- ตามมาจากบล็อกของป้าเจี๊ยบครับ
- อยากไปด้วยจัง..
- มี ๒ แผน ถ้า อ.ลูกหว้า กับ อ.ราณีไป เราก็อาศัยไปด้วย
- ถ้าทั้งสองท่านไปไม่ได้ ติดงาน ก็ไปอาศัยทีมงาน อ.แป๋ว กับ อ. JJ โดยนั่งรถไปลงที่ขอนแก่น
- แผน ที่แน่นอน คงแจ้งอีกทีครับ
- รอประสานงานก่อน...
เล่มที่ 2 เศรษฐศาสตร์มีคำตอบ
เล่มที่ 3 หนังสือเซียมซีพุทธ
ขอ tag ดังนี้ค่ะ
1. คุณจินตนา
2. ดอกไม้ทะเล
3. อ.เก๋
4. คุณหนู จินงนภา
5. พี่ lioness
น่าสนใจทุกเล่มครับ....
คงต้องหาโอกาสไปอ่านแล้วครับ...
Mr.Direct ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยนเยียน
1. หนังสือนิยายเรื่องคำมั่นสัญญา เขียนโดย ทมยันตี เล่มนี้อ่านโต้รุ่ง อ่านไปน้ำตาร่วงไป เรียกว่าอินมาก คุณทมยันตี เขียนได้ซาบซึ้งแล้วก็ดีมากจริงๆ แต่หนังสือไม่มีแล้วอ่ะค่ะ รูปหนังสือนี้ไปยืมมาจากเวป book2hand.com ค่ะ แหะ ๆ
2. ใบไม้ที่หายไป เขียนโดยคุณจีรนันท์ พิตรปรีชา ได้รับรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๓๒ ชอบทุกหน้า ทุกบท ทุกตอน อ่านซ้ำไปหลายๆ รอบเช่นกัน รูปนี้ก็ยืมมาจากเวป www.art.chula.ac.th ค่ะ
ขออนุญาตคัดลอกมาบทหนึ่งนะคะ
อหังการของดอกไม้
สตรีมีสองมือ
มั่นยึดถือในแก่นสาร
เกลียวเอ็นจักเป็นงาน
มิใช่ร่านหลงแพรพรรณ
สตรีมีสองตีน
ไว้ป่ายปืนความใฝ่ฝัน
ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน
มิหมายมั่นกินแรงใคร
สตรีมีดวงตา
เพื่อเสาะหาชีวิตใหม่
มองโลกอย่างกว้างไกล
มิใช่คอยชม้อยชวน
สตรีมีดวงใจ
เป็นดวงไฟไม่ผันผวน
สร้างสมพลังมวล
ด้วยเธอล้วนก็คือคน
สตรีมีชีวิต
ล้างรอยผิดด้วยเหตุผล
คุณค่าเสรีชน
มิใช่ปรนกามารมณ์
ดอกไม้มีหนามแหลม
มิใช่แย้มคอยคนชม
บานไว้เพื่อสะสม
ความอุดมแห่งผืนดิน !
3. ไล่ตงจิ้น ลูกขอทาน ... ไม่มีคำบรรยายสำหรับหนังสือเล่มนี้อ่ะค่ะ รู้แต่ว่าอ่านแล้ว อยากให้คนอื่น ๆ ได้อ่าน หรือแม้แต่ว่า จะบรรจุหนังสือเล่มนี้เข้าไว้เป็นหนังสือนอกตำราของเด็กอีกเล่มหนึ่ง ก็ยิ่งดี ภาพหนังสือจากเวป www.manager.co.th นะคะ
ที่ไม่มีรูปหนังสือเนื่องจากว่าให้คนอื่นยืมอ่านไปแล้วอ่ะค่ะ
โหย ...ไม่มีตำราวิชาการเลยเนอะ ฮิๆๆ เอาเป็นว่า ปิ๊กขอแค่นี้ก่อนละกันนะคะ งัยมีเวลาจะขอมาแท็กต่อบ้าง
ขอบคุณอาจารย์ลูกหว้าและทุก ๆ ท่านมากๆ ค่ะ
หนังสือพี่หว้าน่าอ่านจังคับ
หมูไม่สบายเพิ่งหาย
ว้าว พอเปิดประเด็น Book tag เราก็ได้หนอนหนังสือตรึมเลย
อยากให้คนไทย เกือบ 100% เสพสารจากหนังสือให้มากที่สุดจัง
หนังสือหนังสือเซียมซีพุทธ ผมยังไม่เคยอ่านเลยครับห้องสมุดที่ทำงานไม่มีนะครับ
งานนี้ แค่เรื่องหนังสืออย่างเดียว
ก็ ลปรร กันอีกนานเลยครับ
อ.ลูกหว้า อ่านหนังสือทุกประเภทเลยหรือครับ
เรื่อง "ไพ่ยิปซี"
เมื่อต้นปี ผมไปดูไพ่ยิปซีมา (จากญาติผมเอง) และผมได้จับไพ่ชุดใหญ่มา ชุดหนึ่งครับ
แล้วผมจะส่งให้ อ.ลูกหว้า ลองวิเคราะห์ดูนะครับผม
พี่หว้าตอนนี้ทำงานกี่ตำแหน่งคับ ได้ข่าวว่ายุ่งๆ
ข่าวดีไรหว่า อยากรู้จัง ลั่นระฆังวิวาห์ หรอคับ
ช่วงนี้เดือนแต่งงานอยู่ด้วย อิอิ แบร่ๆ
อ.ลูกหว้าครับ ข่าวดีอะไรครับ
แต่งงาน หรือครับ
จะได้ประกาศทั่ว g2k
อ.หว้าครับ (ขออนุญาตแจ้งตรงนี้) ยิปซีที่ผมได้ต้นปีที่เป็นบทสรุป แต่ไม่ได้จำว่าเรียงยังไงนะครับ จำได้แค่ ๔ ใบครับ
อีก ๒ ใบจำไม่ได้ครับ
พอวิเคราะห์ได้มั้ย!!!!
อ.หว้าคะ
หนังสือดีๆมีสาระทั้งนั้นเลยค่ะ
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ลูกหว้า เรื่องไล่ตงจิ้นนั้นมีเนื้อหา รายละเอียดและที่มาที่ไปอยู่ในหลายเวปไซต์เช่น
http://www.culture.go.th/study.php?&YY=2549&MM=11&DD=1 อันนี้จากเวปของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9480000139925 อันนี้จากเวปไซต์ของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ค่ะ
มีเนื้อความเริ่มต้น ที่จะขอคัดลอกมาพอให้เห็นภาพดังนี้
สถานที่ที่เขาลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก คือสุสาน ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่เช่นนั้นมานับ 10 ปี มีพ่อที่เป็นขอทานตาบอด ส่วนแม่เป็นคนปัญญาอ่อน มีไอคิวเพียง 58 เท่านั้น มีน้องอีก 10 คน ที่คลานตามกันออกมาให้เขาต้องดูแลในฐานะลูกชายคนโต เขาและครอบครัว ‘ยังชีพ’ ด้วยการขอทาน การได้เรียนหนังสือ คือ ความใฝ่ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้
หากเป็นเด็กๆสมัยนี้ ถ้าต้องเจอกับภาวะมีพ่อตาบอด ต้องจูงพ่อไปขอทานตั้งแต่สามขวบ อีกทั้งยังต้องเดินขอทานนับเป็นระยะทางสิบๆกิโลต่อวัน แม้ฝนตกหนักก็ไม่ว่างเว้น เพื่อให้ได้อาหารพอกับสมาชิกที่มีกว่าสิบชีวิต ไหนจะต้องทนกับคำดูถูก ไหนจะถูกกลั่นแกล้งจากเด็กอื่นหรือแม้แต่ขอทานด้วยกันเอง ไหนจะมีแม่และน้องชายปัญญาอ่อนที่ต้องกลับมาทำเช็ดอึเช็ดฉี่ให้หลังกลับจากขอทานทุกวัน เพียงเท่านี้ เชื่อว่าหลายคนก็อาจสติแตก จนฆ่าตัวตาย หรือหนีไปโดยทิ้งภาระเหล่านี้ไว้เบื้องหลังก็ได้ แต่ “ ไล่ตงจิ้น ” แม้จะรู้สึกขมขื่น ยากแค้นเพียงไร เขากลับมีความกตัญญู อดทน และมีความมุ่งมั่นที่จะฟันฝ่าอุปสรรคในชีวิต โดยไม่ยอมละทิ้งคนในครอบครัวของเขาไปไหน
“ ไล่ตงจิ้น ” เขียนว่า “ ในปีที่ผมอายุได้เจ็ดขวบ วันนั้นพายุโหมพัดแรงตั้งแต่เช้าตรู่จนเย็นย่ำ..เมื่อไม่มีอะไรตกถึงท้องนานติดกันสองมื้อ แม่กับน้องๆทนหิวไม่ไหวร้องไห้อาละวาด ผมลุกพรวดขึ้น ฝ่าลมฝนออกไปขอทาน ผู้คนต่างพากันปิดหน้าต่างประตูบ้านช่องแน่นหนา ผมได้แต่ฝืนเดินไปเคาะประตูบ้านแล้วบ้านเล่า...เขาได้ออกไปขอทานผ่านคืนวันอันหนาวเหน็บ เพียงเพื่อให้ สิบกว่าชีวิตรอดต่อไป หลายครั้งไม่ได้อะไรเลย เขาถึงกับต้องแย่งข้าวหมากิน ดื่มน้ำในท้องร่อง.... ”
“ เพราะการเรียนหนังสือกินเวลาของผมไปเกือบทั้งวัน พอถึงเวลาออกไปขอทานตอนกลางคืน จึงต้องแข็งขันกว่าเดิมอีกหลายเท่า...พ่อนั่งดีดพิณ ร้องเพลงไป ผมนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆพร้อมกับทำการบ้านโดยอาศัยแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟข้างถนน ” ตลอดระยะเวลา ๖ ปีที่เขาเรียนอยู่ชั้นประถม เขาได้รับใบประกาศเกียรติคุณทั้งหมดมากกว่า ๘๐ ใบ ทุกรายการเขาได้ที่ ๑ แม้รางวัลจะเป็นพลังอย่างเดียวที่ผลักดันให้เขามีกำลังใจสู้ชีวิตและเป็นความหวังในอนาคตของเขา แต่ใบเกียรติคุณแผ่นบางๆเหล่านี้ เทียบไม่ได้เลยกับอาหารที่เขาขอทานมาได้สักมื้อ และพ่อก็ไม่เคยแสดงความชื่นชมกับเขาสักครั้ง
เมื่อครั้นไล่ตงจิ้นไปรับจ้างในงานศพ ได้เห็นความเศร้าโศกของญาติผู้ตาย เขาบอกว่า “ เมื่อมาคิดๆดู แม้พ่อกับแม่ผมจะเป็นคนพิการทั้งคู่ แต่อย่างไรท่านก็ยังอยู่เคียงข้างผม เทียบกับพวกเขาที่ต้องสูญเสียญาติมิตรไป ผมยังโชคดีกว่ามาก ผมบอกกับตัวเองว่า การตอบแทนพระคุณพ่อแม่นั้นควรจะทำให้ทันเวลา และควรทะนุถนอมสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ให้ดีที่สุด ”
“ ๔๐ กว่าปีที่ผ่านมา แม้พ่อกับแม่ไม่สามารถจะรัก ดูแล เอาใจใส่ผมเฉกเช่นพ่อแม่คนอื่น แต่ผมก็ไม่ขมขื่นหรือเสียใจเลย ยิ่งกว่านั้น กลับเห็นว่าความสำเร็จที่ผมได้รับในวันนี้ เพราะผมได้มีโอกาสสู้ชีวิตและโชคชะตาที่เลวร้าย และเพราะผมมีพ่อกับแม่ที่พิการทั้งสองท่านนั่นเอง มันเป็นชีวิตที่ทุกข์ยากแสนสาหัสอย่างแท้จริง แต่มันไม่ทำให้ผมยอมแพ้ ผมบอกตัวเองเสมอว่า จะทำให้ฟ้าดินประจักษ์ ไม่ว่าจะต้องพบกับความทุกข์เข็ญปานใด หรือต้องเผชิญกับชะตาอันเลวร้ายอีกสักแค่ไหน ผมต้องหาทางออกให้ชีวิตและหยัดยืนขึ้นให้สำเร็จให้จงได้ ”
เขาบอกว่า หากคุณจะถามผมถึงรสชาติของการเป็นขอทาน ผมบอกได้เพียงว่า มันคือ น้ำตาที่ขมปร่าที่สุดในชีวิตมนุษย์ หากคุณถามผมว่ารสชาติของความสุข ผมก็จะบอกว่า มันคือการไม่ต้องทนหิว ไม่ต้องทนหนาว คนในครอบครัวได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้าอย่างร่มเย็นเป็นสุข
นี่คือส่วนหนึ่งในหนังสือ “ ไล่ตงจิ้น ลูกขอทาน ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต ” แม้ว่าจะมิใช่ตัวอย่างของคนไทย แต่สำหรับชีวิต “ มนุษย์ ” แล้ว “ ไล่ตงจิ้น ” ก็เป็นอีกแบบอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า แม้ชีวิตจะเลวร้ายหรือต่ำต้อยแค่ไหน ขอเพียงแต่ให้คนเรามีความมุ่งมั่นที่ดำรงชีวิตอย่างมีมานะอดทนเท่านั้น ทุกคนก็ย่อมจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ และที่สำคัญ คือ อย่าลืมความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ
ไล่ตงจิ้น ปัจจุบันเป็นหัวหน้าของโรงงานแห่งหนึ่ง เขาได้รับการยกย่องอย่างสูงให้เป็นบุคคลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จค่ะ
กรี๊ดดดดดดดดด
เจ๊หมูเปลี่ยนรูป กรี๊ดดดดดดดดดดด
รูปไหนก็น่าร๊ากกกกกกกก
สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า
แวะมาทักทายครับ
เพลงเพราะมากครับ
หมายถึง เจ๊ของหมูคับ
แต่จาบอกว่ารูปนี้ดูแก่คับ อิอิ เปลี่ยนดีก่าพี่
เข้าไปดูภาพ ต้นไม้ ของ อาจารย์มาครับ
ยอมรับจริงๆครับ ว่าเศรษฐกิจพอเพียงจริงๆครับ ขอคาราวะหนึ่งจอกครับผม พออ่านเจอลูกมะอึก โอยน้ำลายไหลครับ น้ำพริกลูกมะอึก นึกถึงแม่ครับ แบบว่ามื้อนั้นไม่ต้องกินกับอะไรอีกแล้วครับ ได้น้ำพริกมะอึกก็กินข้าวได้สามจานแล้วครับ ถ่ายมาให้ดูกันอีกนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
มันดูเพี้ยนๆจิงนะพี่หว้ารูปนี้
อ.ขจิตเห็นด้วยไหมคับ
โอเช น่ารักแล้ว รูปนี้
พี่หว้าน่ารักที่ซู๊ด
อิอิ ดีใจ พี่หว้าเชื่อหมูกะพี่ขจิต
แต่งหน้ายิ่งเข้มยิ่งแก่คับ
จริงไหม พี่ขจิต อิอิ
beeman เมื่อ อ. 06 มี.ค. 2550 @ 12:01 จาก 202.28.21.4 ลบ |
ภาพนี้ถ่ายกับคุณตาทวด...ท่านเป็นผู้ดูแลวัดใหญ่ที่พิษณุโลกค่ะ
คนนี้แหล่ะที่ำทำให้หว้าเป็นคนชอบทำบุญและชอบบ้านเรือนไทย..
ถ่ายบ้านคุณป้าที่พิษณุโลกกับคุณแม่และพี่สาว
ภาพประวัติศาสตร์ ของคนไทย
ประกาศภาพเหล่านี้ กรุณาห้ามแสดงความคิดเห็นใด เว้นแต่เจ้าของภาพบรรยายเท่านั้น
เหตุผล เพราะจะทำให้ เด็กขี้อาย แอบไปหลบอยู่หลังพี่สาว แล้วเราจะไม่เห็นหน้า ครับ
ขอเป็นคนที่ 100 ครั้งที่ 2 คับ
คิดถึงพี่หว้าจัง ดูแลสุขภาพ อย่าโหมงานหนักนะคับ
ตอนนี้หมูคงไม่ได้มาป่วนซักพักนะคับ
ขอปั่นงานก่อน ตอนนี้ปั่นงานจนหวัดกินอีกแล้ว
ก็วิ่งออกกำลังกายครับ
จะได้มีพลังครับ
..
พี่หว้าล่ะคับ วิ่งมั่งหรือเปล่า อิอิ
ระวังกระจกจำไม่ได้นะพี่
คิคิ
ไม่สบายก็ป่วนได้
พรุ่งนี้จาไปดูหนังแร้ววววววว
อยากไปแจมด้วยจัง อิอิ
แฟนหมูนะ I.C.U อยู่ชั้น 2 เอง เดินขึ้นบันได้เหนื่อยจะเป็นจะตาย คน(ไม่เชิง)อ้วนเหนื่อยง่ายคับ อิอิ
พี่หว้าผันดีคับ
หมูเพิ่งถึงบ้าน พรุ่งนี้มีเรียนเช้า
บ๊าย บาย จ้า