ได้มาจาก e-mail ที่เพื่อนส่งมาอีกแล้วครับท่าน .. เคยอ่านกันแล้วหรือยังครับ ไม่เคยอ่านก็ลองอ่านดู ที่เคยอ่านแล้ว อ่านอีกก็ได้ ไม่ว่ากันครับ
คำเตือน : อ่านแล้วห้ามคิดออกนอกตัว ไปเที่ยวตั้งคำถามว่า ใครนะ ? ที่ควรทำคือ หลับตานอก แล้ว ใช้ตาใน ตรวจสอบตนเองก็เกินพอแล้วครับ ขอเพียงอย่าเผลอไปหาข้ออ้างเพื่อบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบความจริงที่ปรากฏ แก่ใจตนก็แล้วกัน โอกาสที่จะได้หายคันจะได้มีมากขึ้นครับ ผมไปล่ะครับ รู้สึกคันๆยังไงชอบกล .......
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อนเพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้ เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน กว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน
ปัญหาที่ทำให้ พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอา ก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิดและชอบอวดรู้ ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัยไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปที ล้างไปบ่นไป ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้ โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ กลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง วันๆไม่เห็นท่านทำอะไร เอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชาเสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่า ล้าสมัย รวมทั้งเสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัด พระใหม่เสนอให้ หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น และแนะนำว่าคนระดับ ผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรด้วยตนเองเป็นต้น ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายฟัง แต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรื้อนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้ อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่ แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก
พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่า ได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบแต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนพูดมาก กลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยะโส กลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่น กลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก
" อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อน ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา "
โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการ กราบลาพระลูกชาย แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า หมาขี้เรื้อน ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ .
เรียนอาจารย์ Handy
ราณีนั่งอ่านทุกตัวอักษรเลยค่ะ ต้องยกความดีให้อาจารย์เต็มร้อยเลยค่ะ ที่นำเรื่องดี ๆ อย่างนี้มาเผยแพร่ให้ราณีได้อ่าน อ่านแล้วเห็นสัจธรรมเลยค่ะ แสดงว่าพระรูปนั้น สุดท้ายก็ยังมีสติอยู่ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
สาธุ เช่นเดียวกันครับ
อยากอ่านเรื่องแบบนี้เยอะๆ ครับ
โล่ง สบายใจ
สวัสดีครับ
อ่านแล้วอยากเป็นหมาขึ้เรื้อนบ้างจังครับ ได้รู้รสพระธรรม เพราะอย่างน้อยก็ได้คิดว่าจุดศูนย์กลางคันอยู่ตรงไหน ผมเองก็ยังไม่ได้บวชเลย ผ่อนผันมานานแสนนานแล้วครับอาจารย์ ขอบคุณบทความดีๆ นะครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ
ท่านอาจารย์Handy ที่เคารพ
อย่านานนะครับปล่อยเรื่องใหม่ ๆ มาโปรดสัตว์ด้วยนะครับ รสใดไหนจะเลิศประเสริฐเท่ารสพระธรรมไม่มี
เป็นนิทานที่ดีมาก ๆ ดิฉันนำไปเล่าในการอบรมสั่งสอนเด็ก ๆ รวมทั้งสอนตัวเองด้วย (เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งปัจจุบันนับว่าแย่ลงทุกที ๆ ) แต่วิธีการเล่าจะเติมสีสันเพื่อความสนุกสนาน มิฉะนั้นเด็ก ๆ จะเบื่อค่ะ คุณภาพเด็ก เยาวชนไทย สมศ.(รวมทัง สส. สว. สนช. คมช. รมต. ครม. ) น่าจะประเมินได้จากตามท้องถนน ผับ บาร์ สถานบันเทิง ต่าง ๆ รวมทั้งรายงานคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่น่าจะต้องเสียเวลาเข้าไปประเมินในโรงเรียน นั่งดูสรุปรายงาน จริงบ้าง เท็จบ้าง ยออกันไป ชมกันมา อยากให้ผู้มีอำนาจ จนถึงผู้ไม่มีอำนาจอยู่กับความเป็นจริง มิใช่เรื่องสร้างภาพ เรื่องฝัน ๆ เรื่องคาดคะเน สุดท้ายอยากได้นิทานดี ๆ อีกค่ะ แต่ไม่ใช่คดีเด็ดนะคะ ขอบคุณล่วงหน้า