ดารณีย์ โยริยะ, ทัศนีย์ ศีวุวรรณ –
กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรมและวางแผนครอบครัว โรงพยาบาลลำพูน
ชไมพร ทวิชศรี, ชยันตร์ธร ปทุมานนทท์
คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วัตถุประสงค์
- เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด PPH ในผู้คลอดทางช่องคลอดที่ได้รับ
active management ในการคลอดระยะที่ 3
รูปแบบการศึกษา – การศึกษาแบบ Case-comtrol study
วิธีการศึกษา
- กลุ่มศึกษาเป็นผู้คลอดทางช่องคลอดที่ได้รับ active management
ในการคลอดระยะที่ 3 และตกเลือดหลังคลอดภายใน 2 ชั่วโมง
ระหว่างกุมภาพันธ์ 2547 ถึง กันยายน 2548
รวบรวมข้อมูลย้อนหลังจากเวชระเบียนและจากแบบบันทึกของห้องคลอด
กลุ่มอ้างอิงเป็นผู้คลอดทางช่องคลอดและได้รับ active management
ในการคลอดระยะที่ 3 ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ไม่มีการตกเลือด
ผลการศึกษา
- มารดาที่มีภาวะตกเลือดหลังคลอด มีระยะที่ 1 ของการคลอดยาวนาน 32 ราย
(ร้อยละ39.6)คลอดโดยใช้เครื่องดูดอาการ 26 ราย (ร้อยละ 32.1) ระยะที่
3 การคลอดยาวนาน 14 วัน (ร้อยละ 17.2) ทำแผลฝีเย็บแบบ medio-lateral
62 ราย (ร้อยละ 76.5) พบภาวะรกค้าง 20 ราย (ร้อยละ 24.7)
มดลูกหดตัวไม่ดี 38 ราย (ร้อยละ 46.9) เลือดออกจากแผลฝีเย็บ 14 ราย
(ร้อยละ 12.4) ทำหัตถการขูดมดลูก 8 ราย (ร้อยละ 9.9)
ลักษณะที่พบซึ่งอาจเป็นผลตามมาคือได้รับยากระตุ้นการหดตัวของมดลูกรวม
62 ราย (ร้อยละ 76.6) ได้แก่ methergin 31 ราย syntocenon IV drip 22
ราย และ cytotec 9 ราย มีการสูญเสียเลือดโดยเฉลี่ย 587.7 มิลลิลิตร
(SD = 171.5) และได้เลือดทดแทน 23 ราย (ร้อยละ 28.4)
ในระยะหลังคลอดพบภาวะมดลูกหดตัวไม่ดี 11 ราย (ร้อยละ 13.6) hematoma 3
ราย (ร้อยละ 3.7)
ลักษณะดังกล่าวแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับมารดา
ที่ได้รับ active management แต่ไม่ตกเลือดหลังคลอด
จาก บทคัดย่อผลงานวิชาการนำเสนอ
ในการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี ๒๕๔๙
วันที่ ๔-๖ กันยายน ๒๕๔๙ ณ โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพมหานคร
สำหรับยา cytotec อันตรายมาเลยหรอคับ