ความสำเร็จและความล้มเหลวคือจุดเดียวกัน
โดย ณรงค์วิทย์ แสนทอง
ถ้าวันนี้มีคนๆหนึ่งมีเงินหนึ่งพันล้าน เราจะถือว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว คนส่วนใหญ่น่าจะตอบว่าประสบความสำเร็จ แต่ถ้าคนๆนั้นคือมหาเศรษฐีของเมืองไทยหรือของโลก เขาอาจจะตอบว่าล้มเหลวก็ได้ เพราะระดับเขาเคยมี ควรจะมี หรือต้องมีอย่างน้อยเป็นหลักหมื่นล้านเพื่อป้องกันไม่ให้เราหลงใหลและติดใจไปกับคำว่า “สำเร็จ” หรือกลัวและไม่อยากเจอกับคำว่า “ล้มเหลว” มากเกินไป จึงขอแนะนำแนวทางในการปรับเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ดังนี้
· อย่าตั้งเป้าหมายเพื่อใช้ตัดสินผลลัพธ์สุดท้าย แต่จงตั้งเป้าหมายเพื่อให้เกิดความท้าทายและเกิดแรงจูงใจ
การตั้งเป้าหมายในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น อย่าตั้งเป้าหมายเพื่อเอาไว้ตัดสินผลที่เกิดขึ้นในขั้นสุดท้ายเท่านั้น แต่...จงตั้งเป้าหมายเพื่อสร้างความท้าทายให้ตัวเอง เพราะถ้าเป้าหมายยากเกินไปคนเราก็จะไม่ต้องทำอะไร เพราะคิดว่าทำไปก็ไม่บรรลุเป้าหมาย ในทางกลับกันถ้าตั้งเป้าหมายง่ายจนเกินไป คนเราก็จะไม่ทำอะไรเพิ่มเติม เพราะยังไงก็ได้ตามเป้าหมายอยู่แล้ว เราควรจะตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย เพื่อให้เกิดความมุ่งมั่นอยากจะไปให้ถึง และเกิดแรงจูงใจในการที่อยากจะทำสิ่งนั้นๆ เมื่อเราได้ทำสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้อย่างเต็มที่ก็ไม่ต้องไปสนใจว่าผลลัพธ์ที่ได้มาจะได้ต่ำกว่า เท่ากับหรือดีกว่าเป้าหมาย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าเราวางแผนดี ทำดี ทำถูก ผลที่เกิดขึ้นย่อมไม่แตกต่างจากเป้าหมายที่เรากำหนดไว้อย่างแน่นอน
· จงตั้งเป้าหมายย่อยๆที่มีหลายระดับภายใต้เป้าหมายใหญ่
คนส่วนใหญ่มักจะตั้งเป้าหมายเพียงเป้าหมายสุดท้ายเพื่อใช้ตัดสินผลการกระทำในเรื่องนั้นๆ ซึ่งเป้าหมายบางเรื่องกว่าจะรู้ว่าได้หรือไม่ได้ตามเป้าต้องใช้เวลานาน และถ้าเราฝากความหวังไว้กับเป้าหมายสุดท้ายเพียงอย่างเดียว ถ้าผลออกมาปรากฎว่าไม่ได้ตามเป้า อาจจะทำให้เรารู้สึกผิดหวัง คิดว่าล้มเหลว ดังนั้น เพื่อป้องกันความรู้สึกนี้ จึงควรกำหนดเป้าหมายย่อยๆภายใต้เป้าหมายหลัก เช่น แทนที่จะกำหนดว่าเราจะต้องมีเงินเก็บไม่ต่ำกว่า 10 ล้านอีก 20 ปีข้างหน้าเพียงอย่างเดียว อาจจะต้องกำหนดเป้าหมายย่อยๆ เช่น เราจะเก็บเงินเดือนเท่านั้นเท่านี้ ปีละเท่านั้นเท่านี้ อย่างน้อยเป้าหมายย่อยจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจมากขึ้น บางเดือนเก็บได้ต่ำกว่าเป้า บางเดือนอาจจะเก็บได้มากกว่าเป้า ทำให้ชีวิตเรามีทั้งความสำเร็จและล้มเหลวสลับกันไป ดีกว่ารอไปตัดสินครั้งเดียวอีกสิบห้าปีข้างหน้า
· ให้คิดว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเราประสบความสำเร็จเสมอ
เนื่องจากคำว่า “สำเร็จ” เป็นคำที่เราเป็นผู้เลือกกำหนดขึ้น ดังนั้น เมื่อเราทำอะไรลงไปอย่างเต็มที่แล้ว ยังไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก็ขอให้คิดว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว เพราะการที่เราได้ทำสิ่งต่างๆตามที่ตั้งใจไว้แล้วนั่นคือความสำเร็จในการลงมือปฏิบัติ ส่วนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมานั้น ก็ขอให้เรียกว่า “ผลสำเร็จ” ถึงแม้ว่าผลสำเร็จนั้นจะน้อยกว่าเป้าหมายที่เราคาดหวังไว้ก็ไม่เป็นไร ถ้าเรารับไม่ได้ก็ลองนำเอาผลนั้นไปเทียบกับชีวิตคนที่ด้อยกว่าเรา เช่น เราตั้งเป้าหมายว่าเราจะซื้อบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ๆสักหลังหนึ่ง แต่เราทำได้แค่มีบ้านทาวเฮาส์หลังเล็กๆหลังหนึ่ง ก็อย่าคิดว่าเราไม่ได้ตามเป้าหมาย(ล้มเหลว) แต่จงคิดว่าการที่เรามีบ้านเป็นของตัวเองน่าจะถือเป็นความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว เราต้องนำผลที่เราได้เทียบกับคนที่ด้อยกว่าเราว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ เช่น ไปถามคนที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน ไปถามคนที่อาศัยอยู่ตามเผิงใต้ทางด่วนหรือชุมชนแออัด ผมเชื่อว่าเขาจะบอกเราว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว
· ให้คิดว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นคือความล้มเหลว
ดังที่กล่าวไว้แล้วตั้งแต่ต้นว่าคำว่า “สำเร็จ” และ “ล้มเหลว” เป็นจุดเดียวกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำอะไรแล้วได้ตามเป้าหรือดีกว่าเป้า อย่าไปคิดว่าเราประสบความสำเร็จเพราะมิฉะนั้นเราจะหลงระเริงกับผลแห่งความสำเร็จนั้นจนทำให้เกิดความประมาท เช่น พอมีเงินทองขึ้นมาก็ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย แต่จงคิดว่าเราประสบความล้มเหลวโดยไปเทียบกับคนที่เขามีมากกว่าเรา เช่น ถ้าเราได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการ เราต้องเทียบกับผู้บริหารที่อายุเท่ากับเรา แต่ตอนนี้เขามีตำแหน่งสูงกว่าเรา ทั้งนี้ เพื่อให้เราเกิดความท้าทายใหม่และเกิดแรงจูงใจเพิ่มขึ้นมาอีก เพราะกำลังใจคนมักจะหมดเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว
· จงสุขใจเมื่อได้ทำในสิ่งที่ต้องการจะทำ มากกว่ารอผลสำเร็จ
ในการดำเนินชีวิตเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ อย่าให้ชีวิตดำเนินไปเต็มไปด้วยความทุกข์หรือความเครียด เพราะความสุขสุดท้ายที่จะได้รับจากความสำเร็จที่กำหนดไว้นั้น อาจจะไม่สามารถชดเชยกับความทุกข์ในระหว่างทางเดินของชีวิตได้ เช่น ตั้งเป้าหมายว่าเมื่ออายุ 50 ปี จะต้องมีเงินมีบ้านมีทรัพย์สินเท่านั้นเท่านี้ และในระหว่างทางเดินต้องใช้ชีวิตแบบหักโหมทำงานหาเงิน จนทำให้ร่างกายทรุดโทรมหรือเจ็บป่วย รับรองได้ว่าเมื่อเป้าหมายเรื่องต่างๆประสบความสำเร็จแล้ว ความสำเร็จนั้นไม่สามารถนำมาหกกลบลบหนี้กับร่างกายที่ย่ำแย่ไม่ได้เลย ด้วยเหตุผลนี้ จึงอยากให้ทุกคนจงหาความสุขในระหว่างทางเดินของชีวิตก่อนที่จะไปถึงเป้าหมายให้มากขึ้น เพราะเป็นความสุขที่ได้กินทุกวัน เป็นความสุขที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ ไม่ต้องไปรอ ณ ตอนเข้าเส้นชัยเพียงจุดเดียวสรุป คำว่า “ความสำเร็จ” และ “ความล้มเหลว” จึงไม่ใช่สิ่งที่แตกต่างกัน ไม่ใช่คนเรื่องกัน แต่เป็นเรื่องเดียวกัน เป็นจุดเดียวกัน เพียงแต่คนในแต่ละสังคม หรือแต่ละบุคคลนำไปใช้ตีความให้เกิดความแตกต่างกันขึ้นมาเท่านั้น ดังนั้น ถ้าเราอยากจะได้คำว่า “สำเร็จ” มากๆเราก็สามารถทำได้โดยการเปลี่ยนความหมายที่ใจของเรา ถ้าเราต้องการเตือนตัวเองไม่ให้ประมาท เราก็สามารถกำหนดความหมายของคำว่า “ล้มเหลว” ขึ้นมาได้ตลอดเวลาเช่นกัน เพราะคำทั้งสองคำนี้ไม่ใช่ความหมายที่แท้จริง แต่เป็นความหมายตามการสมมติของแต่ละคนแต่ละสังคมเท่านั้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าต่อไปนี้ ทุกท่านคงจะสามารถกำหนด “ความสำเร็จ” และ “ล้มเหลว” ได้ด้วยตัวเองได้ตลอดเวลาที่ต้องการนะครับ
"อย่าตั้งเป้าหมายเพื่อใช้ตัดสินผลลัพธ์สุดท้าย แต่จงตั้งเป้าหมายเพื่อให้เกิดความท้าทายและเกิดแรงจูงใจ"
การอยากจะให้เป็นดั่งที่ตั้งใจ โดยมิได้ดูปัจจัยหรือข้อเท็จจริงที่มีอยู่ น่าจะเป็นการล้มเหลวในวิธีคิด
ความท้าทายมีทุกหนทุกแห่ง แรงจูงใจเป็นตัวผลัก ขยับไปทีละนิด ด้วยความเพียรพยายามบวกวิชาการ น่าจะได้ผลลัพธ์สุดท้ายดังที่หวัง