นกแอ่นกินรัง บันทึกหน้าที่ 6


ตอนศึกพ่นน้ำลายภาคสอง

นกแอ่นกินรัง บันทึกหน้าที่ 6 ตอนศึกพ่นน้ำลายภาคสอง

ความเดิมตอนที่แล้วเป็นอย่างไร ขอให้ท่านผู้อ่านเปิดบันทึกนกแอ่นกินรังหน้าที่ 5 ซึ่งว่าด้วยเรื่อง "การถุยน้ำลาย และขากเสลด” กันอีกครั้ง บันทึกนั้นเป็นการชี้แจงเรื่องเกี่ยวกับรังของนกแอ่นที่เรากินว่าเป็นอะไรกันแน่ –เสลด หรือเพียงน้ำลาย—ซึ่งก็ฟังแล้วไม่น่าพิศมัยเท่าไรเลยเนอะ

และขอเรียนย้ำว่า ข้อชี้แจง แถลงไขเหล่านี้ มาจากงานวิจัย--การนั่งดูพฤติกรรมของนกพันธุ์นี้อยู่ปีกว่าๆ *** เห็นอย่างไร ว่าอย่างนั้น ไม่มีใส่ไข่ และถ้าอยากรู้ทางวิชาการมากกว่านี้ถามมาเถอะ เราจะทยอยตอบส่วนที่มั่นใจละกันและขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเห็นมา คุณคือคนพิเศษของเรา

บันทึกหน้านี้เป็นศึกพ่นน้ำลายภาคสอง--การทำรังของนก

ตามที่เกริ่นไว้แล้วว่านกทำรังโดยใช้น้ำลายของพวกเขา เป็นsaliva ที่สร้างจากต่อมที่ทำหน้าที่โดยเฉพาะ  paper หลายฉบับกล่าวว่า  ต่อมน้ำลายที่ Sublingual gland ของนกกลุ่มนี้จะขยายใหญ่ขึ้นในช่วงเวลาที่นกจะสืบพันธุ์ นกจึงมีน้ำลายมากมายหลั่งออกมาเพื่อสร้างรัง

ลองนึกภาพโฆษณาซุปรังนกแบบบรรจุขวดแสนแพง บางยี่ห้อ ภาพสโลโมชั่นรังนกสีขาวจั้ว ล่วงลงมาอย่างช้าๆ อย่างนั้น นั่นแหละคือรังที่ทำจากน้ำลายตัวจริง--ปลอดเสลด แต่ของจริงไม่ขาวแบบน้ำตาลทรายฟอกสีหรือขาวด้านมากอย่างวุ้นเส้น ของจริงจะมีสีขาวนวล หรือขาวใส หรือสีอื่นเจือปน แล้วแต่พื้นที่ และมีกลิ่นอายของน้ำลายของนก… กลิ่นที่บางคนอาจนึกถึงไข่ขาว มีคาวหน่อยๆ อย่างนั้น ซึ่งไม่ใช่กลิ่นแบบน้ำลายของคน ซึ่งโชยมาเมื่อใดก็อยากจะ….

โดยปกติแล้ว ถ้ารังยังอยู่นกก็ใช้ไปจนกว่ารังจะล่วงหล่นลงมาเอง ถ้าไม่มีรัง  นกก็จะเกาะผนังถ้ำนอนแบบนั้น ซึ่งคงจะเมื่อยน่าดู นอนในรังสบายกว่าเยอะ

รังจึงไม่ใช่แค่บทเฉพาะกาลที่สร้างขึ้นมาเฉพาะกิจ แต่เป็นบ้านให้พักผ่อนหลับนอนด้วย แม้ลูกๆ จะโตบินจากรังไปแล้ว พ่อแม่นกก็ยังคงอยู่ที่เดิม ในถ้ำเดิม สร้างรังที่เดิม เป็นขาประจำไม่อพยพ

ได้เวลาทำรังแล้ว พวกเขาเริ่มต้นอย่างไร? ก็เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง ถ้าเป็นนกถ้ำที่ถูกเก็บรังครั้งก่อนไป เริ่มต้นใหม่ในพื้นที่เก่า โดยเฉพาะทำเลทองที่ดีดีละก็ ต้องรักษากันสุดชีวิต ดังนั้นถ้านกคู่เดิมยังอยู่ คู่ใหม่ต้องหาทำเลใหม่ นกจะเกาะแนวดิ่งกับผนังถ้ำเรียกว่า hanging (ไม่ใช่ Hung up และไม่ใช่ท่าเกาะสายไฟอย่างนกนางแอ่น) ถ้าไม่มีรัง ก็นอนกันแบบห้อยโหนอย่างนั้น

นกจะสร้างรังที่ผนังถ้ำ หรือบนเพดาน…พวกนิยมความสูง ยิ่งสูงเท่าไรถือว่าปลอดภัยจากสัตว์พวกงู หนู ตะกวดและแมลงสาบบนพื้นถ้ำเท่านั้น เท่านั้น แต่ยิ่งสูงก็ยิ่งตกเจ็บละนะ….นกเองถ้าใครตกละก็ ไม่มีพฤติกรรมบินตามลงมา เพื่อช่วยเหลือกันหรือหิ้วปีกกันขึ้นไป ไม่ใช่ไม่รักกัน แต่เป็นธรรมชาติของพวกเขา โดยเฉพาะไข่หรือลูกนกที่ยังบินไม่ได้ ถ้าตกลงมาละก็ จตกลงมาเมื่อใดก็แทงบัญชีสูญเสียได้

เมื่อน้ำลายเริ่มสอ…ไม่ใช่ ไม่ใช่ เมื่อน้ำลายมากและนกกำลังจะสร้างรัง เขาจะเกาะโดยก้มหัวลงอย่างนิ่มนวล ค่อยๆ ขยับปากเอาเสี้ยนใสๆ คล้ายหนามเส้นบางออกมาทีละนิด ปานประหนึ่งเล่นกล เส้นใสๆ นั้นออกมาจากจงอยปากอันเล็กและสั้น ทำแก้มตุ่ยขยุกขยิก บ่อยครั้งที่หลับตาขณะขับเส้นสายออกมา แล้วก็วางเส้นน้ำลายสั้นๆ นั้นกับพื้นผิว วางไปวางมาด้วยปาก ไม่เร็วจนมองไม่ทันแต่ก็ไม่งุ่มง่ามจนน่าเบื่อ อาจจะขึ้นอยู่กับน้ำลายที่ส่งออกมา สร้างรังแต่ละครั้งไม่ใช่ทำทั้งวัน แต่กลับเข้ามาทำวันละหลายๆ ครั้ง ขึ้นอยู่กับอารมณ์ศิลปิน..คงไม่ใช่ ...ขึ้นอยู่กับการสร้างน้ำลายแต่ละรอบของวันมากกว่า

ก่อตีนรังซะก่อน เป็นรูปโค้งตามรูปรังนั่นแหละ ตีนรังต้องแข็งแรงพอ ต้องยึดแน่นกับผนัง เพราะอีกสามชีวิต (รวมตัวเองเป็นสี่) ต้องหลับนอนกันในรัง และลูกๆ ผู้ช่วยตนเองไม่ได้เลยต้องนอนอยู่ตลอดช่วงของการเลี้ยงดู--ในรัง ถ้าฐานไม่แน่นหนา รังร่วงแน่ ตีนรังจึงแผ่ขยายเล็กน้อย รังนกที่ถูกแทงออกมาแล้วจึงต้องนำมาตัดแต่งตีนรังออกก่อน ทำให้รังมีรูปร่าง”ดูดี”อย่างที่คนต้องการ เพื่อส่งขายแบบรังสด ราคาสูงมาก และตีนรังที่ตัดออกเหล่านั้นไม่ทิ้งหรอกนะ

พอตีนรังแน่นหนา

นกจะค่อยๆ สร้างตัวรังขึ้นมาจากการวางสายน้ำลายเหนียว  บางทีก้มหัวลงมาสร้าง บางทีนอนข้างๆ แล้วเอี้ยวคอวางสายไปมา ทีละเส้น ทีละเส้น ทีละชั้นเหมือนก่อกำแพง วางไปวางมาอย่างบรรจง เหมือนพ่อครัวมือเอกหรือช่างปั้นมือทอง...ที่มิใช่ทำเพื่อเงิน

รังถูกก่อขึ้นเป็นรูปครึ่งถ้วยแปะอยู่ที่ผนัง น้ำลายนั้นจะค่อยๆ แห้งเมื่อถูกอากาศ รังนกจึงแห้งและมีส่วนแข็งแต่ยืดหยุ่นพอสมควร ทิ้งไว้นานๆ จะกรอบและเปราะ ลดความยืดหยุ่น คนจึงต้องเก็บไว้ในตู้เย็น และก็มีกรรมวิธีอื่นๆ อีกก่อนนำออกขาย

รังนกเมื่อใช้ไปนานๆ ก็จึงมีสิทธิ์เสื่อมคุณภาพและร่วงหล่น พวกเขาจึงต้องสร้างขึ้นมาใหม่ รังเก่านั้นใช้การได้(หมายถึงใช้เลี้ยงลูก)ได้ 1-2 รุ่นก็ถือว่าคุ้มกับที่ปากเปียกปากแฉะ เอ้ยไม่ใช่ คุ้มกับการบรรจงสร้างรังขึ้นมาแล้ว

กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด รังอันประณีต ได้รูปพอเหมาะพอดีกับที่สองชีวิต ที่จะให้กำเนิดอีกสองชีวิตทดแทนกัน ใช้เวลาในการสร้างเดือนกว่าๆ ถึงสองเดือนกว่าๆ แต่ถ้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วน(กรณีถูกเก็บรังไปเรื่อยเลย อั้นมากอยากวางไข่จะแย่แล้ว) เธอก็สามารถสร้างภายในยี่สิบกว่าวันได้ แต่จะเปราะบางแตกง่ายหน่อย ซึ่งบ้านแบบknock downนี้ทำให้(ผู้สังเกตการณ์)อกสั่นขวัญแขวนตลอดเวลาที่เฝ้ามองความเป็นไป โดยเฉพาะกรณีรังในอาคารที่แห้งและเปราะบางกว่า

ทั้งคู่ลงหุ้นน้ำลายด้วยกัน สร้างรังด้วยกัน แต่ยืนยันไม่ได้ว่าใครจะลงหุ้นส่วนธุรกิจมากกว่ากัน บางทีตัวหนึ่งสร้าง อีกตัวนั่งหลับตา คอยกำกับอยู่ข้างๆ ซึ่งเดาเอาว่า ..เธอผู้นั้นจะเป็นคุณนาย ..

ช่วงเวลาสร้างรัง นกทั้งสองมักจะกลับมาเติมรังบ่อยๆ จนรังเสร็จนั่นแหละ เมื่อรังใกล้เสร็จจะเห็นการ“รองรัง”ด้วยเส้นสายรอบสุดท้ายเพื่อวางไข่ ถึงตอนนี้ชาวเกาะเจ้าของสัมปทานรังนกถ้ำ ก็มักจะรู้ว่า “ได้เวลาเก็บรังแล้ว”

อย่างที่หลายคนพอจะทราบ ตั้งใจสร้างอยู่ดิบดี กลับมาอีกทีรังหายแวบไปซะแล้ว(เพราะถูกเก็บ) ที่ว่ากลับมาอีกทีนั้น คือนกจะออกไปหากินแต่เช้าและกลับมืด และช่วงเวลากลางวันที่ไม่อยู่  คนก็แทงรัง

อยากให้เห็นวิธีการสร้างรังของนกด้วยตนเองจัง แต่สงสัยอยู่เหมือนกันว่าความนัยแห่งสายตาของคนนั้นจะหมายรังนกขาวนวล งามอวบอิ่มและขาวโพลนอยู่ในถ้ำมืดนั้นเป็นอะไรได้บ้าง ....ซุปรังนกถ้วยใหญ่ในมือ หรือ บ้านที่ประหลาดที่สุดในโลกแห่งนก ซึ่งคนร่วมชื่นชมด้วยอยู่ห่างๆ ?

คราวหน้าเราจะมาไขปัญหาว่า รังนกสีขาวกับรังนกเลือด คืออะไร

ครูเล็ก

*** ทำไมถึงนั่งทนปานนั้น? ก็เพราะวิทยานิพนธ์ภาคบังคับน่ะซิ เล่นเอาโรคริดซี่ และขาเปลี้ยไปเลยเชียว ขนาดวิ่งสู้ฟัดขึ้นรถเมล์ ขึ้นรถไฟ ลงเรือยนต์ข้ามฟาก แล้วก็ซ้อนมอร์เตอร์ไซด์อย่างนี้สัปดาห์ละ 3 หน เป็นปีกว่าๆ ขนาดนั้น ริดซี่-กะโรคขาอ่อนแรงยังมาเยือน (ตอนนี้ไล่เปิดเปิงไปแล้ว จากการทำกายภาพบำบัดที่สหเวชฯ ม.นเรศวร--ซึ่งยอดเยี่ยมมาก) ดีใจนะที่ได้ทำเรื่องนี้ เพราะเราได้เห็นเกร็ดเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่(เขียนเวอร์ซะอีกแล้ว) หลายเรื่องเกี่ยวกับพวกเขา และตอนนี้ก็หาเวลารวมเรื่องสั้น เรื่องยาว เรื่องมหัศจรรย์ของพวกเขาอยู่ บางส่วนก็เขียนไว้ในนี้ เอาไว้แลกเปลี่ยนความรู้กันกับคนไทยทั้งประเทศ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 8155เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2005 12:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 16:20 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
ถามอ.เล็ก เรื่องหวัดนกอะครับ เคยมีกรณีหรือข่าวหรืองานวิจัยเกี่ยวเนื่องกับนกแอ่นบ้างไหมครับ แล้วคนที่เค้าเลี้ยงไม่กลัวหรือครับ แล้วเอารังมันไปไม่บาปเหรอครับ ขอบคุณครับ

แหม๋ถ้าหลับตาอยู่ จะอยากรู้อะไรไปกว่านั้นอีก..?..ล้อเล่นนนน

เกี่ยวกับนกแอ่นกินรังไม่ปรากฏการกระบาดของไข้หวัดนก ไม่รู้ว่าเพราะเชื้อโรคบินตามไม่ทันหรือเปล่า ก็นกกลุ่มนี้บินเร็วมาก..แฮะคงไม่ใช่

ตอนที่เชื้อไข้หวัดนกระบาดใหม่ๆ เมื่อสองปีก่อน คนที่อยู่ในวงการที่เคยคุยกันบ่อยๆ โทรมาถามว่านกของเขาจะมีโอกาสติดเชื้อไหม เราก็ต้องตอบตามความเป็นจริงว่า "ไม่รู้จริงๆ" และย้อนถามเขาว่า เห็นนกในบ้านมีตายไหม? เขาก็ว่าไม่มี และจนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบความคืบหน้า คงไม่มี

กลุ่มเจ้าของธุรกิจก็คงจะหวั่นอยู่เหมือนกัน เราเองก็หวั่นเพราะสงสารนก แต่พวกมันแข็งแรงมาก เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เชื้อโรคจะเล็งเป้าหมายไปที่พวกมัน เชื้อโรคน่ะ มักจะเล็งเหยื่อที่มีจำนวนมากมายในโลกนี้เสมอ ว่าแล้วก็จัดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมเพื่อเข้าinfect นกแอ่นซะ..ล้อเล่นอีกแหละ ขออย่าเกิดกับนกพันธุ์นี้เลย เอาเป็นว่าเรียนถามท่านผู้รู้เกี่ยวกับเชื้อนี้จริงๆ ด้วยดีกว่า แล้วบอกกันบ้างนะคะ

ประเด็นที่ว่า--การเก็บรังของนกไม่บาปหรือ ต้องถามกันว่า"การทำบาปคืออะไร?" การแย่งรังที่กำลังใช้เลี้ยงลูกของมัน โดยแทงรัง("แทงรัง"นั้นหมายถึง การใช้เครื่องมือเป็นเหล็กที่ปลายไม้ที่ยาวมากแคะเอารังที่ติดกับผนังถ้ำลงมา แต่ในบ้านคนซึ่งรังอยู่ต่ำกว่า สามารถหยิบรังออกจากฝาหรือเพดานบ้านได้เลยคงไม่เรียกว่า"แทงรัง"มั้ง) การแทงรังขณะที่มันกำลังเลี้ยงลูกอ่อน หรือถ้าเป็นรังในบ้านที่มองเห็นได้ ถ้าเขาหยิบไข่มันออกไปใส่อีกรังหนึ่ง นับว่าเป็นการเพิ่มภาระให้อีกคู่หนึ่งแล้ว ที่สำคัญรังอาจรับน้ำหนัก 3 ฟองไม่ไหว ร่วงลงมาทั้งหมดก็เป็นได้(เคยพบเห็นการโยกย้ายถ่ายโอนไข่บ่อยๆ) ทุกกรณีที่ทำให้ลูกนกตาย และพ่อแม่นกไม่มีโอกาสได้แพร่พันธุ์น่าจะ"บาป"ละนะ

แต่คิดว่าเจ้าของบ้านรังนก คงไม่ค่อยเก็บรังในขณะเลี้ยงลูกอ่อน-- เคยเห็นแต่ว่า คนเก็บรังเข้าใจว่าลูกนกตัวโตที่ใกล้บินออกจากรังแล้วนั้น โตพอที่พ่อแม่จะไม่เลี้ยงแล้ว เขาจับมันออกไปวางไว้ที่อื่น แล้วเก็บรังมา ถ้ามันพยายามบินออกไปหาอาหารเองได้ อาจรอดชีวิต ซึ่งเรื่องนี้อยากบอกรายละเอียดอีกทีในบันทึกหน้าต่อๆ ไป-- แต่ในเกาะที่ซึ่งสูงมาก ไม่สามารถทราบได้ว่ารังนกใดถึงระยะไหนแล้ว พอถึงเทศกาลเก็บรังนกที ก็จะแทงรังทุกรัง ซึ่งต้องมีส่วนหนึ่งที่สูญเสีย เรื่องนี้คงต้องติดตามสถานการณ์กับรังนกเกาะ..  

ขอบคุณที่ติดตาม

ครูเล็ก

   เรื่องการเก็บรังนั้น ผมมีข้อคิดซึ่งไม่เกี่ยวกับบาปกรรมดังต่อไปนี้ครับ

   เนื่องจากนกแอ่นกินรังเป็นนกที่อยู่กันเป็นอาณาจักร (colony)และมีนิสัยที่เหมือนกับสัตว์อื่นๆในธรรมชาติอยู่อย่างหนึ่งคือว่า หากนกแอ่นกินรังเกิดที่ใด มันจะอยู่ในที่นั้นๆจนตัวตาย โดยเฉลี่ยนกแอ่นกินรัง จะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 8-12 ปี  ซึ่งมีอายุไม่มากนัก และ อายุของนกที่จะสร้างรังได้ดีที่สุดจะอยู่ในช่วงอายุ 3-5 ปี ซึ่งเป็นรังที่สร้างจากนกวัยรุ่นอายุยังไม่มากไป (แก่เกินไป)

   จากข้อมูลทั้ง 2 อย่างคือ  

  1-เกิดที่ไหนก็จะอยู่จนตาย   2-ช่วงการสร้างรังที่สมบรูณ์ นี้คนที่ทำบ้านนก หรือ คอนโดนกจะไม่ขัดขวางขบวนการขยายเผ่าพันธ์ของนกเป็นเด็ดขาดครับ เนื่องจากว่าลูกนกที่เกิดและรอดมาได้จนโต ก็จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นๆ ไปจนกว่ามันจะตายนกหนึ่งรุ่นสามารถขยายพันธุ์ได้ไม่มากนัก 7-10 ปี เต็มที่

   ดังนั้นเจ้าของบ้านนกหรือคอนโดนกจึงไม่ชอบที่จะไปขัดขวางขบวนการขยายเผ่าพันธ์ของนก ครับ ในทางตรงกันข้ามเขากลับจะหาทางเรียกนกจากในธรรมชาติให้เข้ามาอยู่ในบ้านให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างเช่นการเปิดเทป หรือ CD เพื่อเรียกนกให้เข้ามาอยู่  ในทิศทางเดียวกันในขณะที่นกกำลังขยายพันธ์ลูกหลานอยู่นั้นก็หมายความว่าเขากำลังได้นกเพิ่ม โดยไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องออกแรง เหตุได้เขาถึงจะทุบหม้อข้าวของตัวเองโดยการไปเอาลูกนกออกจากรัง หรือ การไปขัดขวางการขยายเผ่าพันธ์ลูกหลานของนกเหล่านั้น ครับ

 

 

 

ขอเพิ่มเติมในส่วนของการเก็บรังโดยสัมประทาน

    เนื่องจากขอสัมประทานนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับที่อาจจะทำให้มีการเก็บโดยไม่คำนึงถึงหลักการขยายเผ่าพันธ์ ลูกหลานอันมีสาเหตุดังต่อไปนี้คือ

    1.เรื่องการขอสัมประทานเป็นเรื่องของการขอทำประโยชน์ในแต่ละปี หากว่าปีนี้ท่านได้สัมประทาน แต่ปีหน้าท่านอาจจะไม่ได้รับสัมประทานต่อ เนื่องจากมีคนมาให้ผลประโยชน์กับรัฐมากกว่าท่าน ซึ่งเป็นที่แน่นอนที่รัฐจะต้องให้สัมประทานกับผู้ที่ให้ผลประโยชน์มากกว่า ดังนั้นคนที่ได้สัมประทานจำเป็นจะต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในปีที่ได้สัมประทานให้ได้มากที่สุด จึงอาจจะไม่ได้คำนึงความสำคัญในการขยายเผ่าพันธ์ของนกมากนัก

    2.การขอสัมประทานเก็บรังนกซึ่งเป็นรังของนกที่ทำรังอยู่ในถ้ำหินปูนที่มืดและส่วนใหญ่จะเป็นถ้ำที่ค่อนข้างมีผนังถ้ำที่ค่อนข้างอยู่สูง ซึ่งเป็นนิสัยของนกที่จะทำรังในที่สูงและหลีกเล้นอำพราง จากสัตว์ผู้ล่าตามีที่ท่านอาจารย์ได้อธิบายไว้แล้ว ดังนั้นการเก็บรังของผู้เก็บรังจะต้องปีนป่ายขึ้นที่สูง โดยการใช้ลำไม้ไผ่ต่อให้สูงเพื่อให้สะดวกต่อการเป็น และใช้เหล็กบาง-คมแซะรังเหล่านั้น ซึ่งโดยส่วนมากคนที่เก็บรังจะอยู่ต่ำกว่าตำแหน่งรังที่จะเก็บจึงไม่มีโอกาสได้ทราบว่ารังนกที่กำลังจะเก็บนั้นมีลูกนก หรือ ไข่อยู่ในรังหรือไม่ จนกระทั่งเมื่อแซะแล้วเท่านั้น ซึ่งก็สายเกินไปแล้ว เนื่องจากทั้งไข่ ทั้งลูกนก ทั้งรังก็จะตกลงสู่พื่นล่างของถ้ำ หากว่ารังนั้นมีไข่ ไข่ก็จะแตก หากว่ามีลูกนก ลูกนกก็จะตกมาตาย

    แต่ในทางกลับกันคนที่ทำบ้านนกหรือคอนโดนกจะพยายามให้นกมาอยู่ในบ้านของตัวเองให้ได้มากที่สุด ซึ่งนั้นก็หมายถึงเข้าของบ้านนกจะได้รังนกมากขึ้นไปตามจำนวนนกที่เข้ามากอยู่ในบ้านนั่นเอง ดังนั้นเจ้าของบ้านนกจะระมัดระวังเรื่องข้อผิดพลาดที่จะทำให้ลูกนกตาย 

      ขอบพระคุณมากที่ให้แสดงความคิดเห็นตครับ - สราวุธ

 

ขอบคุณ ครูเล็กกับคุณสราวุธมากครับ ผมจะได้เชื่ออะไรมีเหตุผลรองรับ เป็นความรู้ที่ต้องไปถามจากคนที่เลี้ยงหรือทำงานด้านนี้ถึงจะรู้คำตอบกันจริงๆ ขอบคุณอีกครั้งครับ จะติดตามเรื่อยๆ เพราะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ

นกแอ่นกินรังมีอายุนานกี่ปี

8-12 ปี ดูจะยืนยาว ไม่ใช่เล่น

เคยอ่านจากที่ไหนสักแห่งว่า 3 ปี

ไม่ทราบว่ามีใครสามารถ ยืนยันได้ แน่นอนว่ากี่ปี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท