หัวข้อข้างบนผมได้มาจากเอกสาร SWU+ สวู พลัส ของสภานิสิต มศว. ฉบับที่ ๑ ซึ่งผมเพิ่งได้รับเดี๋ยวนี้เอง
หัวข้อนี้เป็นพาดหัวบทความ ชื่อ "ม.ออกนอกระบบ ทำไม???" เป็นบทความที่สรุปว่า การออกนอกระบบราชการ คือการออกไปทำธุรกิจการศึกษา หรือออกไปเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนนั่นเอง ซึ่งเป็นข้อสรุปที่ผิด
การออกนอกระบบราชการของมหาวิทยาลัยมีเป้าหมายหลักเพื่อทำ "บริการสาธารณะ" ให้ได้ดียิ่งขึ้น ในระดับ "ภพภูมิใหม่" (new order) ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนมหาวิทยาลัยไปทำ "ธุรกิจการศึกษา"
ที่จริงก็น่าจะระแวงอยู่นะครับ เพราะว่าในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา ภาพด้านนวัตกรรมของอุดมศึกษาไทยที่ชัดเจนที่สุด คือการจัดการศึกษาแบบเลี้ยงตัวเอง ทำให้ดูเป็นธุรกิจ
ความท้าทายของอุดมศึกษาไทยก็คือ เมื่อออกไปอยู่นอกระบบราชการ เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐแล้ว มหาวิทยาลัยจะทำงานในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะยิ่งขึ้นได้อย่างไร
ศ.นพ.ประเวศ วะสี เคยกล่าวไว้ว่า มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ ต้องไม่ทำธุรกิจ แต่บริหารงานคล้ายบริหารธุรกิจ
การทำธุรกิจหมายความว่า มีเป้าหมายเพื่อผลกำไร วัดผลสำเร็จกันที่ผลกำไร ยิ่งผลกำไรมาก แสดงว่าสำเร็จมาก แล้วเอาผลกำไรแบ่งกันในกลุ่มผู้ถือหุ้น
มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ไม่ได้มีเป้าหมายเช่นนั้น
วิจารณ์ พานิช
๑๙ ก.พ. ๕๐
เมื่อออกนอกระบบแล้วผู้บริหารได้ค่าตำแหน่งเพิ่ม อย่างเช่นอธิการบดี ได้รับ 300,000. บาทต่อเดือน รองอธิการบดี 250,000 บาท/เดือน นายกสภามหาวิทยาลัย 5 - 8 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งขณะนี้บางคนเป็นนายกสภาหลายมหาวิทยาลัย เช่น นายมีชัย เป็น 3 แห่ง นายวิจิตร ไม่น้อยกว่า 3 แห่ง...นี่แหละว่าทำไม จึงมีแต่ผู้ที่ผลักดันให้ออกนอกระบบกันนัก..อีกอย่าง ไม่มีระบบตรวจสอบผู้บริหาร และไม่มีวาระ เป็นได้จนกระทั่งตำน้ำกินก็ได้
ขอความอนุเคราะห์พิจารณาโครงการจัดการศึกษานอกมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาในท้องถิ่น ห่างไกล ภาคพิเศษ (เรียนวันเสาร์-อาทิตย์) บ้าง