อ้างถึง รู้เขารู้เรา ชีวิตและแง่คิดจาก "ต้นไม้" ของอาจารย์เม้ง ซึ่งตั้งประเด็นว่า สัตว์ร้ายที่เรานำมาเลี้ยงและฝึกจนเชื่องจัดว่านิพพานได้หรือไม่ ? ...ผู้เขียนจึงใคร่เสนอคำนี้ในโอกาสนี้...
นิพพาน เป็นศัพท์บาลีแท้ ซึ่งคนทั่วๆ ไป ก็รับรู้กันว่าหมายถึงจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา ...ผู้เขียนขออัญเชิญคำอธิบายจากหนังสือพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ในหน้า ๑๒๕ มานำเสนอดังต่อไปนี้...
นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกข์ เป็นโลกุตตรธรรม และเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา ดู นิพพานธาตุ
นิพพานธาตุ ภาวะแห่งนิพพาน ; นิพพาน หรือ นิพพานธาตุ ๒ คือ สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสมีเบญจขันธ์เหลือ ๑ อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ ๑
อันที่จริง คำที่ใช้เรียกสภาวะเป็นที่ดับกิเลสทำนองนี้ในวัฒนธรรมอินเดียมีมาก เช่น โมกษะ ไกวัลย์ วิโมกษ์ เป็นต้น ... ส่วนสาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงนำคำนี้มาใช้ทั่วไปในพระธรรมวินัยของพระองค์ มีเรื่องเล่าว่า ตอนที่พระองค์ยังไม่ได้ตรัสรู้ จะเสด็จออกบวชนั้น ได้ยินคาถาหนึ่งว่า
"นิพพุตา นูน สา มาตา
นิพพุโต นูน โส ปิตา
นิพพุตา นูน สา นารี
ยัสสายัง อีทิ โส ปติ"
รายละเอียดเรื่องนี้ ผู้สนใจลองอ่านดูใน http://www.soonphra.com/topic/bhudda/011.html?PHPSESSID=2baa01da395110a24895adad9ce2debd
.....
ว่าตามนักบาลี นิพพาน มาจาก นิ+วา+ ยุ ..โดย นิ เป็นอุปสัคแปลว่า ไม่มี ออก ปราศจาก... วา รากศัพท์ แปลว่า เป็นไป หรือร้อยกรอง... ส่วน ยุ เป็นปัจจัยตามหลักไวยากรณ์
วา ในความหมายว่า เป็นไป หมายถึงเป็นไปด้วยอำนาจบางสิ่งบางอย่างที่ชักนำ ชักจูงไป บางสิ่งบางอย่างนี้คือ ความทะยานอยาก นั่นเอง...
วา ในความหมายว่า ร้อยกรอง หมายถึงร้อยกรองจิตใจให้เป็นไปในความมีความเป็นบางสิ่งบางอย่าง เช่น มนุษย์ สัตว์ เทวดา ยักษ์... หรือเป็นคนดี เลว รวย จน ฉลาด โง่ ...เป็นต้น
นิ เป็นอุปสัคนำหน้ารากศัพท์ ซึ่งหมายถึง ไม่มี ออก หรือปราศจาก..
.นั่นคือ นิ อุปสัค จะทำหน้าที่สังหารความหมายของ วา รากศัพท์ (ตามธรรมดา อุปสัคนำหน้ารากศัพท์จะทำหน้าที่ ๓ อย่าง คือ สังหาร เบียดเบียน หรือคล้อยตาม รากศัพท์)
นิ (ไม่มี, ออก) + วา (เป็นไป, ร้อยกรอง) = นิพพาน คือ ไม่มีความเป็นไปด้วยอำนาจของบางสิ่งบางอย่างที่จะชักจูงไป... ออกไปจากบางสิ่งบางอย่างที่จะร้อยกรองจิตใจให้เป็นอย่างหนึ่งอย่างใด... ประมาณนี้
ว่าตามศัพท์ นิ + วา +ยุ = นิพพาน
แปลง ว. แหวนที่ วา เป็น พ.พาน จึงได้เป็น พา ...ดังนั้นจึงเป็น นิ + พา จึงเป็น นิพา ...แต่ นิพา ออกเสียงยาก จึงซ้อน พ.พาน เข้ามาอีกหนึ่งตัว เป็น นิพพา เพื่อออกเสียงได้ง่ายยิ่งขึ้น ... ส่วน ยุ ปัจจัย ข้างท้าย แปลงเป็น น. หนู นั่นคือเป็น นิพพา+น ...ดังนั้น จึงเป็น นิพพาน
นิพพาน ว่าโดยศัพท์จึงหมายถึง ธรรมชาติที่ไม่มีสิ่งชักจูงเพื่อความเป็นไป หรือธรรมชาติที่ปราศจากสิ่งที่จะมาร้อยกรองจิตใจไว้ได้ ....ซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่ว่า นี้ คือ ตัณหา ความทะยานอยาก นั่นเอง...
อนึ่ง ศัพท์ว่า นิพพาน นี้ ด้วยความหมายที่งอกเงยขึ้นมาในภายหลัง (รุฬหิศัพท์) แปลว่า เย็น หรือ ดับ ก็ได้ ซึ่งผู้สนใจอาจค้นหาเพิ่มเติมได้ด้วยตนเอง..
สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ ทิฎฺฐธมฺมํ วิปสฺสามิ
กราบนมัสการหลวงพี่ครับ
คำถามของอาจารย์เม้ง เป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างแนวคิด ปัจเจกนิยม ซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องบุคล กับสากลนิยมหรือสังคมนิยม ซึ่งให้ความสำคัญสังคม...
ประเด็นปัญหาเหล่านี้ ไม่ขอตอบนะ เพราะหลวงพี่ขี้เกียจอธิบาย ทำนอง รู้มาก ยากนาน นะ (5 5 5)...
แต่มีคำแนะนำเบื้องต้น ถ้าสนใจเรื่องนี้ จริงๆ
พระพุทธศาสนาแบ่งแยกเป็น ๒ นิกายใหญ่ คือ
เถรวาท เป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม เน้น ปัจเจกนิยม (ไทย พม่า ศรีลังกา....)
มหายาน เป็นฝ่ายประยุกต์นิยม เน้น สากลนิยม (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ธิเบต....)
อนึ่ง มีนักคิดที่น่าสนใจ เช่น ส.ศิวลักษณ์ นำมาอธิบายเชิงสังคมนิยม ถ้าสนใจก็ลองค้นหาดูอาจได้คำตอบที่ถามก็ได้...
เจริญพร
ไม่ผิดครับ ท่านผอ.
ซึ่ง ถ้าอธิบายให้แจ่มแจ้งจริงๆ ก็คงจะเป็นหนังสือเล่มหนึ่งแหละครับ
เจริญพร
กราบนมัสการหลวงพี่ครับ
เป็นที่น่าสังเกตว่า "นิพพาน : ดับกิเลสและกองทุกข์" แต่ไม่ได้ระบุว่า "ดับเหลือศูนย์" หรือไม่ และถ้าดับลงเหลือศูนย์ แล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่า "ดับเหลือเป็นศูนย์" แล้ว ?
ก็โยนมาเล่นๆ นะครับ แต่ผมคิดว่า เราไม่ควรเถียงกันในเรื่องนี้ เอาที่เห็นกันง่ายๆว่า "กองทุกข์ลดลงหน่อยจนพอเราสามารถนอนหลับได้อย่างไร้กังวล ก็นับว่า เป็นสุข แล้ว เพียงพอแล้ว" โดยที่เรายังคงโลดแล่นอยู่ในโลกแห่งโลกียวิสัย อย่างมี"ความสุขชั่วคราว" ได้ โดยไม่ต้องมานั่งบำเพ็ญเพียร ก็น่าจะพอแล้ว จริงไหมครับ
ตอนนี้มีปัญหาเรื่องหมอ... ซึ่งมีประเด็นเรื่องการทำสมาธิเข้าไปโยงด้วย... หลวงพี่คิดว่าจะเขียนเล่าเรื่องนี้ พอดี...ทำท่าจะลืมแล้ว อาจารย์เม้งพูดถึงเรื่องสมาธิ ก็นึกขึ้นได้...
ประเด็นเรื่องการประยุกต์หลักคำสอนพระพุทธศาสนามาใช้ในเชิงสังคมเศรษฐกิจ ก็มีฝรั่งคนหนึ่งชื่อ จี.เอฟ ชูเมกเกอร์ เขียนไว้นานแล้ว นายคนนี้มีชื่อเสียงด้านนี้อยู่ ถ้าไม่เคยอ่านก็ลองค้นดูได้ ครับ...
....
hot จริงๆ ด้วย เพราะฝนไม่ตกหลายวันแล้ว และน้ำก็ไม่ได้อาบสองวันแล้ว (...........)
....
เจริญพร
อาจารย์ ดร.ไสว
อาจารย์ผ่านโลกและชีวิตมายาวนาน คงจะเข้าใจดี ไม่จำเป็นต้องอธิบายใช่มั้ยครั้บ
เมื่อยังไปไม่ถึง นิพพานก็จัดว่าเป็นอุดมคติครับ อาตมาได้เขียนเรื่องนี้ไว้ชุดหนึ่ง ซึ่งมาจบที่...
ค่านิยมและอุดมคติเชิงพุทธฯ ทำนองนี้ ลางเลือนไปจากสังคมไทยขึ้นทุกวัน ครับ..
เจริญพร