2.
การฝึกการหายใจ
หลักการ
ตามปกติทั่วไปคนจะหายใจตื้น ๆ
โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าอกเป็นหลัก
ทำให้ได้ออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายน้อยกว่าที่ควร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเครียด
คนเราจะยิ่งหายใจถี่และตื้นมากกว่าเดิม
ทำให้เกิดอาการถอดหายใจเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ได้ออกซิเจนมากขึ้น
การฝึกหายใจช้า ๆ ลึก ๆ
โดยใช้กล้ามเนื้อกระบังลมบริเวณท้องจะช่วยให้ร่างกายได้อากาศเข้าสู่ปอดมากขึ้น
เพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดและยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงแก่กล้ามเนื้อหน้าท้องและลำไส้ด้วย
การฝึกการหายใจอย่างถูกวิธี จะทำให้หัวใจเต้นช้าลง สมองแจ่มใส
เพราะได้รับออกซิเจนมากขึ้นและการหายใจออกอย่างช้า ๆ
จะทำให้รู้สึกว่าได้ปลดปล่อยความเครียดออกไปหมดจากตัว
วิธีการฝึก
นั่งในท่าที่สบาย หลับตา
เอามือประสานไว้บริเวณท้อง ค่อย ๆ หายใจเข้า พร้อม ๆ กับนับ 1-4
เป็นจังหวะช้า ๆ 1…2…3…4…ให้รู้สึกว่าท้องพองออก
กลั้นหายใจเอาไว้ชั่วครู่ นับ 1-4
เป็นจังหวะช้า ๆ เช่นเดียวกับเมื่อหายใจเข้า ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก
โดยนับ 1-8 อย่างช้า ๆ 1…2…3…4…5…6…7…8…
พยายามไล่ลมหายใจออกมาให้หมดสังเกตว่าหน้าท้องแฟบลง ทำซ้ำอีก
โดยหายใจเข้าช้า ๆ กลั้นไว้ แล้วหายใจออก
โดยช่วงที่หายใจออกให้นานกว่าช่วงหายใจเข้า
ข้อแนะนำ
1. การฝึกการหายใจ
ควรทำติดต่อกันประมาณ 4-5 ครั้ง
2. ควรฝึกทุกครั้งที่รู้สึกเครียด รู้สึกโกรธ รู้สึกไม่สบายใจ
หรือฝึกทุกครั้งที่นึกได้
3. ทุกครั้งที่หายใจออก
ให้รู้สึกได้ว่าผลักดันความเครียดออกมาด้วยจนหมด
เหลือไว้แต่ความรู้สึกโล่งสบายเท่านั้น
4. ในแต่ละวัน ควรฝึกประมาณ 40 ครั้ง
ผลดีจากการฝึกคลายเครียดขณะฝึก
-
อัตราการเผาผลาญอาหารในร่างกายลดลง
- อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง
- อัตราการหายใจลดลง
- ความดันโลหิตลดลง
- ความตึงเครียดของกล้ามเนื้อลดลง
หลังการฝึก
- ใจเย็นลง
- ความวิตกกังวลลดลง สบายใจขึ้น
- สมาธิดีขึ้น
- ความจำดีขึ้น
- ความสัมพันธ์กับผู้อื่นดีขึ้น
- สมองแจ่มใส แก้ปัญหาดีขึ้น
ไม่มีความเห็น