ร้านขายยามีกี่แบบกันแน่


คุณรู้ได้อย่างไรว่าร้านขายยาที่คุณกำลังเดินเข้าไป จะขายอะไรให้คุณ

เคยเข้าร้านขายยามั้ยครับ

คุณรู้มั้ยครับว่าร้านขายยามีกี่แบบ คำตอบง่ายๆคือ "หลายแบบ" แต่ผมจะแยกให้เห็นชัดๆดังนี้

1. ร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำ และมีเภสัชกรทำหน้าที่ตลอดเวลาปฎิบัติการ (เวลาที่ระบุบนป้ายแสดงชื่อผู้ปฏิบัติการ พร้อมเวลา)

2. ร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำ แต่ไม่มีเภสัชกรประจำในช่วงเวลาปฎิบัติการ หรือไม่อยู่เลย แต่ขายโดยเจ้าของร้านหรือบุคคลอื่น

3. ร้านขายยาหมอตี๋ (ร้านที่ไม่มีเภสัชและไม่เคยจะมี) หรือ ร้านข.ย. 2

วิธีสังเกตร้านที่ต้องมีเภสัชประจำ (แต่จริงๆอาจจะไม่มีอยู่) ให้สังเกตป้ายที่ระบุว่า "ร้านขายยาแผนปัจจุบัน" เป็นร้านที่ต้องมีเภสัชกรประจำครับ ส่วนร้าน ข.ย.2 หรือร้านหมอตี๋ (ไม่มีเภสัชกรประจำ) จะมีป้ายระบุว่า "ร้านขายยาแผนปัจจุบันบรรจุเสร็จ"

แต่ปัจจุบันพบว่าร้าน ข.ย. 2 ขายยาทุกชนิดรวมถึงยาอันตรายด้วย ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งครับ เพราะอะไรผมจะยกตัวอย่างให้เห็นครับ

เย็นวันหนึ่งที่ร้าน มีลูกค้า ญ คนหนึ่งเข้ามาถามซื้อยาคุมกำเนิดชนิดเม็ด แบบที่สตรีให้นมบุตรรับประทานได้ แต่ประจวบกับที่ร้านยาชนิดนี้หมดพอดี ด้วยความที่ผมหวังดีกับลูกค้า ไม่อยากให้ขี่รถจักรยายยนต์ไปซื้อร้านเภสัชที่ไกลออกไป ผมแนะนำให้ลูกค้าไปถามซื้อที่ร้าน ข.ย.2 (ร้านหมอตี๋) ที่อยู่ถัดไปไม่ไกล

จากนั้นประมาณ 5 นาที เธอเดินผ่านหน้าร้านผมและหยุดคุยกับเพื่อนที่รถหน้าร้านผม ผมสังเกตเห็นในมือถือยาคุมมาด้วย แต่ไม่ใช่ชนิดที่ผมต้องการให้เธอใช้ ผมจึงเรียกเพื่อสอบถาม จึงได้ความจริงว่า ร้าน ข.ย.2 ดังกล่าวขายยาคุมกำเนิดชนิดที่ไม่สามารถใช้กับคนให้นมบุตรได้มาให้ แถมขายให้ 2 แผง และบอกเธอว่าใช้ได้ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

ผมเกิดอาการโมโหมากทีเดียว แต่ต้องสงบใจเอาไว้ เพราะเภสัชต้องรักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด (อ้าวๆๆไปกันใหญ่) แต่ผมพยายามให้คำอธิบายเธอว่า ยาดังกล่าวไม่มีอันตรายจริง แต่ไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากจะทำให้ปริมาณน้ำนมลดลง จนไม่สารถให้นมบุตรได้ตามเดิม และแนะนำให้ไปซื้อที่ร้านเภสัชที่ไกลออกไปจนได้

เหตุการณ์นี้ทำให้พบเข้าใจทันทีว่า ทำไมอาจารย์ที่มหาลัยจึงพร่ำสอนเราเสมอว่า เภสัชต้องไม่แขวนป้าย (การให้ผู้อื่นยืมชื่อเพื่อเปิดร้านขายยา) สอนว่าเภสัชต้องดูแลร้านลอดเวลาทำการ

ไม่ใช่เพียงเราต้องทำตามหน้าที่เท่านั้น แต่การกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้ประชาชนได้รับบริการทางสุขภาพที่ดีขึ้น เหมาะสม และปลอดภัย (แต่ต้องเป็นร้านเภสัชที่หมั่นหาความรู้นะครับ) และย้อนกลับมาสร้างให้วิชาชีพเภสัชกรรมเป็นวิชาชีพที่ได้รับความไว้วางใจมากขึ้น เช่นเดียวกับในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น อเมริกา เป็นต้น

ผมไม่ได้บอกว่าร้านผมดีกว่าร้านอื่น หรือร้าน ข.ย. 2 แย่ทุกร้าน แต่ผมกำลังต้องการบอกว่า เราต้องทำเฉพาะในขอบเขตที่เหมาัะสม และถูกต้องเท่านั้น ข.ย.2 ขายได้แต่ยาบรรจุเสร็จ ก็ทำตามนั้น เท่านี้ทุกอย่างจะชัดเจน

แล้วต่อไปนี้คุณจะถามร้านที่คุณกำลังซื้อยามั้ยว่า "เภสัชกรอยู่มั้ยครับ" หรือสังเกตป้ายแสดงผู้ปฎิบัติการ แล้วถามหาเภสัชกรคนนั้น ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อคุณเองครับ

หมายเลขบันทึก: 80347เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2007 02:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

ขออนุญาต แนะนำนิดนึงค่ะ

สำหรับภาพที่นำมาแสดง ควรจะเขียนที่มาด้วยนะค่ะ 

หากมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานสอบถามได้นะค่ะ

จำไม่ได้แล้วครับ แต่จะลบออกแล้วกัน ภาพอื่นด้วยใช่มั้ยครับ เรื่องของลิขสิทธิ์เหรอครับ แต่หากเกี่ยวกับการศึกษาในองค์กร ไม่เผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการค้า ไม่น่ามีปัญหานะครับ เอาเป็นว่าผมลบดีกว่า หุหุ

จริง ๆ การใส่ภาพก็เป็นประโยชน์สำหรับการนำเสนอนะค่ะ  คือบางภาพที่นำมาดิฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีลิขสิทธิ์รึเปล่า แต่อยากจะให้ป้องกันไว้ก่อนนะค่ะ

จะพยายามนะครับ แล้วถ้ามีหลายรูป คงใส่ที่มาจนตาลาย 55555 กินพาราเซตามอล 2 เม็ดดีก่า

บางภาพอาจจะไม่ต้องก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจะดูซีเรียสเกินไป เอาเป็นว่ารูปไหน ไม่แน่ใจก็ใส่ไว้ก่อนก็ได้นะค่ะ  ^-^

ใส่ให้หมดแล้ว รวมถึง blog อื่นๆของผมด้วย แต่คราวหน้าจะพยายามใส่ทุกครั้งที่มีภาพนะครับ

  ถึงเวลานิทราแล้วนะครับ

  อยากจะหลับกลับตื่นคืนนี้หนอ

  อยากเขียนบล๊อกเพิ่มทุกวันเฝ้าแต่รอ

  ถึงเย็นพอกินข้าวเสร็จคอนเน็คพลัน

แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะ

เอาไว้ค่อยมาเขียนบันทึกเพิ่มพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ

สังเกตดูแล้ว พวกเภสัช ชอบอ้างอุดมการณ์นักหนา อาจารย์พร่ำสอน เภสัชอย่าแขวนป้าย ไม่ประยุกต์ ก็ต๊อกต๋อยนะสิ

ถามหน่อย ในทางปฎิบัติทำได้เหรอ เภสัชไม่ใช่เทวดา เพื่อนเราเป็นหมอ มันอยู่โครตบ้าๆเลย กินเหล้า เมายา ทุเรศจะตาย

แล้วทำไมคนอื่นจะเปิดร้านมั่งไม่ได้ล่ะ ก่อนคุณจะจบเภสัชแล้วมาทำกร่างแบบนี้ พ่อแม่คุณก็เปิดร้านขายยาส่งเสียคุณ แล้วเขาเป็นเภสัชมั้ยล่ะ เขาก็เอาป้ายมาแขวนเหมือนกัน ไม่งั้นหาเงินมาส่งเสียเลี้ยงดูคุณไม่ได้หรอก ทุกอย่างมีที่มาที่ไป อย่าทำว่าเป็นเภสัชแล้วมาทำกร่าง.. ไม่เอาไม่เอา ไม่พูดไม่พูด..

ตอบคุณ เบบี้

ถึงข้อคิดเห็นที่คุณแสดง ขอเรียนด้วยความเคารพตามประเด็นดังต่อไปนี้

- "พวกเภสัช ชอบอ้างอุดมการณ์นักหนา อาจารย์พร่ำสอน เภสัชอย่าแขวนป้าย ไม่ประยุกต์ ก็ต๊อกต๋อยนะสิ"

ใครอ้างอุดมการณ์ อันนั้นผมไม่ทราบ ผมทราบแต่ว่า ผมทำหน้าที่ของผมตามที่ผมระบุ เวลาเปิดร้านผมก็อยู่ตลอด ไม่ได้ให้ใครมาเฝ้าให้ การแขวนป้ายไม่ใช่เรื่องการประยุกต์ เป็นเรื่องความเหมาะสม ขอให้เข้าใจให้ถูกต้องด้วยครับ เรื่องต๊อกต๋อย ผมยอมรับว่าผมไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ผมได้รับความสุขใจครับ ที่ทำเพื่อชาวบ้าน กำไรเป็นผลพลอยได้ แต่บอกได้เลยครับว่าไม่ได้ร่ำรวยอะไร

- " เภสัชไม่ใช่เทวดา เพื่อนเราเป็นหมอ มันอยู่โครตบ้าๆเลย กินเหล้า เมายา ทุเรศจะตาย "

ใช่ครับ เภสัช เป็นคนธรรมดา ที่มีหน้าที่ตามบทบาทวิชาชีพ เวลาทำหน้าที่ก็ทำตามที่วิชาชีพกำหนด ส่วนเรื่องเพื่อนคุณเบบี้ เป็นเรื่องส่วนตัวของเค้า ตราบใดที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็เป็นสิทธิ์ที่เค้าทำได้ ยกเว้นเวลาทำงานแล้วเมา ก็คงไม่ไหว แต่เพื่อนผมที่เป็นหมอ ก็ทำหน้าที่ของเค้าได้เป็นอย่างดีครับ

- " แล้วทำไมคนอื่นจะเปิดร้านมั่งไม่ได้ล่ะ ก่อนคุณจะจบเภสัชแล้วมาทำกร่างแบบนี้ พ่อแม่คุณก็เปิดร้านขายยาส่งเสียคุณ แล้วเขาเป็นเภสัชมั้ยล่ะ เขาก็เอาป้ายมาแขวนเหมือนกัน ไม่งั้นหาเงินมาส่งเสียเลี้ยงดูคุณไม่ได้หรอก ทุกอย่างมีที่มาที่ไป อย่าทำว่าเป็นเภสัชแล้วมาทำกร่าง.. ไม่เอาไม่เอา ไม่พูดไม่พูด.."

คนอื่นเปิดร้านได้ครับ แต่ต้องมีเภสัชมาดูแล ตลอดเวลาทำการ ข้อกำหนดมี กฏหมายก็กำหนดไว้

ผมไม่ได้ห้ามใครเปิดร้านซักหน่อย ไม่ใช่หน้าที่ผมในการกำกับดูแลอยู่แล้ว

ผมไม่ได้กร่างนะครับ แล้วก็พ่อแม่ผมก็ไม่ได้เปิดร้านขายยาซะด้วย คุณเบบี้ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าไม่ทราบได้

ดังนั้นคงไม่ต้องตอบประเด็นว่า พ่อแม่ ผมเอาป้ายใครมาแขวนหรือเปล่านะครับ

พ่อแม่ ผมรับราชการ และส่งเสียผมเรียน จนจบมาทำงานและช่วยเหลือชาวบ้านครับ

ดังนั้น ถ้ายังเข้าใจอะไรไม่ชัดเจน......... ไม่เอาไม่เอา ไม่พูดไม่พูด

ข้อความ8คุณเบบี้

เขียนได้ทุเรศมากเหมือนคนไร้การศึกษาไม่ให้เกรียติวิชาชีพ

อย่าทะเลาะกันคร๊าบ เดี๋ยวผมโดนลูกหลงคร๊าบ

ร้านขายยาก็คืออาชีพๆนึงที่สุจริตแต่ต้องอยู่ภายใต้ของคำว่า คุณภาพ และความปลอดภัยของคนไข้

ไม่เสมอไปที่ว่าคนที่ขายยาในร้านยาซึ่งไม่ได้จบเภสัชมาจะไม่มีความรู้ในเรื่องของการจ่ายยา

ทุกอย่างสามารถศึกษาได้การศึกษาและความรู้ของคนจบเภสัชที่แตกต่างจากคนขายยาทั่วไปคือ "ใบปริญญา"

แต่ประสบการณ์นั้นไม่ได้วัดกันที่การเข้าห้องเรียนหรือใบปริญญา มีมากที่เภสัชยังงงกับชื่อตัวยาบางตัว เนื่องจากห่างจากวิชาชีพมานาน อย่าคิดว่าคุณจบมาทางนี้จะต้องเก่งกว่าคนที่ไม่ได้จบมาทางนี้เหมือนคุณมันไม่เสมอไปหรอก ความรู้บางอย่างไม่จำเป็นต้องเข้าห้องเรียน แต่สามารถศึกษาให้เข้าใจถูกต้องด้วยการอ่านได้

ครอบครัวเราไม่ได้จบเภสัชมาแต่ปัจจุบันนี้ก็ทำร้านยาและมีบริษัทผลิดยาที่ใหญ่ในไทยได้ ร้านหมอตี๋ถ้าเค้าไม่มีความรู้และไม่มั่นใจในอาชีพที่เค้าทำเค้าก็คงไม่กล้าเปิดและลงทุนในธุรกิจหรอก ความผิดพลาดเล็กน้อยที่คุณเคยเจอแต่มันก็ไม่ใช่เสมอไปกับทุกร้านใช่มั้ย ให้เกียรติกับอาชีพคนอื่นด้วยทำงัยได้ไทยเราเริ่มมาแบบนี้ตั้งนาน

เห็นด้วยกับคุณ CU เป็นอย่างยิ่ง ขอแสดงความนับถือ

ครับ เห็นด้วยกับคุณ CU แต่ รบกวนกลับไปอ่านบันทึกของผมให้ครบถ้วนอีกครั้งครับ แล้วคงเข้าใจประเด็นของบันทึกนี้

กฏระเบียบ - มีไว้ให้ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ ไม่ยุ่งยากวุ่นวาย และสังคมมีความสงบสุข

ถ้าไม่ทำตามกฏระเบียบ ทุกอย่างก็จบ

ผมไม่ได้ตำหนิใครในเรื่องของการประกอบอาชีพ แต่ผมต้องการชี้ให้เห็นเรื่องของการไม่ทำตามระบบ และกฏเกณฑ์ที่มีเท่านั้น

ซึ่งผลของมันก็เห็นแล้วว่ามีผลร้ายอย่างไรในสังคมปัจจุบัน ดูเด็กที่กินยาแก้ไอจนเข้าโรงบาลเป็นแถว นั่นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนดีทีเดียวครับ

แนะนำให้ คุณ นักลงทุนน้อย ทำร้านยาเป็นร้านยาคุณภาพ นะคะ

ร้านขายยาบางร้านก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างร้านที่คุณพูดนะคะ มีศีลธรรมเหมือนกัน

และพยายามเรียนรู้หาความรู้ใหม่ๆมาเพิ่มเติมถึงจะไม่ได้จบมาโดยตรง เพียงแต่อย่างมีอาชีพที่มั่นคงอย่าปิดโอกาสคนอื่นมากเกินไปขอให้ผู้ประกอบการรู้ผิดรู้ถูก ส่งเสริมให้ร้านขายมีความรู้เพิ่มเติมกันบ้าง

ร้านขายยาก็คืออาชีพๆนึงที่สุจริตแต่ต้องอยู่ภายใต้ของคำว่า คุณภาพ และความปลอดภัยของคนไข้

ไม่เสมอไปที่ว่าคนที่ขายยาในร้านยาซึ่งไม่ได้ จบเภสัชมาจะไม่มีความรู้ในเรื่องของการจ่ายยา

ทุกอย่างสามารถศึกษาได้ การศึกษาและความรู้ของคนจบเภสัชที่แตกต่างจากคนขายยาทั่วไปคือ "ใบปริญญา"

แต่ ประสบการณ์นั้นไม่ได้วัดกันที่การเข้าห้องเรียนหรือใบปริญญา มีมากที่เภสัชยังงงกับชื่อตัวยาบางตัว เนื่องจากห่างจากวิชาชีพมานาน อย่าคิดว่าคุณจบมาทางนี้จะต้องเก่งกว่าคนที่ไม่ได้จบมาทางนี้เหมือนคุณมัน ไม่เสมอไปหรอก ความรู้บางอย่างไม่จำเป็นต้องเข้าห้องเรียน แต่สามารถศึกษาให้เข้าใจถูกต้องด้วยการอ่านได้

ครอบครัวเราไม่ได้จบ เภสัชมาแต่ปัจจุบันนี้ก็ทำร้านยาและมีบริษัทผลิดยาที่ใหญ่ในไทยได้ ร้านหมอตี๋ถ้าเค้าไม่มีความรู้และไม่มั่นใจในอาชีพที่เค้าทำเค้าก็คงไม่กล้า เปิดและลงทุนในธุรกิจหรอก ความผิดพลาดเล็กน้อยที่คุณเคยเจอแต่มันก็ไม่ใช่เสมอไปกับทุกร้านใช่มั้ย ให้เกียรติกับอาชีพคนอื่นด้วยทำงัยได้ไทยเราเริ่มมาแบบนี้ตั้งนาน

คำพูดนี้ถูกใจผมมากเลย สุดยอด เป็นคำพูดที่น่ารักมาก นี่คือคนที่มีจิตใจดี มีความรู้จริง

ตอนนี้มีกฎหมายออกมาแล้วครับ ว่าร้านยาที่จะเปิดให้บริการต้องมีเภสัชกรประจำอยู่ตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ สรุปแล้วที่ที่ผมต้องการสื่อในบันทึกนี้ก็เป็นความจริง และหวังว่าข้อโต้แย้งต่างๆจะจบลงในตอนนี้ และขอความกรุณาทุกท่านอ่านบันทึกนี้ให้ครบถ้วน และพิจารณาให้เข้าใจถึงประเด็นที่สื่อ แล้วทุกอย่างจะชัดเจนครับ

สรุปไปเลย ลูกค้าหรือคนไข้ เดี๋ยวนี้ ฉลาดครับ เพราะทุกๆคนมีสิทธิ์ที่จะเข้าร้านยาไหนก็ได้

สังเกตุไหมคับ ร้านยาที่อยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะอะไร

ลูกค้าประจำ เก่าแก่ จิงๆๆ ซื้อขายกันมานาน ถูกคอกัน

ร้านยา ขายยาถูกมากๆ อันนี้แหละทำให้ร้านยาที่เช่าตึกทั้งหลาย เครียดไปตามๆกาน

การแนะนำยา อันนี้สำคัญมาก ว่าใช้ยาให้ปลอดภัย แบบไหน อย่างไร

พูดจาเพราะๆๆ เอาใจลูกค้า

ผมคนนึงเปิดร้านยา เหมือนกัน แล้วก็ไม่ได้จบเภสัช ด้วย แต่เผอิย ผมมีความตั้งใจ ในการเรียนรู้

ศึกษายา แล้ว ก้เปิดมายี่สิบกว่าปี และ ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย ทุกๆๆวัน คนไข้ไม่มีเงิน เราก็ให้ทานยาฟรี

เราคิดแบบนี้ สบายใจมากกว่า อยู่แบบ พอเพียง ที่ร้านผม ขายดี พอสมควร เพราะเปิดมานาน

ร้านยา ทุกๆร้านที่เปิดขึ้นมา ก้รู้อยู่แก่ใจ ว่า ถ้าไม่มีความรู้เรื่องยา ก็เปิดได้ไม่นาน หรอก

อย่าสาดโคลนใส่กันเลย ว่าร้านมีเภสัช หรือ ไม่มี เภสัช ผมว่า ประเด็น มันอยู่ที่ลูกค้ามากกว่า

ลูกค้าฉลาดเยอะ รู้ยาเยอะ และ อยากได้ ของถูก มากๆๆๆๆ อันนี้ สำคัญที่สุด ลูกค้าจะเป็นคนกำหนด

จะดี จะเลว ยังไง ร้านยา ก็สำคัญ ต่อทุกๆคน ได้บุญ มากกว่าได้ โทษ ร้านไหน ไม่ดี ก็ อยู่ได้ไม่นานหรอก

ขอโทษนะครับ ในบางทีคนเราก็ผิดพลาด เนื่องจากไม่รู้ ซึ่งเป็นไปได้หมด ขอแค่รู้ รู้จริง ทำในสิ่งที่รู้จริงก็พอ เหตุผลก็เพราะเห็นคนไข้เอายามาให้ดูจากร้านยา บางทีก็มี overdose บ้าง ผิดหลักการ แต่ก็ได้เก็บไว้ในใจเพราะเข้าใจ บางที่อาจผิดพลาดกันได้ บางทีแพทย์เอง ผมเองก็จ่ายผิดเหมือนกัน เภสัชทักมา เช่น 2 ตัวนี้มี interaction กันเกิด S/E ง่าย...... ด้วยเหตุนี้คงต้องยอมรับว่า ผู้รู้จริง รอบคอบ ศึกษามา มีประสบการณ์ เข้าใจหลักการ เหมาะจะทำหน้าที่ใด อย่าโลบ อย่ามักง่าย ก็จะเจริญในอาชีพตน

เป็นกำลังใจให้นะครับคุณเจ้าของกระทู้

ถ้าจะพูดถึงความอันตรายของร้านหมอตี๋ อันนี้ก็มีจริงๆแหละครับ และก็เกือบจะเกิดขึ้นกันตัวผมด้วย

ปีที่แล้ว ผมไปฝึกงานต่าง จว. และผมมีอาการปวดท้องเนื่องจากโรคกระเพาะ ซึ่งในวันนี้ร้านขายยาของคุณเภสัชกรปิดทำการพอดี ผมจึงไปซื้อยาที่ร้านหมอตี๋เพื่อซื้อยา 2 ตัวคือ Ranitidine และ Spascopan ปรากฎว่า ที่ร้านเค้ามีขายแค่ Cimetidine และ Ibuprofen ซึ่งเค้าบอกว่า Ibuflex เนี่ยใช้ได้ เนื่องจากแก้ปวดท้องโดยเฉพาะปวดประจำเดือนได้เหมือนกัน ถ้าคนที่มีความรู้จริงเนี่ยเค้าจะไม่จ่าย Ibuflex กับคนที่เป็นโรคกระเพาะนะครับ เนื่องจาก NSAIDs มีฤทธิ์ในการทำลายกระเพาะอาหารได้ โชคดีนะครับที่ผมโทรถามคนรู้จักที่เป็นหมอก่อนจึงเลี่ยงการทาน Ibuflex ไป

ชัด เจน พอ มั๊ย ครับ ...

ปล. ผมไม่ได้จะต่อว่าหรือห้ามร้านขายยาหมอตี๋ทั้งหลายให้ยุบ/เลิกกิจการไปนะครับ แต่ในเมื่อคุณจะยึดอาชีพนี้เป็นทางทำมาหากิน ก็ควรจะศึกษาให้ละเอียดๆมากๆนะครับเกี่ยวกับยาน่ะ ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะทำร้ายผู้อื่นทางอ้อมได้ ^^

ได้รับการทาบทามให้คุมร้าน ขย2 ค่อนข้างลำบากใจอยู่เหมือนกัน เพราะเท่าที่ทราบมีรายการยา ( ของเดิมของร้าน ) นอกเหนือจากกรอบอยู่แล้ว คงต้องคุยกันยาวหน่อย เพื่อความลงตัวทั้ง ผู้ประกอบการ และลูกค้า อยากทราบ บัญชียาที่ขย.2 ขายได้ค่ะ..ใครช่วยได้บ้างเอ่ย ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ...

ผมก็เห็นด้วยกับ cu นะ ผมก็สงสัยว่า ระหว่างเภสัชที่ทำงานมา 1 ปี กับลูกจ้างขายยามา 3 ปีใครจะจ่ายยาดีกว่ากัน ผมจะตอบว่า วัดกันไม่ได้แน่ว่า เภสัชจะจ่ายยาดีกว่า หรือรู้เรื่องยามากกว่า เพราะท้ายสุดแล้ว ก็จ่ายยาเหมือนกัน ตัวเดียวกัน และให้คำปรึกษาได้เหมือนกัน เหมือนคนที่ไม่ได้จบวิศวะคอม หรือ it แต่กลับเขียนโปรแกรมเก่งกว่าคนจบวิศวะ หรือ IT ซะอีก ขึ้นกับว่าเราไฝ่รู้และพัฒนาตัวเองมากแค่ใหน แต่แตกต่างกันที่ ใบปริญญาอย่างที่บอก และการที่เค้าออกกฏหมายมาก็เพื่อรักษาประโยชน์ของอาชีพเภสัช ไว้ให้เภสัชที่อุตส่าห์เรียนมาหลายปีต่างหาก และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนนั่นก็ถูกต้อง แต่ในความเป็นจริงแล้ว

เภสัชบางคน เปิดร้านมากกว่า 1 สาขา เค้าดูแลร้านยาได้ยังไง 2-3 ร้าน ถ้าไม่จ้างใครมาขายแทน เภสัชบางคนก็เปิดร้าน แล้วจ้าง คนมาขายยาแทนช่วงกลางวัน ส่วนตัวเองไปทำงานราชการในโรงพยาบาล แล้วกลับมาดูร้านตอนเย็นล่ะจะว่าไง

เป็นกำลังใจให้นะครับคุณเจ้าของกระทู้

ถ้าจะพูดถึงความอันตรายของร้านหมอตี๋ อันนี้ก็มีจริงๆแหละครับ และก็เกือบจะเกิดขึ้นกันตัวผมด้วย

ปีที่แล้ว ผมไปฝึกงานต่าง จว. และผมมีอาการปวดท้องเนื่องจากโรคกระเพาะ ซึ่งในวันนี้ร้านขายยาของคุณเภสัชกรปิดทำการพอดี ผมจึงไปซื้อยาที่ร้านหมอตี๋เพื่อซื้อยา 2 ตัวคือ Ranitidine และ Spascopan ปรากฎว่า ที่ร้านเค้ามีขายแค่ Cimetidine และ Ibuprofen ซึ่งเค้าบอกว่า Ibuflex เนี่ยใช้ได้ เนื่องจากแก้ปวดท้องโดยเฉพาะปวดประจำเดือนได้เหมือนกัน ถ้าคนที่มีความรู้จริงเนี่ยเค้าจะไม่จ่าย Ibuflex กับคนที่เป็นโรคกระเพาะนะครับ เนื่องจาก NSAIDs มีฤทธิ์ในการทำลายกระเพาะอาหารได้ โชคดีนะครับที่ผมโทรถามคนรู้จักที่เป็นหมอก่อนจึงเลี่ยงการทาน Ibuflex ไป

ชัด เจน พอ มั๊ย ครับ ...

ปล. ผมไม่ได้จะต่อว่าหรือห้ามร้านขายยาหมอตี๋ทั้งหลายให้ยุบ/เลิกกิจการไปนะครับ แต่ในเมื่อคุณจะยึดอาชีพนี้เป็นทางทำมาหากิน ก็ควรจะศึกษาให้ละเอียดๆมากๆนะครับเกี่ยวกับยาน่ะ ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะทำร้ายผู้อื่นทางอ้อมได้

ผมอ่าน ความเห็นที่ 21 นี้แล้วงง ตกลงเค้าจ่ายยาอะไรให้คุณกันแน่ล่ะครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับคุณเจ้าของกระทู้

ถ้าจะพูดถึงความอันตรายของร้านหมอตี๋ อันนี้ก็มีจริงๆแหละครับ และก็เกือบจะเกิดขึ้นกันตัวผมด้วย

ปีที่แล้ว ผมไปฝึกงานต่าง จว. และผมมีอาการปวดท้องเนื่องจากโรคกระเพาะ ซึ่งในวันนี้ร้านขายยาของคุณเภสัชกรปิดทำการพอดี ผมจึงไปซื้อยาที่ร้านหมอตี๋เพื่อซื้อยา 2 ตัวคือ Ranitidine และ Spascopan ปรากฎว่า ที่ร้านเค้ามีขายแค่ Cimetidine และ Ibuprofen ซึ่งเค้าบอกว่า Ibuflex เนี่ยใช้ได้ เนื่องจากแก้ปวดท้องโดยเฉพาะปวดประจำเดือนได้เหมือนกัน ถ้าคนที่มีความรู้จริงเนี่ยเค้าจะไม่จ่าย Ibuflex กับคนที่เป็นโรคกระเพาะนะครับ เนื่องจาก NSAIDs มีฤทธิ์ในการทำลายกระเพาะอาหารได้ โชคดีนะครับที่ผมโทรถามคนรู้จักที่เป็นหมอก่อนจึงเลี่ยงการทาน Ibuflex ไป

ชัด เจน พอ มั๊ย ครับ ...

ปล. ผมไม่ได้จะต่อว่าหรือห้ามร้านขายยาหมอตี๋ทั้งหลายให้ยุบ/เลิกกิจการไปนะครับ แต่ในเมื่อคุณจะยึดอาชีพนี้เป็นทางทำมาหากิน ก็ควรจะศึกษาให้ละเอียดๆมากๆนะครับเกี่ยวกับยาน่ะ ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะทำร้ายผู้อื่นทางอ้อมได้

ผมอ่าน ความเห็นที่ 21 นี้แล้วงง ตกลงเค้าจ่ายยาอะไรให้คุณกันแน่ล่ะครับ

ชอบทุกความเห็นนะครับ...รวมถึงเข้าใจ เจ้าของกระทู้ครับ

***บางครั้ง ความเสียหายที่เกิดขึ้น มันอาจยังน้อยไป

***บางครั้ง ความเสียหายที่เกิดขึ้น มันยังมาไม่ถึง

***บางครั้ง ความเสียหายที่เกิดขึ้น ยังไม่เกิดกับเรา

หรือ ...เราเห็นมันจนเป็นความเคยชิน..จนเห็นเป็นเรื่องปกติ........เราคงไม่อยาก ผ่าตัด กับ เจ้าของคลินิค หรือเจ้าของโรงพยาบาล หรือ ลูกจ้างในโรงพยาบาลที่บังเอิญ ไปเห็น หมอตัวจริง ผ่าบางอย่าง จนจำได้ทุกๆอย่าง

สงสัย เรื่องบางเรื่อง มันคงเล็กเกินไป ..ผมคงสับสน...

ก็เชื้อโรคตัวเล็กๆไม่ใช่หรือครับ ที่ทำให้เราเจียนตาย

ไม่ใช่รูเล็กๆเหรอครับ ที่ทำให้เขื่อนแตก .... ...ไม่ใช่น้ำผึ้งหยดเดียว หรือครับ ที่ทำให้เรา มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันอยู่ตรงนี้********ชอบกระทู้....ของหมอคนหนึ่งครับ....ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด และชอบน้องมะปรางเปรี้ยวครับ น่ารักดี....ผมเชื่อว่าทุกคนในนี้ทำหน้าที่ของตัวเอง ดีแล้วครับ.....ด้วยความเคารพ น้อมรับทุกความเห็น ขออภัยในบางลีลา ขอบพระคุณครับ

I have no comment on drugstores with/out pharmacists.

The levels of after-sale responsibilities are of more concern -- perhaps at a very basic level, drugstore should have insurance for public/customers (disability) liabilities -- to pay for possible unintended damages!

A few examples of 'mis-information' promoted by (global) pharmaceutical drug companies are raising concerns about what drugs can be used for and not to be used for and other possible side-effects (the issue in your article). It is doubtful that all drugstores keep up with the latest 'information' from patients and doctors views. I would say that most drugstores repeat what on the labels -- put out by the drug makers (using words that would promote the 'best sale' of the drugs).

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท