วันนี้(20/2/50)ท่านอธิการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้มาพบปะกับนักศึกษา ที่วิทเขตปัตตานีอธิบายเรื่องขึ้นค่าเทอมนักศึกษาในปี50 ว่าสาเหตุที่ต้องขึ้นค่าเทอมนั้นเพราะว่ามหาวิทยาลัยต้องพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันกับมหาวิทยาลัยระดับสูงได้และเพราะว่าตอนนี้มหาลัยกำลังตกอยู่ในภาวะชลอตัวทำให้มีปัญหาในเรื่องของประสิทธิภาพ
ในขณะที่นักศึกษาออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าเทอมโดยให้เหตุผลว่าการขึ้นค่าเทอมของมหาวิทยาลัยนั้นเป็นการปิดโอกาสกับคนที่ยากจนไม่สามรถเข้าถึงการศึกษาได้เพราะจากตัวเลขดูแล้วเป็นการขึ้นค่าเทอมที่แพงมากโดยขึ้นสองเท่าตัวซึ่งตกอยู่ตรงที่ระดับหนึ่งหมื่นขึ้นจากเพียงแค่ 5000-7000 บาท
โดยเฉพาะที่ มอ ปัตตานีซึ่งกำลังตกอยู่ในพื้นที่ปัญหาความไม่สงบ วันนี้มีเด็กกำพร้า 3000 กว่าคน รายได้ของครอบครัวลดลง หางานทำไม่ได้ ไม่กล้าออกไปทำงาน เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งหากคนที่เข้าใจว่าในช่วงที่เกิดเหตุนั้นมีความรู้สึกอย่างรัย เช่นเมื่อสามวันก่อนไฟดับทั้งเมืองระเบิดทั่วจังหวัด ทุกคนตกอยู่ในภาวะที่หดหู่ไม่ออกไปใหนต้องรอให้สถานการณ์ผ่านไปซักสามสี่วันถึงจะออกไปทำงานต่อ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาได้รับมาตลอดสามปี
แต่ตอนนี้สิ่งที่กำลังจะซ้ำเติมปัญหาสามจังหวัดก็กำลังจะเกิด ด้วยการปิดกั้นโอกาสการศึกษาด้วยการขึ้นค่าเทอม ทำให้มีเด็กหลายคนที่ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้ โดยเฉพาะวิทยาเขตปัตตานีซึ่งน่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่เอื้อต่อคนในพื้นที่สามจังหวัดให้ประโยชน์กับสังคมรอบรั้วมหาลัยเพื่อนแนวทางการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดทางอ้อมด้วย แต่กลับขึ้นค่าเทอมที่แพงที่ไม่เหมาะกับช่วงเวลาไม่คำนึงถึงสถานการณ์ไม่คำนึงถึงสังคมรอบรั้วมหาลัย คำนึงแต่ว่าต้องนำมหาลัยสู่การเป็นมหาลัยชั้นเยี่ยมให้ได้
อย่างรัยก็ตามทางนักศึกษาก็ยังแสดงจุดยืนเดิมว่าไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าเทอมและให้ยกเลิกคำสั่งขึ้นค่าเทอมใปการศึกษาหน้า
เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมาก ลำพังปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ก็เท่าไรแล้ว แล้วอย่างนี้เมื่อไรประเทศเทยจะเจริญสะทีละครับเจ้านาย