การเรียนรู้อย่างมี Style


ทุกคนย่อมมีความเป็นตัวเองแต่ละคนย่อมมีมุมมองในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน

     การเรียนอย่างมีสไตล์ การเรียนโดยความเป็นตัวของตัวเองคือหลักการที่ผมเห็นว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสิทธิภาพในการเรียนรู้  ทุก ๆ คนย่อมมีความเป็นตัวของตังเอง  แต่อาจจะไม่ถูกแสดงออกมาทั้งหมด  เช่นความชอบ ความพอใจ ความต้องการ เป็นต้น การเรียนรู้ก้มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกันคือแต่ระคนย่อมมีความสามารถในการรับและถ่ายทอดต่างกัน  สังเกตได้จากการพูดของแต่ละคนที่แตกต่างกันรวมถึงบุคลิกภาพ  ดังนั้นคนแต่ละคนย่อมเรียนรู้ในมุมมองที่แตกต่างกันหากกำหนดว่าเด็กทุกคนต้องดำเนินการตามแบบที่วางเอาไว้  การเรียนรู้ย่อใมแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย  การเรียนที่มีประสิทธิภาพต้องค้นหาแนวทางของตนเองเสียก่อนจากการสังเกตเด็กทารกวัยเรียนรู้ ซึ่งมีผลการวิจัยว่า เป็นช่วงที่มีการพัฒนาสมองสูงมากผู้ปกครองมักส่งเสริมการเรียนรู้  จะเห็นได้ว่าการล่นของเด็กคือการเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมรอบตัวทารกที่เต็มไปด้วยความส่งสัยพยายามทดลองสัมผัสชิมรส  จะเห็นว่าเป็นลักษณะการเรียนรู้ด้วยตนเอง อันไร้ซึ่งแบบแผนข้อกำหนดจนบางทีผู้ใหญ่ต้องประหลาดใจและสังเกตเห็นความงดงามในการเรียนรู้อย่างไร้รูปแบบ  การเรียนในปัจจุบันมีสองมุมคือ เรียนโดยอาศัยความจำและความเข้าใจอันเป็นสิ่งที่ควบคู่กันสำหรับตัวผมมีหลักการง่าย ๆ คือ

1.  ฝึกความจำ  และสร้างเทคนิคการจำ โดยฝึกสมาธิแต่การจดจำก็มีขีดจำกัด และการจะจำสิ่งใดที่ซับซ้อนจะต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องท่องอยู่นาน ดังนั้นหากรู้จักการสร้างเทคนิคแปลก ๆ ช่วยในการจำจะเป็นการดี ถึงเวลาต้องใช้งานเทคนิคต่าง ๆ นี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญ บางทีอาจดูประหลาดไร้สาระ แต่ก็ยอมรับว่าสิ่งนั้นมาจากความคิดของเราเอง เราจะพบหลักการจำบทเรียนต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะจากโรงเรียนกวดวิชา ซึ่งจะถมเทคนิคการจำรูปแบบต่าง ๆ เข้าสู่ความคิดของเรา แต่หากเป็นเทคนิคการจำจากความคิดเราเองจะจำได้นานกว่า

  2.  ความเข้าใจกับเนื้อหา การทำความเข้าใจนั้นอย่างน้อยเราต้องรู้ที่มาของเนื้อหานั้นก่อนจึงจะสามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์กล่าวคือถ้าเรารู้ว่ามันมาอย่างไรก็ย่อมเชื่อมโยงไปสู่ผลทีจะเกิดขึ้นได้ง่าย บางทีอาจต้องยอมเสียเวลา เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีต่าง ๆ แต่เมื่อเปรียบเทียบผลที่ได้รับพบว่าคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปเพราะทำให้เราเรียนรู้อย่างเข้าใจ และความรู้นั้นจะฝังลึกกว่าความจำ

3. เจตคติที่ดีต่อการเรียน  หากเราไม่มีอคติก็จะสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข เมื่อเราชอบที่จะเรียนก็จะสามารถทำได้ดีซึ่งเป็นหลัก อิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ = ความพอใจในงานตน  ส่วนวิริยะ = ความขยันหมั่นเพียร กับจิตตะ = ความมุ่งมั่น  นั้นก็เป็นส่วนประกอบคอยส่งเสริม ส่วนวิมังสา = ความรอบคอบ สำคัญมากโดยเฉพาะการทำข้อสอบต้องรอบคอบเพื่อไม่ให้ผิดพลาด สรุปแล้วไม่ควรที่จะไม่ชอบวิชาใด ๆ เลยเป็นสิ่งที่ดี   

