ยามเย็น ณ ตำบลหนึ่งที่ตั้งอยู่แนบข้างของความเจริญในเมือง แต่สภาพที่ผมได้พบเห็นมันไม่ได้บ่งบอกเลยว่าอยู่คียงข้างกับความเจริญ หลังจากลงจากรถผมได้มีโอกาสพูดคุยกับคนในพื้นที่ซึ่งอาศัยอยู่มาเป็นเวลานานและเป็นคนที่มีความตั้งใจที่จะทำงานเรื่องเยาวชนและมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนอื่นอย่างเต็มที่แต่ปัญหาหนึ่งและเป็นปัญหาที่พบได้เกือบทุกพื้นที่ของประเทศไทยที่เรียกตัวเองว่าประเทศแห่งประชาธิปไตยคือความขัดแย้งของคนในชุมชน
ประเทศไทยยึดระบอบการปกครองด้วยระบบประชาธิปไตยโดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งตั้งแต่ระดับหมู่บ้านจนถึงระดับประเทศ แต่ปัญหาหนึ่งที่ตามมาโดยไม่มีการศึกษาให้แน่ชัดคือความขัดแย้งของคนในชุมชน จากคำบอกเล่าของคนในหมู่บ้านได้เล่าให้ฟังถึงการเลือกตั้งในหมู่บ้านซึ่งการเลือกตั้งแต่ละครั้งก็นำมาซึ่งความขัดแย้งของคนในชุมชน แบ่งเป็นพวกแบ่งเป็นฝ่าย แก่งแย่งชิงดีเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจของตนเอง มันไม่ใช่สิ่งที่มีเฉพาะที่แต่เป็นซึ่งที่มีอยู่ทั่วไป
เมื่อได้มาซึ่งอำนาจก็มีสิทธิในการจัดการกับงบประมาณที่รัฐหรือหน่วยงานโยนเข้ามาให้ในขณะที่ชุมชนยังแตกแยกอยู่ ไม่ได้มีการรวมกลุ่มเพื่อรองรับกับการจัดการการเงิน ปัญหาที่ตามมาคือการคอรัปชั่นโดยมีคนที่รู้เห็นกันเป็นฝ่ายสนับสนุนและสุดท้ายชุมชนนั้นก็อ่อนแอและไม่มีแรงที่จะต่อสู้กับปัญหาภายนอกที่เข้ามา
ซึ่งมันไม่ได้สอดคล้องกับวัฒนธรรม ประเพณี วิถีและหลักศาสนาของคนในชุมชนเลย
มองย้อนกลับไปที่ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วการแบ่งเขตการปกครองจัดให้มีการเลือกตั้งให้มีหัวหน้าชุมชน ใช้ข้ออ้างที่ว่าด้วยเรื่องของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาเป็นข้ออ้างของการจัดการชุมชน ไม่ดูภูมิหลัง ประวัติศาสตร์ การจัดการของคนในชุมชนมันนำซึ่งปัญหา นี่จึงอาจเป้นต้นตอสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาเช่นในปัจจุบันใช่ไหมครับนี่
ฟังดูแล้ว...มันเป็นปัญหาระดับชาติ
ถ้าจะแก้คงต้องรื้ออะไรกันใหม่เป็นการใหญ่ และที่สำคัญเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากด้วย...
ระบบที่ไม่ได้วางแผนจัดการให้ดีตั้งแต่เริ่มต้น มักจะทำให้เกิดปัญหาตามมาเสมอ และที่สำคัญแก้ยากด้วยครับ...