ความลับของนางระบำระบำหน้าท้อง ตอนที่ 2


พลังเพศหญิงเป็นอะไรที่แรงจนผู้ชายรู้สึกถูกข่มขู่

         ฉันยิ่งอ่านบทความนี้ ก็ยิ่งเข้าใจ ธรรมชาติ มากยิ่งขึ้น ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นมา ให้เรียนรู้ตัวเองและดำรงอยู่ ...อยู่อย่างไร อยู่อย่างภาคภูมิในตน และสันติสุข....ไม่อิจฉา ริษยา เพราะทุกคนมีดี แต่มองไม่เห็นเท่านั้น

         ร่ายอย่างพระจันทร์   รำอย่างพระอาทิตย์......เมื่อการร่ายรำ เป็นการแสดงออกของชีวิตที่เกิดจากความสัมพันธ์ของพลังต่างขั้ว การร่ายรำจึงเป็นการสื่อถึง พระเจ้าหรือธรรมชาติดั้งเดิมโดยตรง ไอน์สไตน์จึงบอกว่า..นักเต้นรำเป็นเสมือนนักกีฬาของพระเจ้า......

ในฐานะคนเต้น การร่ายรำที่เตือนสติ ทำให้นึกถึง ธรรมชาติของธรรมชาติมากที่สุด....คือ การเต้นระบำหน้าท้อง เพราะไวยากรณ์พื้นฐานของระบำหน้าท้องสรุป ความสัมพันธ์ ของหยินและหยางได้อย่างชัดเจน ฝังเข้าไปในเฃลล์กล้ามเนื้อของเรา....

     แต่หัวใจของระบำหน้าท้องไม่ได้เน้นการขยับขาเป็นสเต็ป ที่เจ๋ง คือมันเป็นการเต้นที่เน้นการเคลื่อนไหวของลำตัว โดยเฉพาะตามบริเวณจักระหลักต่างๆ แถมเป็นการเคลื่อนไหวที่ล้อการ

หมุนของจักระและให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวจากศูนย์ท้อง ที่รวมพลังปราณอีกด้วย ...

       ระบำหน้าท้องจึงช่วยขจัดขยะอารมณ์ ที่อุดศูนย์พลังในร่างกายและตามเซลล์ทั่วตัว เขย่ามัน กวนมันขึ้นมาเหมือน

เทพกับอสูรกวนมหาสมุทร แล้วก็ปล่อยมันไปกับลมปราณ  จนจักระเราโป่งโล่ง เปิดให้พลังบริสุทธิ์เราถ่ายเทเข้ามาได้ ด้วยกระบวนการนี้ จิตใจและร่างกายก็สามารถฟื้นคืนสู่ภาวะปรกติที่สมดุล ตามธรรมชาติของมัน เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ .....

       สำหรับสังคมฝรั่ง ฟอว์เซีย วิจารณ์ว่า ....ในสังคมตะวันตก พลังเพศหญิงเป็นอะไรที่แรงจนผู้ชายรู้สึกถูกข่มขู่ พวกเขาจึงพยายามปฏิเสธมัน และทำให้หมดฤทธิ์ด้วยการยอมรับแต่ผู้หญิงที่มี มีเหตุมีผล เป็นตรรกะน่าฟัง และสามารถควบคุมพลังหญิงของตนเองไว้ได้ พูดง่ายๆ ก็คือกดมันเอาไว้นั่นเอง...

     สังคมไทยจึงเหวี่ยงขั้ว จากชื่นชมแม่พลอย มาชื่นชม ทาทา ยัง มาปะทะกะระเบียบรัตน์ ที่เหลือตรงกลางก็ อเพศไป แม้ว่าการมีพลังสองขั้ว

จะก่อให้เกิดชีวิตก็จริง แต่ขั้ว โคโยตี้ ผจญรำไทย ททท.เป็นขั้วปลอม

ที่ปิดกั้นไม่ให้ผู้หญิงรู้จักตัวเอง...

    ....เต้นโคโยตี้..เน้นยื่นนมยื่นก้นเพื่อจุดประสงค์เดียวโดยคนเต้นไม่ได้

มีทักษะการเคลื่อนไหวที่สรรค์สร้างศิลปะ  คือ เกิดการสื่อที่ยกระดับจิตวิญญาณ หรืกกระตุ้นความคิดใดๆ.......”

       ...ก็ไม่ทราบว่ากี่ครูจูหลิง กี่นกแต้วแล้วท้องดำ จะต้องสูญหายตายจาก กว่าเราจะตระหนักกันจริงๆ จังว่า สิ่งท้าทายที่สุดในสังคมโลกศตวรรตที่ 21 ได้แก่ การอยู่ร่วมกัน ระหว่างความหลากหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายทางความคิด ทางเชื้อชาติ ทางวัฒนธรรม และสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธ์..........ใครถนัดอะไรก็ต้องงัดมันออกมาร่วมสร้าง

สันติภาพโลก... .”  นี่เป็นสิ่งที่ ดร.อ้อย เขียนแสดงทัศนะเอาไว้ในบทความ

          “ ...การเต้นรำ แทบจะไม่ทำลายอะไรเลย  มันเป็นการสร้างสรรค์ที่ไม่ใช้วัตถุดิบ นอกเหนือจากอาหารที่คนเต้นกินเข้าไป เราสร้างเรื่องร่ายรำขึ้นมาจากพื้นที่ว่างรอบตัวเรา เหมือนสร้างปราสาทจากอากาศธาตุ สิ่งเดียวที่เราทำลาย คือ ความเฉื่อยชา “

 .................................................................................     

อ่านจบ...บางที  ถ้าฉันหายป่วย อาจจะตะกายหาเรียนเต้นระบำตามพี่อ้อย ดูบ้าง ชักมันกับจังหวะและตามหาวิญญาณที่หลงเหลืออยู่.....

 

คำสำคัญ (Tags): #test
หมายเลขบันทึก: 81499เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2007 08:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • มุ่งหวังสิ่งใดในโลกหล้า
  • เกิดมาก็แต่ ตัวเปล่า
  • ชีวิตใช่นานยาว
  • ลับโลกทิ้งเรื่องราว...ใดไว้

แวะมาทักทายและแบ่งปันกำลังใจในการใช้ชีวิต ..ครับ !

คะ อ่านบทกวีนี้ แล้ว เศร้าคะ....เมื่อวาน อยู่ในค่ายก็ได้รับข่าว เสียชีวิตของ พี่ที่ทำงานแหล่งทุน

เก่าแก่ อย่าง องค์การแตร์เดซอม  เป็นพี่ผู้ประสานงาน

อาวุโสขององค์กร  เคยสนับสนุน งานเด็กรักป่ารุ่นแรกๆ

ต่อเนื่อง เป็นสิบปี  ยากมากที่แหล่งทุนต่างประเทศจะให้ยาวนานแบบนี้

พี่เองก็ เป็นปากเป็นเสียงให้เราในที่ประชุมเสมอ

" ผมก็ไม่ใช่ชอบ งานเด็กรักป่า หรอก มันทำอะไร

เล็กๆ ฝันๆ ...แต่มันดีนะ "   

    ดิฉัน มีโอกาส กอดลาพี่ ที่เจอครั้งสุดท้ายที่ สถานีรถไฟสามเสน เจอบังเอิญ กับน้องผู้หญิงในองค์กรที่อยู่ประจำที่ อินโด และ ลาว

   " พี่อย่าสูบบุหรี่มากซิ พี่ไอมากๆแบบนี้ ใครจะดูแลพี่

ครอบครัวพี่  ก็อยู่ต่างประเทศกันหมด..."  พี่หัวเราะฉัน

และก็ลากันกับแสงเงาๆ ของเวลาตีห้ากว่าๆ ...พี่จะพูด เอ็ง ข้า  ตลอดเวลา...ถ้าพี่เจอฉันอีก พี่คงพูดว่า

  " เอ็งน่ะ ดูแลตัวเองดีๆ "....
 

  • ต้องขออภัยนะครับ...ที่บทกวีนี้อาจนำมาความเศร้าซึมมีสู่คุณดอกแก้ว
  • เพราะแท้จริงผมเพียงต้องการย้ำและต่อยอดทัศนะของคุณดอกแก้วจากประเด็น "เรียนรู้ตัวเองและดำรงอยู่ ...อยู่อย่างไร อยู่อย่างภาคภูมิในตน และสันติสุข"

ขอบคุณคะ  ...คนเรา มีเรื่องราว มากมาย...ที่กระทบใจ

.........

เรื่องการเรียนรูู้ตนเอง  ดิฉันสนใจมากคะ 

เวลาอยู่กับ กลุ่มเป้าหมาย ในการทำงาน

เราก็จะเน้นเรื่องนี้  ทั้งเด็กและนักศึกษา

 ถ้าเรารู้จักตนเอง เราจะช่วยแก้ปัญหาสังคม ได้คะ 

.........

การค้นพบ อารมณ์ หรือการเรียนรู้อะไรสักอย่าง สนุกมากคะ  ดิฉันเคยรู้สึกค้นพบ เรื่องหนึ่ง แล้วดีใจมาก ไปเล่าให้คนอื่นฟัง คนอื่นก็ว่า ก็ดูธรรมดานี่  

ดิฉันก็ มาตลกตัวเอง ใช่ การค้นพบเป็นเรื่องของใครของมัน เวลาใคร เวลา

คนนั้น...แต่ยังไงก็ตาม ทำให้เรารู้สึกสดชื่นดี 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท