(12)
การตระหนักในคุณค่าที่แท้จริงของการศึกษา เรื่อง "การรู้เท่าทันการสื่อสาร"
ดิฉันอยากให้เด็กๆได้รู้เท่าทันความรู้ ว่าความรู้เป็นสิ่งธรรมดาที่เกิดขึ้นตามประสบการณ์การรับรู้ของมนุษย์ ใครได้ศึกษา เขาก็มีโอกาสรู้ได้เท่าๆกับที่เรารู้ ดังบาทหนึ่งในโคลงโลกนิติที่ว่า ....ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด...
เช่นถ้าเด็กๆที่สนใจได้มีโอกาสศึกษาค้นคว้าเรื่อง โลก เรื่อง แผ่นดิน เรื่อง เครื่องบิน เรื่อง อาหาร หรือแม้แต่ เรื่อง การรู้เท่าทันการสื่อสาร ให้ลึกซึ้ง สักวันเขาก็จะรู้และเข้าใจเรื่องนี้ได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
อย่างไรก็ตาม การมีความรู้ และการหวังเพียงสิ่งรับรองความรู้และการยอมรับนับถือ (เช่นค่านิยมใบปริญญา) ก็มีผลข้างเคียง ทำให้เกิดอัตตาอย่างง่าย คือเกิดความรู้สึกว่า เราเป็นที่หนึ่ง เราเป็นคนแรก เราเหนือกว่า เราดีกว่า เราเก่งกว่า หรืออะไรที่มันดูกว่าๆไป....คือดูแล้วมันเกินพอดี อะไรๆที่เกินพอดีก็ทำให้เราเป็นทุกข์ได้โดยง่าย
การศึกษาในระบบเช่นนี้ มักทำให้เรารู้สึกแบบนี้ อันนี้ดิฉันก็ว่าเอาเองตามความรู้สึกอีก คงมิใช่ข้อเท็จจริงเสมอไป
ดิฉันหวังอยู่เสมอว่าเด็กๆจะมองเห็นคุณค่าแท้ของการศึกษา ว่าคือการสร้างให้คนมีจิตใจที่ดีงามโดยเนื้อแท้ มากกว่ามองเห็นเพียงค่านิยมลวง ที่ให้คุณค่ากับการติดยี่ห้อและจัดลำดับอัตตา การนับเอาแต่ปริมาณ โดยมองไม่เห็นสิ่งละเอียดอ่อนลึกซึ้งและมีคุณค่าสูงกว่านั้น ดิฉันเคยกลัวเหลือเกินว่าเด็กๆที่ดิฉันสอน จะรักคะแนนมากกว่ารักเพื่อนมนุษย์
ดิฉันจึงมักสาธิตให้เธอดูเพื่อให้รู้เท่าทัน ว่าคะแนนเป็นสิ่งสมมุติ และบางทีก็ลวงทั้งคนสอนและคนเรียน ให้เพ่งคุณค่าอย่างหยาบ คือคิดแยกส่วน โดยนับจำนวน(ปริมาณ) หรือแล้วเอาจำนวนที่นับได้มาจัดลำดับ เรียงจากสูงไปหาต่ำ แล้ววิธีเรียงจากสูงไปหาต่ำนั้น ก็ได้ลดทอนคุณค่าของความเป็นมนุษย์โดยองค์รวมที่ละเอียดปราณีตไปจนหมดสิ้น
..........เพื่อให้วัด(ได้) ...จึงต้องตัดออก(เสีย)...
ที่คิดว่า "ได้" จึงกลับกลายเป็น "เสีย" ถ้าเรามองแต่เปลือกนอก แล้วละเลยสาระสำคัญหรือแก่นแท้ของสิ่งนั้น
ขณะเดียวกันดิฉันก็เกรงว่าหากดิฉันเขียนสื่อความไม่ดี ก็อาจทำให้เข้าใจไปว่าดิฉันกำลังไม่ยอมรับระบบวัดและระบบประเมินในระบบการศึกษาที่เป็นสากล .......ดิฉันจึงต้องรีบเรียนขอโทษอย่างยิ่งเป็นเบื้องต้น หากข้อเขียนนี้ทำให้เกิดความเข้าใจเช่นนั้น.....
.....เพราะที่แท้แล้วดิฉันมิได้เพ่งไปที่ระบบ แต่เพ่งไปที่เจตจำนงที่แท้ในการประเมินคนเป็นสำคัญ.....
หากผู้ใหญ่ต้องการให้เด็กๆได้ตระหนักรู้ถึงคุณค่าแท้ของการศึกษา และเข้าใจว่าเจตจำนงที่แท้ของการประเมินเพื่อจัดลำดับคืออะไร ก็ต้องเพียรพยายามและช่วยกันสร้างการตระหนักรู้เรื่องนี้ขึ้นมา ด้วยตัวเป็นๆของเรา ร่วมกับผู้ที่มีจิตสำนึกตระหนักร่วมกันอีกนับพันนับหมื่นหรือที่จริงต้องบอกว่าอีกนับไม่ถ้วน..
คืองี้นะคะ.. สุดท้ายดิฉันคิดแล้วก็ขำตัวเอง เพราะทันทีที่เริ่มบ่น เอ๊ยพูดแบบนี้ พวกเพื่อนๆก็จะเปิดแน่บสี่ประตูต่อศูนย์ ปล่อยให้ดิฉันแสดงสุนทรพจน์ต่อคุณจิ้งจก คุณตุ๊กแกอะไรไป ไม่มีใครอยู่ทนฟังจนจบซักกะคน.....!!
ปรับจาก วิชาการด็อตคอม กระทู้ การรู้เท่าทันการสื่อสาร (Communication Literacy) ความเห็นที่ 11 (10 ต.ค.49)
ดิฉันก็คิดเช่นนั้นค่ะ คุณวีร์ คนที่จะทวนกระแสได้ต้องมีจิตใจเข้มแข็งมาก ดิฉันก็ยังไม่รู้จริงๆว่าที่พยายามฝึกและสอนเด็กๆไปนั้น โตขึ้นเขาจะมีฐานคุณธรรมที่มั่นคงพอหรือไม่
ดิฉันได้เห็นด้วยชีวิตความเป็นครู กว่าสิบปีที่ผ่านมาว่าการสอนคนให้เก่งนั้น ง่ายที่สุด ....สอนคนให้ฉลาด ยากขึ้นมาอีกหน่อย .....สอนคนให้มีคุณธรรมอย่างแท้จริง ....ยากที่สุด
อยากขยายความจังค่ะ แต่ต้องขอเวลาทบทวน ไตร่ตรอง และเรียบเรียงอีกสักพัก
ปล. ดีใจที่คุณวีร์แวะเข้ามาสื่อสารนะคะ และขออภัยที่ยังทำลิงค์ชื่อไม่ได้ อาจารย์ ดร.บัญชาท่านกรุณาบอกวิธีทำแล้ว แต่ดิฉันเรียนรู้ช้าหน่อยค่ะ :)
อ้าว... ได้แล้วค่ะ ....ดีใจจัง..
อะไรๆที่เกินพอดีก็ทำให้เราเป็นทุกข์ได้โดยง่าย
ดิฉันเคยกลัวเหลือเกินว่าเด็กๆที่ดิฉันสอน จะรักคะแนนมากกว่ารักเพื่อนมนุษย์
***** ***** ***** ***** ***** *****
คิดถึงเกินพอดี, สุขเกินพอดี, ติดเกินพอดี, สนุกเกินพอดี, กังวลเกินพอดี, ทำงาน(ไม่พักผ่อน)เกินพอดี, หวังดีต่อบางคน(แทบจะป้อนให้..)เกินพอดี...ฯลฯ
ทำให้เราเป็นทุกข์ได้จริง ๆ
พระพุทธองค์ท่านทรง อัจฉริยะมาก ๆ ที่ตรัสสอนพวกเราเรื่องทางสายกลาง
เรื่องเฝ้ามอง เฝ้าตาม ดู รู้คิด ระวัง ให้ตัวเราเอง กลาง ๆเป็นปกติ
สุขชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว
เอ นี่พี่แอมป์สอนวิชาอะไรกันแน่นะเนี่ย อิ อิ
เรื่องเด็กๆที่ดิฉันสอน จะรักคะแนนมากกว่ารักเพื่อนมนุษย์
มีเรื่องเล่าเรืองหนึ่ง เป็นเรื่องจริง
นักเรียนรุ่นหนึ่ง ประชุมกันลดคะแนนเก็บกัน เพื่อช่วยเหลือเพื่อนบางคนที่อาจติดเอฟ หรือ ติดโปร
มีการวางแผนเชิงคณิตศาสตร์ เชิงสถิติ
ใครคะแนนสูงนัก ต้องเว้นไม่ทำข้อสอบสักสามข้อ
ใครคะแนนรอง ๆ ลงมา เว้นสองข้อ
...ปรากฎว่าสัมฤทธิ์ผลนะคะ
เพราะฉะนั้นจึงกล้ายืดอกค่ะว่า เพื่อนรุ่นเดียวกันของเรา ไม่เป็นอย่างที่พี่แอมป์ กลัวค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก
เอ่อ.. (กระซิบ) พี่แอมป์สอน วิชา "พอดี ธรรมดา" อ่ะค่ะ : ) : )
โอ้โห.. ทึ่งจริงๆ !!!
..พี่ไม่เคยเห็นทีมเวิร์กแบบนี้มาก่อนเลยอะ..
เพื่อนๆรุ่นคุณหมอเล็ก "สุดยอด" จริงๆค่ะ คงประทับใจและจำกันได้ทั้งรุ่นเลยนะคะ : )
อาจารย์ท่านทราบแผนนี้ป่าวคะ : ) แผนกลยุทธ์แบบนี้น่ารักชะมัด