เสียงหมอผี(หนี่ผะ)ตะโกนตอนค่ำบนฟากดอย เสียงดังพอที่จะได้ยินทั่วดงดอยในช่วงเย็นย่ำ เป็นสัญญาณบอกถึง วันหยุดพิเศษของคนลีซู
(ขอบคุณน้องอะหมี่มะ สาวน้อยลีซูที่เคยแปลเป็นภาษาไทยให้ผม)
ทุกสิบห้าวันที่หมู่บ้านลีซูจะมีวันศีลและถือว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากไร่สวน
ในวันหยุดแบบนี้ แม่บ้านก็ถือโอกาสรวมกลุ่มกันตัดเย็บเสื้อผ้า พูดคุยประสาแม่บ้านเรื่องของผู้หญิงซึ่งแยกจากกลุ่มผู้ชายเห็นได้ชัด กลุ่มพ่อบ้านจับกลุ่มกันตามศาลาเลี้ยงผีที่ปลูกไว้ กระจายตามซอกซอยของหมู่บ้าน หัวข้อสนทนาก็เป็นเรื่อง การทำงานในไร่ ผลผลิตและเรื่องอื่นๆที่เป็นวิถีของผู้ชาย
หากเรามีโอกาสเข้าไปสังเกตการณ์เป็นส่วนหนึ่งของการรวมกลุ่มอย่างไม่เป็นทางการนี้ความรู้ที่ฝังลึกของแต่ละคนได้ถ่ายทอดออกมาอย่างสนุกสนานและมีเวลาสำหรับการพูดคุยกันเต็มที่ ไม่แปลกที่จะได้ยินเสียงหัวเราะครื้นเครงดังจากกลุ่มเป็นระยะ
นอกจากพื้นที่ทางสังคมตรงนั้นยังมี การประชุมประจำเดือนของหมู่บ้าน เมื่อผู้ใหญ่บ้านลงไปประชุมที่อำเภอก็ได้หอบเอาเรื่องราวจากข้างนอกที่เกี่ยวพันคนข้างในชุมชนมาพูดคุยแบบการแจ้งให้ทราบ ที่เห็นเสมอก็คือ หลังจากที่รับรู้เรื่องที่นำมาแจ้งให้ทราบแล้ว การพูดคุยเรื่อง สัพเพเหระส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องปากท้อง การกินอยู่ แฝงด้วยความรู้เพื่อการดำเนินชีวิตของพวกเขาทั้งนั้น
เสียงฮือฮาของเด็กน้อยลีซูที่รายล้อมฟังพ่อเฒ่าเล่าความในวงผิงไฟในฤดูหนาว ฟังพ่อเฒ่าเล่าเรื่องเก่าๆตำนานลีซู การผจญภัยบุกป่า ฝ่าดงในวัยหนุ่ม บ่อยครั้งที่ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมฟังการเล่าเรื่องที่แฝงความตื่นเต้น และความศรัทธาของเด็กที่มีต่อผู้เฒ่าทำให้เรื่องราวดูจริงจังและน่าติดตามมากขึ้น วาทกรรมคนลีซู การแทรกสอดปลูกฝังจริยธรรมให้ลูกหลานลีซูก็ผ่านพื้นที่ตรงนี้
กระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นโดยงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นเป็นเครื่องมือจุดประกายการจัดการความรู้ในระดับชุมชน ในเวทีที่เป็นธรรมชาติไม่แปลกแยก การกำหนดประเด็นในการแลกเปลี่ยนแล้วเรายังได้รวบรวมผู้รู้ชุมชนมาถ่ายทอดในกระบวนการที่เป็นธรรมชาติแบบที่กล่าวมาข้างต้น ภาพของการแลกเปลี่ยนที่ชัดเจนทั้งเนื้อหาและกระบวนการเริ่มมีการรวมกลุ่มกันบ่อยครั้งขึ้น เกิดความสุขของชุมชนขึ้นเป็นผลลัพธ์ของสังคมที่อบอุ่น เนื้อหาที่เป็นความรู้แฝงที่เรียกได้ว่าเป็น “ภูมิปัญญาท้องถิ่น” อันมีคุณค่าของชุมชน
เช่นเดียวกับคำพูดของ ศาสตราจารย์ นพ.ประเวศ วะสี ที่อ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง ว่า
“ความเป็นสุขของชุมชน จะเกิดขึ้นๆได้
จึงต้องมีการเข้าไปส่งเสริมให้ชุมชนได้เรียนรู้ร่วมกัน
จากการปฏิบัติให้เกิดความเข้มแข็ง และสามารถดูแลตนเองได้
ซึ่งในการส่งเสริมการเรียนรู้นี้อาจเป็นความรู้เก่าที่มีอยู่ในชุมชนหรือเป็นการสร้างความรู้ใหม่ๆ ให้กับชุมชนก็ได้
เพราะฉะนั้น จึงต้องเน้นการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการปฏิบัติและต้องพัฒนาอย่างมีบูรณาการ
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีความสัมพันธ์กันและมีผลกระทบถึงกันทั้งหมดซึ่งก็เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ”
บางส่วนของหนังสือที่วันนี้ก็ยังไม่เสร็จ (เกือบเสร็จ)
ประสบการณ์วิจัยจากพื้นที่ชุดโครงการวิจัย “เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหายาเสพติดจังหวัดแม่ฮ่องสอน"
สนับสนุนโดย : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)สำนักงานภาค
เป็นกระบวนการที่น่าสนใจครับ...การสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องธรรมชาติการเรียนรู้หรือวิถีชีวิตของชุมชน...ซึ่งถ้าไม่ใช่คนที่ฝังตัวอยู่ในชุมชนเป็นเวลานานและต่อเนื่องคงยากที่จะเข้าใจเงื่อนไขและประยุกต์ใช้ให้เข้ากับวิถีชุมชนได้ดี...
น้อง กัมปนาท อาชา (แจ๊ค)
ในความคิดเห็นของน้อง น่าจะหมายถึง "การสร้างเครือข่าย" นะครับ
จุดเริ่มต้นที่เป็น Best pactice น่าจะเป็นแบบอย่างที่นำไปสู่การสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง
"การคงอยู่" ที่ว่า ก็อาจหมายถึง "การผลิตซ้ำทางวัฒนธรรม" ที่คงอยู่แต่ก็มีภาพของการเปลี่ยนแปลงอยู่ด้วย
ขอบคุณมากครับ
คุณ
นักพัฒนาที่เข้าใจชุมชนได้ดีก็อยู่ที่เงื่อนไขเวลาจริงๆครับ ยิ่งเป็นคนนอก ต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในชุมชน การด่วนสรุปและนำมาวิพากษ์ด้วยทฤษฏีอาจไม่ค่อยเป็นธรรมกับคนท้องถิ่นได้
ช่วงที่ผมทำ Thesis (ช่วงเรียน ป.โท) ผมเองคลุกคลีกับกลุ่มชาติพันธุ์นี้ (ลีซู) เกือบ ๑๐ ปีครับ
ขอบคุณครับ ที่มา ลปรร.
กระบวนการทำงานของ ชอลิ้วเฮียง ก็น่าสนใจมากครับผมติดตามอ่านอยู่เสมอ
พี่ชอบสังคมชาวไทยภูเขาอย่างหนึ่ง คือ เป็นสังคมที่บริสุทธิ์มากกว่าสังคมเมืองที่เรามีชีวิตอยู่ นักมานุษยวิทยาจึงชอบที่จะไปศึกษาชนเผ่าต่างๆ พี่เคยไปกับพี่แดง (เตือนใจ ดีเทศน์) เพื่อเฝ้าดูพิธีกรรมการแต่งตั้งหัวหน้าชนเผ่าอาข่าคนใหม่เพราะคนเดิมไปนับถือศาสนาคริสต์แล้ว ประทับใจมาก กรรมวิธีทางประเพณีของเขามีความหมายมากต่อวิถีการอยู่ร่วมกันของเขา พี่จึงชอบอ่านงานของนักสังคมวิทยา-มานุษยวิทยาที่ทำงานกับชนเผ่าต่างๆนี้ เพราะส่วนหนึ่งมันเอามามองย้องเข้าสู่สังคมเมืองที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
พี่ไพศาล
กระบวนการที่ถ่ายทอดผ่านประเพณี วิถีวัฒนธรรม เป็นการแสดงที่เป็นอัตลักษณ์ และเป็นอยู่เพื่อการอยู่รอดของกลุ่มชาติพันธุ์
บางทีการมองเข้าไปในสังคมกลุ่มชาติพันธุ์ ก็จะเข้าใจเบื้องลึก ไม่ยากนักหากเราเปิดใจให้กว้างที่จะเรียนรู้วิถีของคนที่ต่างออกไปจากเราครับ
ผมอยู่บนดอย ผมได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ เป็นความบริสุทธิ์อย่างที่พี่ว่า...นึกย้อนไปแล้วผมรู้สึกเสียดายช่วงเวลานั้นมากครับ
ผมอ่านหนังสือที่ท่านอดีต สว. เตือนใจ เล่มหนึ่ง ผมประทับใจและเป็นชีวิตคนบนดอยที่ผมกำลังสัมผัสในขณะนั้น ...เป็นแรงบรรดาลใจของผมด้วยครับ
ชีวิตมีส่วนตัวอันแตกต่าง
อาจจะเหมือนกันบ้างในบางสิ่ง
อาจผูกพันมั่นใจไม่ทอดทิ้ง
รักกันยิ่งเหมือนญาติผู้รู้ใจกัน
...
เคยหลับตาหลายครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน
เพื่อนก็สอนให้ต่อสู้กับความเศร้า
เคยคับข้องอยู่ในห้องอันทึมเทา
เพื่อนก็เข้ามาเปิดประตูใจ
....
เมื่อเพื่อนพูด เราได้ฟังที่เพื่อนพูด
เมื่อเพื่อนฝัน ได้พิสูจน์ความใฝ่ฝัน
เมื่อเพื่อนเดิน เราได้เดินไปด้วยกัน
เมื่อเพื่อนหิว ได้แบ่งปันเสมอมา
..
ยินดี, และขอบคุณในมิตรภาพที่เป็นยิ่งกว่ามิตรผู้คุ้นหน้าระหว่างผมกับคุณเอก นะครับ
...
ผมมองว่า...
การเข้าไปสัมผัสท้องถิ่นเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองการดำเนินชีวิตที่แตกต่าง...
เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างสังคมเมืองกับสังคมท้องถิ่น...
และที่สำคัญมีหลาย ๆ สิ่งที่คนเมืองต้องเรียนรู้จากคนชนบท...
สวัสดีค่ะ...คุณจตุพร
คุณพนัสแผ่นดิน
ขอบคุณมากๆครับ สำหรับบทกวีที่มีความหมาย ผมอ่านแล้วรู้สึกดีมากครับ
ยกประโยคนี้มาครับ(เปลี่ยนแปลงคำเพื่อให้สม บริบท)
"ยินดี, และขอบคุณในมิตรภาพที่เป็นยิ่งกว่ามิตรผู้คุ้นหน้าระหว่างผมกับคุณพนัสนะครับ"
ขอบคุณมากครับ...ที่พี่เข้ามาแลกเปลี่ยน ผมเองก็เข้าไปเยี่ยมพี่บ่อยๆครับ
รักษาสุขภาพด้วยครับ
คุณ
มีหลายอย่างที่คนท้องถิ่นต้องเรียนรู้กับคนเมืองด้วยครับ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
แต่วิถีแบบคนบนดอย มีเสน่ห์มากนะครับ หากมองในแง่ของ รูปแบบการกินอยู่ น่าสนใจและน่าศึกษา
อาจารย์ ลูกหว้า ครับ
"ลีซู" หรือ ราชินีแห่งขุนเขา
ที่ใกล้ๆบ้าน อ.ลูกหว้า ก็มีครับ เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร ตาก
และจังหวัดที่มี "ลีซู" อยู่เยอะได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ครับ
อ่านเพิ่มเติมในบันทึกผมก็ได้ครับโดยใช้ tag คำว่า "ลีซู"
หรือ http://www.hilltribe.org/thai/lisu/
http://www.geocities.com/dekchonnabot/leesao_0.htm
สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่เอก ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างไม่เห็นกันเลย สบายดีไหมคะ ตอนนี้น้องนุ่นยังทำงานที่เดิมยังไงแวะมาเที่ยวบ้างเด้อคะ รักษาสุขภาพด้วย
น้องนุ่น
ขอบคุณครับคุณอ.ลูกหว้า
และ คิดถึงนะครับ น้องนุ่น
สวัสดีเจ้า...อ้ายเอก...
เมื่อวานมีปวดท้องหรือจามบ้างไหมคะ อิอิ...มีคนนินทาพี่ด้วยค่ะ
อยากคุยกับพี่นานๆ แต่พี่งานยุ่งเหลือเกิน ไม่ค่อยได้ dialogue กับน้องเลยนะคะ เอิ๊กซ์ พี่ว่างก็มาหาน้องสาวได้นะคะ รออยู่ค่ะ ... ไม่มาขอให้เป็นโสดตลอดกาล..อิอิ
สวัสดีค่ะ เทียนน้อยมาร่วมเรียนรู้เรื่องราวของคนชนเผ่าด้วยคนค่ะ
เอารูปสาววๆลีซูแห่งบ้านดอยล้าน แม่สรวย เชียงราย มาฝากค่ะ
คนที่ 2 ทางซ้ายมือ เพื่อนสนิทเทียนน้อยเองค่ะ สวยไหมค่ะ
สวัสดีครับ น้อง♥.·° ♥paula ที่ปรึกษา~natadee·° ..✿
ช่วงนี้งานเยอะพอสมควร ยังบริหารเวลาไม่ได้เลย ต้องขออภัยด้วยครับ สำหรับความไม่สะดวก
สวัสดีครับ ครูเทียนน้อย
หากหมายถึง น้องอาซามะ เคยได้พูดคุยกันบ้างในกิจกรรมที่ได้พบเจอ ตอนนี้ยังอยู่เชียงรายหรือเปล่า?? ก็ไม่ทราบนะครับ
ขอบคุณทั้งสองท่านครับ น้องพอลล่า และ ครูเทียนน้อย
ชอบอ่าน.เรื่องราวเกี่ยวธรรมชาติ วิถีชีวิต คนดอย
มีความสุข มีสิ่งดีๆทุกก้าวย่าง..บนทางชีวิตนะคะ
ปลอดภัยในทุกๆที่ นะคะ :)
เก็บรูปพักแรมลูกเสือ มาฝากค่ะ
ขอบคุณครับ คุณครู @..สายธาร..@ ช่วงหลังไม่มีงานแถบทางเหนือเท่าไหร่ครับ ...ลงใต้อย่างเดียว :)