บริจาคโลหิต


การเป็นผู้ให้

      คนเราเกิดมาในชีวิตหนึ่ง ก็ต้องการทำแต่สิ่งที่ดี ๆ หากชีวิตหนึ่งที่เราเกิดมา ไม่เคยทำความดีเลย ก็จะเสียชาติเกิดที่เกิดเป็นคนแล้วไม่เคยทำความดี.. สิ่งดี  ๆ ในชีวิตของข้าพเจ้าสิ่งหนึ่ง ที่ข้าพเจ้าอยากทำที่ได้เป็น  "ผู้ให้"    นั่นก็คือ "การให้โลหิต"

       ในระหว่างเดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์  2550  มีรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ท่านหนึ่ง ไม่สบาย  และท่านก็ได้บ่นกับดิฉันตลอดว่า "ปวดท้องจังเลย เป็นอะไรก็ไม่รู้"  ดิฉันได้ฟังก็รู้สึกเป็นห่วงเพราะเห็นท่านบ่นอยู่อย่างนี้มานานแล้ว  ก็ได้แต่ซื้อยาทานเอง  ซึ่งดิฉันก็บอกท่านว่า ให้พบหมอนะอย่าซื้อยาทานเอง  ท่านก็เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง  เป็นอยู่อย่างนี้  ที่บ่นหนัก ๆ   ก็เห็นจะเป็นช่วงเดือน กุมภาพันธ์   จนกระทั่ง เมื่อวันที่  22 กุมภาพันธ์  ได้ทราบข่าวว่า ท่านป่วยเป็นมะเร็ง ระยะที่ 2  รู้สึกตกใจ? ที่ตกใจก็เพราะ  ท่านเป็นคนที่รักษาสุขภาพมาก จะทานอาหารเผ็ดก็ไม่ได้ จะทานข้าวกล้องตลอด  และอาหารจำพวกชีวจิต   และออกกำลังกายเป็นประจำ  และมีโอกาสได้ไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล จังหวัดลพบุรี   และต่อมาท่านก็ได้ย้ายไปอยู่โรงพยาบาลรามาธิบดี  ซึ่งผู้บังคับบัญชา พี่ ๆ เพื่อน ๆ ของดิฉันก็ได้หมุนเวียน สับเปลี่ยนกันไปให้กำลังท่านตลอด    จนกระทั่งเมื่อวันที่  27  กุมภาพันธ์ 2550   ช่วงเช้าได้รับแจ้งจากพี่ ๆ ในสำนักงานว่า ทางโรงพยาบาลรามาฯ จะทำการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออก  จึงต้องการผู้ที่จะบริจาคโลหิต ให้กับรองฯ ท่านนี้ โดยด่วน เพื่อนำเลือดไปทดแทน  ดิฉันได้ทราบข่าวจากพี่ ๆ ก็รีบบอกไปทันทีว่า ดิฉันจะบริจาค  เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยบริจาคให้แก่มารดาของเพื่อนในสำนักงาน ที่ต้องทำการผ่านตัดด่วนเช่นกัน  แต่พี่ที่มาขอรับบริจาคบอกว่า  "พอแล้ว"  นั่นหมายความว่าดิฉันก็จะไม่ได้บริจาคให้รองท่านนี้  เนื่องจากรถที่จะไปบริจาคมีที่นั่งจำกัด (ต้องไปที่โรงพยาบาลรามา)  ด้วยแรงศรัธรา และความมุ่งมั่น บังเอิญมีพี่ที่จะไปบริจาคเลือดท่านหนึ่ง เกิดรับประทานยาปฏิชีวนก่อน 8  ชั่วโมง จึงบริจาคไม่ได้  เลยไม่ได้ไป ดิฉันก็เลยไปแทนพี่ท่านนั้น  ซึ่งไปทั้งหมด 9   คน บริจาคเลือดได้ 7 คน 

           นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งดี ๆ ในชีวิต ที่คนเราเกิดมาก็อยากทำความดี แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยสำหรับคนบางคน ที่เป็น "ผู้ให้" มากกว่านี้  แต่สำหรับดิฉันแล้ว เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่  และดิฉันก็พร้อมที่จะเป็น "ผู้ให้"  ด้วยแรงและกำลังที่มีอยู่   และถ้ามีโอกาส  ดิฉันคิดว่าจะทำความดีเช่นนี้ตลอดไป 

            เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์  2550  (เมื่อวาน)  คุณหมอได้ทำการผ่าตัดแล้ว เป็นเวลา 6 ชั่วโมง  เป็นการผ่าตัดครั้งใหญ่   และในวันนี้ (วันที่  1  มีนาคม 2550)  ได้ทราบข่าวว่าท่านได้อยู่ในห้อง ไอซียู รู้สึกตัวแล้ว  แต่ยังพูดไม่ได้  ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับท่านและครอบครัวของท่าน  ขอให้พระคุ้มครองให้ท่านปลอดภัย และหายป่วยด้วยเทอญ 

         

หมายเลขบันทึก: 81367เขียนเมื่อ 1 มีนาคม 2007 13:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ครับ...ความดีเล็ก ๆ ที่เราทำแต่ช่วยชีวิตคนอื่นได้

น่าภาคภูใจครับ...

  • เข้ามาทักทาย คนมีหัวใจเดียวกันค่ะ
  • พี่บริจาคเลือดทุกปี เฉลี่ยปีละ 1- 2ครั้ง ตามแต่สะดวกและสุขภาพอำนวย เป็นความสุขทางใจที่สามารถช่วยชีวิตอีกชีวิตหนึ่งได้ไม่มากก็น้อย
  • "การให้ที่สูงสุด คือการให้เลือด" คิดอย่างนั้นจริง ๆค่ะ.........น้องขา
เห็นด้วยกับคุณอัมพรค่ะว่า การให้ ผู้ให้ก็สุขใจ  ผู้รับก็สุขใจด้วย  ขอบคุณคนดีของสังคมค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ P   คุณพี่ P   และ อาจารย์ P

   ขอบคุณค่ะ..ที่เข้ามาทักทาย..การให้ที่ดีที่สุด คือการให้เลือดนั่นเป็นความจริงค่ะ  สุขใจทั้งผู้ให้..ผู้รับค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท