พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสถึง “ เศรษฐกิจพอเพียง ” โดยทรงยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่า “ ถ้าไม่มีเศรษฐกิจพอเพียง เวลาไฟดับจะพังหมด จะทำอย่างไร ที่ที่ต้องใช้ไฟฟ้าก็ต้องแย่ไป ” หากมีเศรษฐกิจพอเพียงแบบไม่เต็มที่ ถ้าเรามีเครื่องปั่นไฟ ก็ใช้ปั่นไฟ หรือถ้าโบราณกว่ามืดก็จุดเทียน คือมีทางที่จะแก้ไขปัญหาเสมอ จากตรงนี้เอง ถ้ามองไปยังยุคโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน องค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทางธุรกิจ ทุกประเภท ใช้ไอทีกันมากจริง ๆ ถ้าหากขาดซึ่งคอมพิวเตอร์และระบบไอทีที่สนับสนุนรองรับ หลายคนคิดว่า ธุรกิจน่าจะแข่งขันกันได้ลำบาก เพราะขาดเครื่องไม้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพไป ในหน่วยงานรัฐทุกแห่งทุกกระทรวง ทบวงกรม ก็ใช้ไอทีมากปีหนึ่งก็ 6-7 พันล้านบาท ที่เข้าสู่ระบบงบประมาณให้พิจารณาตรวจสอบได้ อีกส่วนใหญ่ส่วนหนึ่งอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ถ้าหากขาดซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ไอทีก็ยอมรับว่า ให้บริการประชาชนได้ลำบากเพราะไม่ทัน แต่ถ้าหากใช้งบประมาณฟุ่มเฟือยมาก ความคุ้มค่าก็ไม่เกิด เรื่องนี้ทำให้ได้หลักคิดอยู่ 2 ประการคือ ประการแรก หลักการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และประการที่สองคือ หลักการสามารถมีเทคโนโลยีด้วยตนเองภายในประเทศไทยเราเอง ทั้งสองหลักการนี้เกื้อหนุนกัน และเราจะต้องมีการแลกเปลี่ยน ต้องมีการช่วยกัน ประการแรก คือ การใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า ตั้งแต่เริ่มตั้งงบประมาณ เพื่อจัดซื้อจัดจ้าง หลังจากติดตั้งระบบแล้ว ก็คือใช้งานให้คุ้มค่าในทุกประการ ประยุกต์การใช้งานสำหรับให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ก็ยอมรับว่าประเทศเรา ซอฟต์แวร์ไม่ได้เขียนเองส่วนใหญ่ ฮาร์ดแวร์ทำเองก็ไม่เป็น ต้องพึ่งที่ปรึกษาชาวต่างประเทศก็มาก แต่เริ่มต้นจากระบบงบประมาณที่ตั้งขึ้น ถ้าหากใช้วิธีการตรวจสอบการประยุกต์ใช้งานแต่ละโครงการให้ละเอียดและคำนึงการใช้งานเรื่องต่าง ๆ อย่างจริงจัง แล้วลอง Mapping กับซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ต้อง 100% ก็ได้ สักเกิน 80% ก็ถือว่าดีมาก ฮาร์ดแวร์ที่ได้มาก็จะลดไปตามสัดส่วนที่ควรจะเป็น ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รองรับก็ไม่จำเป็นต้องออกแบบให้มีความเร็วในการส่งเกินความเป็นจริง ต้องวัดอยู่เสมอซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการออกแบบระบบที่ดีมากกว่าเพราะถนนส่งข้อมูลยิ่งดียิ่งแพงมาก ทั้งหมดนี้หากจะเปรียบเทียบก็เหมือนว่า ถ้าหากงานที่ใช้สำหรับถนนลูกรังในชนบท ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อรถเบนซ์ เอาปิกอัพนี่แหละทั้งเหมาะสมกับการใช้งานและถูกกว่าเยอะ เรื่องนี้ฝากไปยังทุกกระทรวงทบวงกรมด้วย หลักการที่สอง หลักการสามารถมีเทคโนโลยีของเราเองภายในประเทศโดยเฉพาะเรื่องไอที อย่าคิดว่าอุตสาหกรรมไทยยังทำเองเรื่องฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และระบบเครือข่ายไม่ได้เลย จึงคิดซื้อจากต่างประเทศ 100% โดยร่ำไป ผมคิดว่าเราริเริ่มได้หลายเรื่อง ประกอบคอมพิวเตอร์ภายในประเทศก็มีอยู่แล้ว ส่งเสริมได้ยกเว้นเรื่อง Microprocessor Chip ก็สามารถริเริ่มวิจัยและผลิตบางอย่างได้ ซอฟต์แวร์เราส่งเสริมให้เขียนเองในประเทศไทยได้เช่นกัน ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สวิตช์มีคนไทยนักพัฒนาเรื่องนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาหลายคนดึงมาช่วยประเทศไทยได้ แต่ต้องได้รับการสนับสนุนเรื่องการส่งเสริมการลงทุน ภาษี และการตลาดให้อยู่ได้ ผมมั่นใจว่า ถ้าได้รับการส่งเสริมที่ดีช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เช่นเดียวกับประเทศจีนขณะนี้ ผมว่าเราก็สามารถมีเทคโนโลยีของเราเองในอนาคตได้ แต่ต้องเริ่มต้นเดี๋ยวนี้ ในฐานะที่ผมมาจากระบบราชการ ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และต้องใช้ซอฟต์แวร์ด้านสาธารณสุข (Health care Software) มากเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากแนวโน้มการป่วยไข้ของประชาชนทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และทั้งโลกเริ่มมีมาก กิจการสาธารณสุขจะต้องมีบริการผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น การใช้ไอทีเพื่อทำให้บริการสะดวกรวดเร็วจำเป็นมากขึ้น ในประเทศไทยก็ไม่ต่างกันมาก หลายโรงพยาบาลต้องมีการปรับตัวใช้ไอทีมากขึ้น ถ้าหากขาดซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ไอทีก็ยอมรับว่า ให้บริการประชาชนได้ลำบากเพราะไม่ทัน รวมทั้งระบบรายงานที่ต้องส่งให้หน่วยราชการระดับสูงก็ล่าช้า และสร้างความเหนื่อยหน่ายและความเครียดให้กับผู้ปฏิบัติงาน ไอทีจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากใช้งบประมาณในการจัดซื้อกันอย่างฟุ่มเฟือยมาก และใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์หลักของงาน ความคุ้มค่าก็ไม่เกิด และเป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายทางด้านไฟฟ้าแก่หน่วยราชการอีกด้วย นอกจากนี้ผู้บริหารโรงพยาบาลควรเล็งเห็นศักยภาพของเจ้าหน้าที่ที่มีความชอบและสนใจเรื่องไอที และสนับสนุนให้บุคคลดังกล่าวได้รับการศึกษาอบรม เพิ่มศักยภาพด้านความรู้และทักษะ เพื่อนำมาทำงานด้านระบบสารสนเทศ (IT) ของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการใช้บุคลากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า โดยมิต้องจ้างเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้น หรือว่าจ้างบริษัทเอกชนมาดำเนินการซึ่งต้องสูญเสียค่าติดตั้ง บำรุง ดูแล รักษาระบบ อันเป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
1. http://content.kapook.com/hilight/technology/10428.html
2. http://www.fisheries.go.th/coastal/db_coastal/index.php?option=com_content&task=view&id=4& Itemid=9 3.http://www.healthsquare.org/news.php?id=656283
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวการดำรงอยู่ของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐ และเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงถ้าทุกคนสามารถดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำรัสได้ประเทศไทยคงจะสงบสุขมากกว่านี้