     สภาพแวดล้อมนั้นก็มีผลมากเช่นกัน ในที่นี้รวมถึงบุคคลรอบข้าง  อารมณ์ การดำเนินชีวิต ในภาวะสังคมที่มีการแข่งขันสูง  ความกดดันมีมาก แรงกระตุ้นก็จะแปรผันตามไปด้วย  ความเอื้ออาทรในหมู่เพื่อนเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนการเรียนได้ดี  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งที่เราถนัดกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มเป็นสิ่งที่น่าส่งเสริม  อันจะช่วยสร้างสายใยมิตรภาพที่ถักทดด้วยองค์ความรู้ให้หนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไป

คำสำคัญ (Tags): #test
หมายเลขบันทึก: 81231เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2007 22:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

หยกอยู่ม.2/21 น้า วินิตศึกษาเนี่ยแหล่ะ ขอบคุณมากนะคร้าบที่ให้สาระความรู้ คือตอนนี้ยัง งง ??? กับตัวเองอยู่ว่า ตกลงควรจาเรียนสายไหนดี แต่หนูคิดว่าหนูชอบ วิทย์-คณิตมากกว่า แต่บางครั้ง ลองเอาอะไรหลายๆอย่างมาเทียบ กลับเป็นพวกอังกฤษที่ได้คะแนนดีกว่าซะงั้น ตอนนี้เลยต้องเป็นกอล์ฟ/ไมค์เลย   "เซ็ง" 5555+  ยังไงก้อขอบคุณมากนะคะ^^

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะค่ะ แล้วพี่เคยรู้สึกขี้เกียจไม๊ หนูเป็นบ่อยเลย แต่หนูก็คิดเสมอนะว่า เราควรขยันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่ออนาคตที่ดี ก็ทำให้มีแรงใจขึ้นมาเหมือนกัน **ขอบคุณมากๆนะค่ะ**

 สวัสดี ค่ะ พี่หมู

เมื่อหนูได้เข้ามาอ่านแล้วทำให้หนูรู้ซึ้งแก่ใจว่าพี่เป็นคนที่มีอุดมการณ์มากๆ มากกว่าเดิมที่หนูคิดไว้ซะอีกนะค่ะ  เพราะเเบบนี้นี่เอง พี่ถึงได้เรียนเก่ง  เฮ้อ...อยากเรียนเก่งๆแบบพี่จังเลย อืม.ถ้าเกิดว่าหนูมีคำถามอยากจะถามพี่หนูจะถามพี่ได้ด้วยวิธีไหนได้บ้างค่ะ  แล้วก้อ  การที่อ่านหนังสือชีวะเป็นภาษาอังกฤษมันยากรึป่าว อ่านเข้าใจด้วยเหรอค่ะ ... ....พี่นี่เก่งเกินคำบรรยายจริงๆเลย! จริงอย่างที่พี่ว่า เราทุกคน ก็ล้วนเเต่มีการเรียนเป็นstyleของตน หนูเองก็มีstyleการเรียนเป็นของหนูเอง พี่เองก็มีstyleเป็นตัวของพี่เอง แต่ถ้าหากว่าหนูจะนำคำเเนะนำของพี่ไปปฏิบัติดูบ้างก็คงจะไม่เสียหายอะไรใช่มั้ยค่ะ   ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ค่ะ

ปล.ตกลงว่าพี่หมูอยากเป็นนักวิจัยหรือเป็นหมอกันเเน่!ค่ะ  ช่วยตอบโดยด่วน!ค่ะ

สวัสดีค่ะ พี่หมู

อ่านแล้วทำให้ฉันเข้าใจในการเรียนมากขึ้น ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้เทคนิคการเรียนให้เข้าใจ...อยากเก่งอย่างพี่จังถ้ามีอะไรดีๆอีกก็อย่าลืมมาแนะนำกันอีกนักค่ะ จะเข้ามาดูทุกวันนะค่ะ

bay bay

ขอคุนจร้าพี่หมู

หนูชื่อพลอยนะ

ขอคุนที่ให้สาระดีๆแบบนี้

จะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันนะคะ

บ๊าย บาย ปีนี้ เอนให้ติดหมอนะคะ

จะเปงกำลังจายให้

จร้า.............

เก่งมากมายเลยนะพี่เนี่ย เราอ่านหนังสือจนตาจาถลนยังไงก็ไม่รุ้เรื่องเลย

กะว่าเราจาทำให้ดีที่สุดอ่ะ เก่งจังเลย เราอยากได้สมองพี่จัง

หัวไบค์ มากมายเลยง่า.. ^_____^ โหดไปไหม ล้อเล่นน้า

ด.ญ.ศตพร ฤกษ์พิชัย (พลอย) ม.1/3

ดีค่ะพี่หมู

พลอยก็อยากเป็นทันตเเพทย์เหมือนพี่

พลอยเข้าใจว่าเราควรเรียนรู้แบบที่เราสามารถเข้าใจได้

แม่พลอยส่งเสริมในด้านการเรียนของพลอยมากเลยค่ะ

พลอยคิดว่าตัวเองเป็นคนชอบเรียนพิเศษมาก

เรียนจนครูเเละเพื่อนๆบอกว่า "ไม่เคลียดตายเลยหรอ ควรดูเเลสุขภาพตัวเองบ้าง"

และแม่ก็บอกว่า "เปลืองเงินมาก"

พลอยคิดว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่อยากให้ลูกเรียนดีแต่ไม่อยากให้เรียนพิเศษมาก

เพราะกลัวลูกเครียด

แต่พลอยคิดว่าเรียนพิเศษไม่เห็นเครียดเลย

เพราะได้ความรู้เเละได้เพื่อนใหม่

เเต่ไม่ใช่ไปเล่น

เวลาครูสอนก็ควรตั้งใจฟังสิ่งที่เป็นความรู้ใหม่ๆก็จดไว้

เเล้วมาทบทวน

เวลาว่างอาจจะทำความรู้จักกับเพื่อนก็ได้

ขอบคุณที่ให้คำเเนะนำนะคะ

สวัสดี Moo

เราจะขอย้ำคำเดิมๆที่เคยพูดเอาไว้ ว่าคนเราทุกคนมี

limiting factor (ปัจจัยจำกัด) ในทุกๆเรื่อง

และนั่นเอง เป็นตัวจำกัด Quantum yield(สิ่งที่ได้รับเมื่อเทียบกันที่ต้องลงทุนไป)

คนเราแต่ละคน มีlimiting fector ไม่เหมือนกัน สิ่งที่ต้องทำคือ หามันให้เจอ

แค่หาเจอ การเพิ่มQuantum yieldก็ไม่ใช่เรื่องยาก ใช่ใหม?

limiting factor อาจเป็นที่ระดับความรู้เดิม นั่นคือ ต้องเพิ่มความรู้เข้าไป

แต่limiting factor อันหนึ่งเลย คือ การผูกตัวเองเข้ากับผู้อื่น นั่นเป็นการlimitความเป็นตัวของตัวเองอย่างร้ายแรง

ขอให้มีความฝัน และเดินไปตามความฝันของตัวเอง ก้าวพ้นlimiting factorให้ได้ (แต่ก่อนจะตามความฝันนั้น ต้องตื่นขึ้นมามองโลกแห่งความเป็นจริงเสียก่อน [paradigm])

สิ่งที่ท้าทายกว่านั้น คือ

ทำตามความฝันในแบบของตนเองทั้งๆที่ยังหลับอยู่=parrdigm shift

ด.ญ.ศิริรัตน์ พรมอุทิศ 1/4

ดีคร่ะพี่หมู

ก้ออยากขอบคุณพี่มากเลยคร่ะ สำหรับแนวทางในการเรียน

พี่อ่ะเปนคนที่เรียนเก่งมากๆเลย

เก่งขนาดสอบติดมหาลัยดีๆตั้งหลายที่

พี่รู้ป่ะว่า

หนูอ่ะอยากเก่งได้เหมือนพี่มากๆเลย

แล้วตอนนี้หนูก้อกำลังทำตามแนวทางที่พี่บอก

เพื่อที่สักวันหนูจะฉลาดเหมือนพี่บ้าง

แต่บางทีหนูก้ออาจจะเก่งเหมือนพี่ไม่ได้หรอกเนอะ

แต่ยังงัย มันต้องมีสักวัน เน้นย้ำ สักวัน ใช่ป่ะ ที่หนูจะทำได้อย่างพี่อ่า

ยังงัยหนูก้อต้องขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆของพี่มากๆนร้าคร่ะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท