ์สิทธิ์ขอจงบันดาลสิทธิผลบุญให้ทุกคนจงมีแต่ความสูขถ้วนทั่วทุกคน
ข้าพเองไม่ได้เข้าวัดไปทำบุญ ฟังเทศน์
และเวียนเทียน แต่ก็ได้จุดธูปเทียนปักดอกไม้และสวดมนต์ไหว้พระที่บ้านในวันสำคัญนี้ด้วย.
แล้วเจ้าความคิดชั่ววูปก็เข้ามาจนได้
ก็ข้าพเจ้าเองได้ระลึกถึงองค์คุณพระศรีรัตนตรัย
และความสำคัญของวันมาฆบูชาจึงได้ลองแต่งกลอนขับขานไว้ขานขับสำหรับข้าพเจ้าเองได้อ่านเล่นๆและเผื่อไว้ให้คนอื่นๆได้เข้ามาอ่านเพื่ออนุโมทนาสาธุกับสาธุชนทั้งหลายได้รับรู้และจดจำความสำคัญของวันนี้ด้วยบทกลอนตอน
"พระอรหันต์ วันมาฆบูชา"
มารับพรกลอนกล่าวเล่าขับขาน
หายไปนานกลับมาใหม่พาใจหวัง
เริ่มอีกทีด้วยกลอนดีมีพลัง
จะร่วมตั้งใจกายและวาจา
เชื่อมั่นในสิ่งดีมีในท่าน
มาร่วมกันสร้างสรรค์และศึกษา
เราทุกคนมีความรู้นับคณา
ใส่เข้ามาฝากไว้ใน GotoKnow
ขอบคุณกลอนของโตที่ทำให้พี่เกิดแรงบันดาลใจ มาต่อกลอนด้วยค่ะ หวังว่าจะเข้ามาเจอกันในบล็อกบ่อยขึ้นนะคะ
ขอขอบคุณคุณพี่ทั้งสองครับ
เป็นมือใหม่หัดขับกลอนจริงหรือเปล่าน้องชาย ถ่อมตัวมากไปหรือเปล่า
ชอบกลอนช่วงแรกค่ะ ลื่นไหลดี มีความหมาย รวมไปถึงตอน 2 ช่วงครึ่งแรกด้วย
เก่งมากเลย ขอชม แต่งได้ไงนี่ ยอดอัจฉริยะบุคคล
ไม่น่าเชื่อเลยหน้าตากวน ๆ แบบนี้จะคิดได้ละเมียดละไมขนาดนี้ ชื่นชมจ้า
อย่าลืมเลี้ยงขนมเราด้วยนะ ค่าชม
ดอกบัวงามเกิดจากตม เหมะสมบูชาพระ
เพชรแท้เกิดจากหิน กดดันดินหินสลาย
เป็นคนแม้ชีพวาย ไม่คิดหน่ายหมั่นทำดี
บทกลอนดีขอสรรเสริญ แต่ขอโอกาสเสริมบ้างเพื่อต่อกุศลนะครับ วรรคที่ว่า"ทรงผนวชบวชกายจนได้ตรัส"น่าจะเพิ่มคำว่า"ใจ"เข้ามานะครับ คือ "ทรงผนวชกายบวชกายใจจนได้ตรัส" เพราะการบวชถ้าไม่บวชใจด้วย มีแต่บวชกายอย่างเดียว ก็เหมือนว่าเอาผ้าเหลืองมาห่มเท่านั้น ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า"นาหํ ภิกฺขเว สงฺฆาฏิกสฺส สงฺฆาฏิธารมตฺเตน สามญฺญํ วทามิ แปลว่า ภิกษุทั้งหลายเราไม่เรียกคนผู้สักแต่ว่าเอาผ้าเหลืองมาห่มว่าเป็นพระดอก" ขอบคุณครับ
บทกลอนดีขอสรรเสริญ แต่ขอโอกาสเสริมบ้างเพื่อต่อกุศลนะครับ วรรคที่ว่า"ทรงผนวชบวชกายจนได้ตรัส"น่าจะเพิ่มคำว่า"ใจ"เข้ามานะครับ คือ "ทรงผนวชบวชกายใจจนได้ตรัส" เพราะการบวชถ้าไม่บวชใจด้วย มีแต่บวชกายอย่างเดียว ก็เหมือนว่าเอาผ้าเหลืองมาห่มเท่านั้น ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า"นาหํ ภิกฺขเว สงฺฆาฏิกสฺส สงฺฆาฏิธารมตฺเตน สามญฺญํ วทามิ แปลว่า ภิกษุทั้งหลายเราไม่เรียกคนผู้สักแต่ว่าเอาผ้าเหลืองมาห่มว่าเป็นพระดอก" ขอบคุณครับ