การฟัง นอกจากจะซึมซับเข้าไปแล้ว ยังสามารถจะฝึกให้สมองของเราได้ใช้วิจารณญาณต่อสิ่งที่เราได้รับมา
หยิบสาระจากรายการวิทยุที่ออกอากาศเมื่อ 20 ก.พ.2550 ช่วงเวลา 23.00-0.00 น. รายการ
"ชั่วโมงนี้ไม่มีการเมือง " จาก 97.75 MHz กทม. จากเครือผู้จัดการ ดำเนินรายการโดย สนธิ ลิ้มทองกุล
ลองมาฟังเนื้อหาสาระบางส่วนที่ผู้ชมหลายท่าน ติดตามชมกับการตอบคำถาม ให้คำปรึกษาผู้ที่โทรเข้ามาสอบถามประเด็นต่างๆ ในแบบสดๆ จากการประมวลองค์ความรู้ และประสบการณ์ชีวิตของเขา
ถึงแม้ว่า ชื่อของผู้จัดรายการ จะมีทั้งคนที่ชื่นชอบ และไม่ชื่นชอบก็ตาม
แต่สาระ แนวคิดที่เป็นประโยชน์ ย่อมมีคุณค่าต่อทุกคนแน่นอน
จึงนำมาฝากกันครับ
คำถาม ; ผมจะทำยังไงให้ชีวิต เก่ง ดี และก็รวยตื่นมา คิดดี ทำดี ตื่นเช้ากว่าชาวบ้านเขา นอนหลับหลังชาวบ้านเขา สรรหาองค์ความรู้มากๆ
อย่าไปสนใจว่า อ่านหนังสือแล้วจะรวย
หนังสือที่สอนให้เรารวยแล้วนั้น มันไม่รวยจริงหรอก
การรวยไม่รวย คุณต้องออมเป็นคือ คนสมัยนี้ จะชอบรวยเร็ว
คนสมัยก่อนมองว่า ความรวยมันไม่ได้มาเพราะโชคช่วย มันมาเพราะหยาดเหงื่อแท้ๆ และการตั้งใจทำงานและการอดออม ผมคิดว่า เราต้องเปลี่ยนวิสัยทัศน์และกระบวนทัศน์เสียใหม่ ว่าถ้าเราอยากจะมีเงิน เราต้องเก็บเงินเสียก่อน ถ้าเราไม่เก็บเงิน ถ้าเราไม่รู้จักประหยัดการใช้จ่าย การจะใช้เงินเพื่ออะไรที่ไม่ควรใช้ มันก็ไม่รวย
ยกตัวอย่าง ผมเคยสอนเด็กปริญญาโทที่ธรรมศาสตร์ บอกว่า ให้ทุกคนกลับไปที่บ้าน เปิดตู้เสื้อผ้าของตัวเอง และเอาเสื้อผ้าทุกตัวออกมาวางดู และถามตัวเองดู มีบ้างไหมที่เสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วนี่ตัวไหน ใส่ไม่เกิน 3 ครั้งคุณจะพบว่า ของที่ไม่เกิน 3 ครั้ง มีเยอะ
รองเท้าเช่นกัน เข็มขัดเช่นกัน
หรือแม้กระทั่งของที่อยู่บนโต๊ะของคุณนี่ คุณมองแต่ละชิ้นแล้วลองถามตัวเองดูว่า
ของที่ซื้อมามีประโยชน์อะไรในการใช้งานในชีวิตบ้างไหม เชื่อว่า ไม่เกิน 80 % จะไม่มีประโยชน์ ที่คุณชอบซื้อเพราะมันเป็นแฟชั่น
ซื้อเพราะว่ามันสวยของเหล่านี้ คุณลองบวกเป็นตัวเลขขึ้นมา จะพบว่า มันมหาศาล เพราะฉะนั้นจะพบว่า
ถ้าอยากรวย ต้องใช้เงินอย่างมีสติ**
คำถาม ; ผมตามผลงานคุณสนธิมาบ่อยมาก ที่รู้สึกทึ่งคือ คุณสนธิมีหน่วยความจำที่ดีมาก เขียนบทความในการอ้างอิงอะไรหลายอย่าง และรวมถึงการพูดด้วย เหมือนไม่ต้องใช้สคริปท์เลย แค่มีหัวข้อก็พูดมาได้อย่างลื่นไหลมาก ไม่ทราบว่า มีเทคนิคอย่างไรเทคนิคง่ายมากครับ ก่อนที่จะพูดเรื่องอะไร ต้องเข้าใจป่าทั้งป่า เมื่อเข้าใจแล้ว จะมีต้นไม้มากี่ต้นกี่หลังจะเข้าใจทั้งหมด ทุกอย่างมันจะอยู่ในกรอบของมันเหมือนกับที่เราพูดถึงเด็กคนนี้ เราจะต้องเข้าใจครอบครัวทั้งครอบครัว เมื่อจะพูดถึงเด็กคนไหน ย่อมจะพูดได้ เราย่อมจะไม่มีวันลืม
หรือถ้าเราจะพูดถึงโรงเรียน เราต้องเข้าใจถึงระบบการศึกษา
คำถาม : แล้ว สาระหรือรายละเอียดที่จะมาเสริมกับหัวข้อใหญ่ๆ...
..
อันนั้นค่อยมาเติมทีหลังสิครับ ต้องเข้าในป่าทั้งป่าเสียก่อน แล้วค่อยมาเติม อยากจะแซมต้นไม้สวย ๆ ดึงมาให้คนดู อยากจะปลูกต้นสัก ก้ไปหาอะไรเพิ่มเติมเข้ามา
คำถาม ; มันเติมโดยอัตโนมัติหรือครับ
ถ้าคุณได้อ่านหนังสือมากๆ หรือพูดคุยกับคนอื่นมากๆ และที่สำคัญที่สุดถ้าคุณได้ฟังมากเหมือนผม มันจะมาโดยอัตโนมัตินะครับ และจำไว้อย่างหนึ่ง คือ ผมเป็นคนพูดบ่อยพูดมากๆ ในข้อเท็จจริงแล้ว ผมจะเป็นคนที่ฟังมากๆ
จำเอาไว้อย่างว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ให้หูมา 2 หู ปากมา 1 ปาก เขาให้ฟังมากกว่าพูด
การฟัง นอกจากจะซึมซับเข้าไปแล้ว ยังสามารถจะฝึกให้สมองของเราได้ใช้วิจารณญาณต่อสิ่งที่เราได้รับมา