เหตุผลง๊าย..ง่าย
ก็คือบุกได้ง่าย กำไรก็ดี
กำไรขนาดไหน ?
ลองดูกันอย่างง่าย ๆ ก็แล้วกัน
ล่าสุด รอยเตอร์ ออกข่าวว่า วอร์เรน บัฟเฟต คนที่รวยเป็นอันดับสองของโลกเพราะลงทุนในหุ้น เข้าซื้อหุ้นของเทสโกหลายเปอร์เซนต์ (..ไม่กี่ร้อยล้านเหรียญ ซึ่งก็คงไม่ถึงหมื่นล้าน บาทเอง)
(...ผมคงติดมาจากพวกขายบ้านหรูแน่เลย ดูโฆษณาแล้วดันจำติดหู จะพูดถึงเงินไทยทีไร ชอบจำผิด ว่าเป็นหน่วย "บาทเอง")
บัฟเฟตเองนั้น พูดย้ำอยู่เนือง ๆ ว่า เขาเองมองว่า ซื้อหนึ่งหุ้น หรือซื้อยกบริษัท ก็ไม่ต่างกัน คือเขาซื้อธุรกิจที่โตไวมั่นคง (อ้างอิง: Warren Buffett's Letters To Berkshire Shareholders)
ผลคือ มูลค่าพอร์ตลงทุนของเขา กลายเป็นทวีคูณทุก 3 ปี มาตลอดหลายสิบปีนี้ (ผ่านไป 3 ปีทีนึง ก็คูณ 2 ไปทีนึง ทำแบบนี้มาแค่สี่สิบกว่าปีเอง)
(มีหน่วย บาทเอง ก็ไม่แปลกที่จะมีหน่วย ปีเอง)
นั่นคือ เขาต้องมองว่า มูลค่าบริษัทที่เขาซื้อ ตองโตแบบเท่าตัว ทุก 3 ปี ด้วย ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ซื้อให้เสียประวัติ เพราะถ้าโตช้ากว่านี้มาก ๆ แสดงว่า เขาฝีมือตก
สูตรการประเมินมูลค่ากิจการที่ระบบบริหารอยู่ตัวแล้ว และมี ROE ดีสม่ำเสมอ คือ มูลค่ากิจการ แปรผันตรงกับยอดขาย
การประเมินราคาธุรกิจห้าง นิยมอิงจากยอดขายต่อปี ซึ่งอาจตั้งแต่เอายอดขายต่อปีหาร 3 หรือ 4 (ห้างไทย) ไปจนถึงยอดขายต่อปีคูณ 3 หรือคูณ 4 (ต่างประเทศที่ PE ตลาดสูงลิ่วเสียดฟ้า)
นั่นคือ เขาต้องมองว่า ยอดเงินที่คนมาจับจ่ายซื้อของในห้างต่อปี ต้องโตแบบเท่าตัวทุก 3 ปีด้วย
ลองไปดูข้อมูลของบริษัทที่มีลักษณะเป็นห้างที่จดทะเบียน ในตลาดลัก..เอ๊ย..หลักทรัพย์ของไทยดูก็ได้ อย่างเช่น BIG C, MAKRO (ผมไม่ทำ link ไปดูข้อมูลห้างโรบินสัน เพราะบริษัทเพิ่งสร่่างไข้จากวิกฤติปี 40 จึงไม่ยุติธรรมที่จะมาเปรียบเทียบกับคนอื่น และไม่ดูห้างเซ็นทรัล เพราะทำธุรกิจอื่นด้วย จนไม่เหมาะที่จะใช้แนวคิดการประเมินแบบเดียวกันมาจับ) โดยเอามูลค่าธุรกิจ (Market Capitalization) หารด้วยยอดขายต่อปี (Revenue) ก็คงพอจะนึกออก ถึงวิธีคิดในการประเมินราคาธุรกิจประเภทนี้ในไทยได้ง่ายขึ้น
ราววันที่ 11 เมษายน 2550 มีข่าวรอยเตอร์ว่าเทสโกเตรียมทุ่มเจ็ดพันล้านบาทขยายสาขาในไทย (Tesco Plans $217 Million Expansion in Thailand) โดยคาดว่าจะเปิดเพิ่มอีกหลายสิบสาขา
หากบุกไทยได้สะดวกอย่างคาด การเติบโตก็จะราบรื่นไม่รู้จักคำว่าอิ่มตัว ดูง่าย ๆ จากจำนวนห้างใกล้บ้านที่เปิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งยิ่งสาขามาก อำนาจต่อรองมาก ค่า ROE ก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก เพราะ economy of scale สูง (=ประหยัดเพราะความใหญ่ยักษ์) ก็ทำให้มีอำนาจต่อรองเรื่องต้นทุนซื้อที่สูงขึ้นไปอีก
สมการความรวยของกิจการที่สามารถงอกแบบลูกโซ่ก็คือ
% รวยเพิ่ม ~ % เพิ่มสาขา + % เพิ่ม ROE + % เพิ่มการจับจ่ายในแต่ละสาขา
พิสูจน์เสียหน่อย:
แน่นอน..ห้างไทยทำไม่ได้ขนาดนี้ครับ
แน่นอน..โชห่วยไทย ก็ทำแบบนั้นไม่ได้..เหมียนกัน..
ที่ห้างนอก โตได้ไว เพราะคนไทย นิยมเลี้ยงลูกในห้างครับ
เด็กเล็กเด็กน้อยเมื่อได้เข้าห้าง ตาเป็นประกาย
ผู้ใหญ่บางคนที่ผมเห็นในห้าง ก็ตาเป็นประกายเหมือนกัน
เอ..รึว่าคนที่เข้าห้างส่วนใหญ่ ล้วนตาเป็นประกาย ?
อือม์..ผมคงต้องใส่แว่นตอนเข้าห้างแล้วละ ไม่งั้น จะสังเกตพฤติกรรมการตาเป็นประกายของผู้คนไม่ถนัด..
คิดง่าย ๆ ว่า ถ้าวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ หรือแม้ยามค่ำคืน เด็กไม่โตในสวนสาธารณะ แต่โตในห้าง ก็สมควรอยู่ ที่ยอดขายของจะโตไว และก็สมควรแล้ว ที่ห้างเขาอยากขยายสาขาไปทุกหัวมุมถนน
ดูแล้วอึ้งครับ
สงสารเด็กไทย
โถ..โตในห้าง..น่าสงสารออก..
ไม่สงสารคนไทยหรอกครับ
แหม...ก็อยู่น่าหมั่นใส้ออกถึงกระไรปานนั้น..
แหม..ดันไปเลี้ยงลูกในห้าง..
ดูเด๊..ดูเขาทำ..
คุณเม้ง สมพร ช่วยอารีย์...
สวัสดีครับคุณ wwibul
ในโลกของทุนนิยมการรวมกลุ่มกันให้มีขนาดใหญ่นั้นสำคัญมาก อย่างที่ได้เขียนไว้ในบล็อกครับว่าทางรอดหนึ่งของร้านขายของชำเมืองไทยก็คือการรวมกลุ่ม เพื่อที่จะเพิ่มขนาดของตัวเองได้ รัฐบาลอาจจะจำเป็นต้องเป็นหัวหอกสำคัญครับที่จะต้องเขามาทำนั่นเป็นสิ่งที่ผมมองว่าน่าจะเป็นทางรอดหนึ่งครับ
น่าสนใจกับข้อสังเกตคุณ wwibul ที่ว่าคนไทยนิยมเลี้ยงลูกในห้าง จะว่าไปผมว่าเทรนด์เรื่องการเลี้ยงลูกในห้างคงน้อยลงเรื่อยๆ เพราะว่าปัจจุบ้นครอบครัวไทยนั้นมีลูกน้อยและก็หวังในคุณภาพของลูกมาก ก็อาจจะทำให้เรื่องการเลี้ยงลูกในห้างน้อยลงก็ได้ครับ
อีกเรื่องหนึ่งเรื่องสุดท้ายก็คือแนวโน้มการเติบโตของห้างนอก ผมมองว่าอาจจะยากไปซักหน่อยเพราะว่าปัจจุบันคนเริ่มตระหนักถึงความน่ากลัวของห้างนอกมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ได้เขียนไว้ว่า Wal-Mart เองตอนนี้ก็ไม่ได้มีผลประกอบการจากต่างประเทศที่ดีมากนักนะครับ
สวัสดีครับ คุณไปอ่านหนังสือ...
ต้องขอโทษคุณ wwibul นะครับที่ผมรับมุกไม่ทัน หน้าแตกอย่างยิ่งเลยครับ :D
เรื่องเลี้ยงเด็กในห้างผมอาจจะเอาตัวเองเป็นเกณฑ์นิดหนึ่งนะครับ ตรงที่สมัยก่อนตอนเด็กๆ วันเสาร์คุณแม่จับไปว่ายน้ำ วันอาทิตย์คุณพ่อจับไปเรียนดนตรีครับ เลยมีความรู้สึกว่าเทรนด์นี้มันอาจจะลดลงก็ได้นะครับ ตามความรู้สึกส่วนตัว (แต่ว่าหลังจากไปกับคุณพ่อคุณแม่เสร็จ ก็ไปห้างเหมือนกันนะครับ แต่ส่วนมากไปทานข้าวครับ)
ขออภัยคุณไปอ่านหนังสือ...