ผมตระหนักและยึดมั่นเสมอมาว่า “คนที่ทำงานเพื่อสังคม คือ คนที่ควรจะได้รับการยกย่องและยอมรับ รวมถึงการให้เกียรติจากสังคม” และสิ่งที่ผมตระหนักและยึดมั่นก็กำลังจะได้ดำเนินการขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2550 ณ ลานสะเดา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ภายใต้ชื่อโครงการ “วันขอบคุณนักกิจกรรม”
ถ้าสี่ปีที่นี่ไม่มีอะไร
ยังลอยมาลอยไปในโลกกว้าง
เราคือใครก็ไม่รู้ไม่แคลงคลาง
ไม่รู้จักแม้จะวางตัวอย่างไร
ถ้าเช่นนั้น ชีวิตเธอเป็นโมฆะ
ปริญญาคือขยะคือหยากไย่
คือทางผ่านให้ก้าวมาก็ก้าวไป
มหาวิทยาลัยคือตึกโตอยู่เต็มเมือง
จงศึกษาเพื่อรับใช้ประชาชน
นี่คือหนทางเดียวอันเกี่ยวเนื่อง
ช่วงเวลาชีวิตเราไม่เปล่าเปลือง
แม้ก้าวเดียวก็กระเดื่องเฟื่องฟูภพ
เมื่อเธอก้าวมาถึงที่นี่
ขอเวลาสักนาทีเพื่อสงบ
อย่าให้เพลงชีวิตเราต้องเซาซบ
ต้องเลือนลบลอยลับกับกาลเวลา
(เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
วันขอบคุณนักกิจกรรม ถือเป็นวัฒนธรรมอันดีที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นในภาคปลายปีการศึกษา เพื่อเป็นเสมือนการบอกกล่าวคำขอบคุณต่อมวลนิสิตที่รังสรรค์กิจกรรมต่าง ๆ ทั้งต่อมหาวิทยาลัยและต่อสังคม
ในปีที่ผ่านมารูปแบบกิจกรรมเน้นการพบปะสังสรรค์ จัดนิทรรศการ มอบทุนการศึกษา การแสดงดนตรีบนเวที มอบเกียรติบัตรแก่ผู้นำองค์กรนิสิต..ประมาณนี้
หากแต่ปีนี้ ผมได้เน้นย้ำทีมทำงานให้หยั่งคิดถึงกระบวนการกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ให้เหมาะสมกับชื่อโครงการที่มุ่ง “ขอบคุณ หรือแม้แต่เชิดชู” คนของสังคมเหล่านี้ให้ชัดเจนและมีเกียรติประวัติมากกว่าที่เคยเป็นมา เพื่อวางรากฐานไปสู่การเสริมสร้างและพัฒนาให้นิสิตเติบโตอย่างมีคุณค่า และเพื่อใช้เป็นกลไกแห่งการสร้างวัฒนธรรมการเชิดชูคนดีให้เกิดขึ้นในสังคม
ในปีนี้, ผมได้ปัดฝุ่นรางวัล “ช่อราชพฤกษ์” ขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เงียบหายติดต่อกันไปถึง 2 ปี
ปีนี้, เราเปิดให้มีการเสนอชื่อผู้นำองค์กรนิสิต หรือนิสิตที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคม (สังคม : หมายถึงแต่เฉพาะ มหาวิทยาลัยและสังคมทั่วไป) รวมถึงการเสนอตัวเองเพื่อเข้าสู่กระบวนพิจารณาคัดกรองเชิดชูเกียรติเป็น “บุคคลในวิถีแห่งกิจกรรม” ที่ควรค่าต่อการยกย่องและเชิดชู
แทบไม่น่าเชื่อว่าการเชิดชูเกียรตินักกิจกรรมเช่นนี้ได้ปิดตัวไปพร้อม ๆ กับผมที่เคลื่อนตัวออกจากงานนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่กำลังคืนกลับมาอีกครั้ง พร้อม ๆ กลับการคืนสู่ตำแหน่งของผม และกล้าที่จะเขียนอย่างทระนงว่าการเชิดชูเกียรติในนาม “ช่อราชพฤกษ์” นี้ก่อเกิดขึ้นจากแนวคิดที่ผมและทีมงานได้บุกเบิกก่อร่างสร้างฝันไว้เมื่อปี 2544 ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลเหล่านี้ก็ล้วนได้รับการขานรับที่ดีต่อสังคมในแวดวงกิจกรรมอย่างน่าภาคภูมิ
(โลกของการงาน สิ่งที่ดีอยู่แล้วก็ควรได้รับการต่อยอดสืบไป มิใช่การสิ้นหายไปพร้อม ๆ กับคนบุกเบิก ซึ่งครั้งหนึ่งคุณเอกจตุพรเคยบอกกับผมว่า “คนเคลื่อน งานจบ" !) สิ่งเหล่านี้ต้องอยู่ได้ด้วยระบบ มิใช่ติดยึดอยู่ที่บุคคล
ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่า...คนทำดีไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน แต่ในมุมกลับกัน สังคมก็ควรที่จะยกย่องและตอบแทนต่อคนเหล่านี้บ้าง
และครั้งหนึ่ง..ผมเคยเดินออกจากมหาวิทยาลัยอันเป็นที่รักแห่งนี้ โดยปราศจากวุฒิบัตรการรับรองด้านกิจกรรมใด ๆ ทั้งที่ยุคนั้น ผมมีตัวตนในด้านกิจกรรมอย่างชัดแจ้งและต่อเนื่อง ..ผมจึงเข้าใจและปรารถนาให้การเชิดชูนักกิจกรรมเป็นวัฒนธรรมที่ดีของเราชาว มมส
และปีนี้ วันของคุณนักกิจกรรม ได้ต้อนรับวิถีการกลับมาของการเชิดชูเกียรตินักกิจกรรมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง.. เราจะมีประมวลภาพกิจกรรมหลากเรื่องราว มีละครเวทีของคนหนุ่มสาว มีการมอบทุนนักกิจกรรม มีการฉายหนังสั้นในวิถีสังคมภายใต้ลานสะเดา... ลานแห่งลมหายใจของคนทำกิจกรรม ...ลานแห่งชีวิตและลมหายใจของผมที่ซึ่งเคยผลักดันให้สังคมที่นี่ขานรับชื่อ “ลานสะเดา” มาแล้วในยุคหนึ่ง
และอานิสงส์นั้นก็ทำให้บรรดานักกิจกรรมทั้งหลายขานรับที่จะเรียกชื่อที่ตรงนี้ว่า “ลานสะเดา” สืบมาอย่างไม่รู้จบ โดยลานสะเดานี้ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนที่ย่ำเดินบนถนนสายกิจกรรมอย่างสนิทแน่นราวกับญาติมิตรก็ไม่ปาน
... พรุ่งนี้...ลานสะเดาคงตื่นเต้นไม่น้อยที่กำลังจะได้ต้อนรับการกลับมาของการเชิดชูเกียรตินักกิจกรรมในช่อราชกพฤกษ์อันทรงเกียรติของชาว มมส”
หัวใจที่ว่างงาน เป็นหัวใจที่ทุกข์ทรมานเป็นที่สุด
"A Mind without work is the most troubled."
ขอคารวะแด่หัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้
น่าดีใจจังคะ ...มมส. มีวันนักจัดกิจกรรมด้วย
ยินดี ยินดี กับนักศึกษา คะ
เรียนพี่พนัส
ขอบคุณครับ
กัมปนาท
คุณแผ่นดิน ครับ
อยากให้สานต่องานเหล่านี้ไปเรื่อยๆนะครับ ยิ่งทำผมเองก็รู้สึกว่า "คุณค่าของชีวิตคืออะไร" แต่ว่าต้องอยู่ควบคู่กับโลกแห่งความเป็นจริงด้วย มีจุดพอดีพอควร ถ้าโน้มเอียงไปทางจินตนาการเยอะไปมันจะขาดความสมดุล (ตรงนี้ผมเคยสังเกตกิจกรรมนิสิต บางมหาวิทยาลัยหน่ะครับ) ขอเชียร์คุณแผ่นดินสร้างสรรค์งานเช่นนี้ต่อไป ถ้าเป็นไปได้เล่นให้ใหญ่โต ฮือฮา เอาให้คนมหาวิทยาลัย ได้เรียนรู้ว่านักกิจกรรมนิสิตก็มีสิ่งดีดีมอบไว้ให้กับสังคมอยู่นะ
"คนทำงานด้วยหัวใจ...ต่อให้มีไฟ...ก็ยากได้ที่จะห้ามมิให้ลุย"....
คุณ เอก |
อ. กฤษณา สำเร็จ |
จะว่าไปแล้วอยู่ มมส. มาจนถึงปี3แต่ยังไม่เคยร่วมงานนี้เลยครับแต่กล้าบอกได้เลยว่าอยู่เบื้องหลังมาตลอดเพราะเคยโล่รางวัลสำหรับนักกิจกรรมอาวุโส โดยใช้วัสดุจากกระจก(กัดลายกระจก)ด้วยฝีมือของตัวเองครับแต่ปีนี้ไม่ได้ทำเพราะไม่มีเวลาเลยน่าเสียดายที่อดเห็นผลงานตัวเองครับเพราะก่อนหน้ามีพี่จากกลุ่มงานกิจกรรมติดต่อมาแต่ปฏิเสธไป อย่างไรก็ตามงานนี้น่าจะไม่พลาดครับ
กิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย อีกบทเรียนหนึ่งที่นอกเหนือจากหลักสูตรและประมาณค่าไม่ได้ในด้านประสบการณ์
การทำกิจกรรมของนักศึกษามีส่วนสำคัญมากในการพัฒนานักศึกษา...เป็นการฝึกความคิด ฝึกการนำสิ่งที่เรียนมาประมวลออกมาทำงาน ที่สำคัญฝึกการทำงานร่วมกับคนอื่น ฝึกความอดทน ฯลฯ ก่อนจะก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัย อ้อมแขนของอาจารย์ สู่สังคมภายนอก.....การฝึกนักศึกษาให้คิดเป็น ทำเป็น...กิจกรรมเหล่านี้แหละคือสิ่งสำคัญ....
เคยคุยกับเจ้าหน้าที่จากบริษัทต่างๆที่มาคัดเลือกนักศึกษาไปทำงาน....เค้าบอกว่า สิ่งที่เค้าพิจารณา คือ เกรด กับ การทำกิจกรรมระหว่างการเรียน.........