คุณและผมคงอยากให้สังคมดี แล้วที่ไปเกี่ยวข้องกับพี่น้องตองเหลือง ก็อยากให้เกิดสิ่งดีงาม
มีคำบอกเล่า ความดีนี้ทำยาก ๆ กว่าทำชั่ว ๆ เพียงน้อยนิด เป็นข่าวใหญ่ ทำดีไม่เห็นมีอะไร มีแต่คนเฉย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรียกว่า ทำดีด้วยลมปาก ไม่อาจจับต้องได้ แต่ที่เห็นเป็นรูปธรรมกลับถูกมองว่าเป็นการทำลาย....
สังคมก็เป็นแบบนี้เอง มีแต่คำกระแนะกระแหน่ คอยตั้งแง่ หรือภาษาวัยรุ่นเขาเรียกว่า วางสนุ๊ก ตีกัน แล้วอีกอย่างอาจเป็นเพราะคนที่ทำความดี ทำดีในมุมมืด
ผมเชื่อว่าเกี่ยวกับพี่น้องตองเหลืองมีผู้ปรารถนาดีไม่น้อย แต่จะลึกซึ้งมากน้อย ก็สุดแท้แต่ปัจจัยเงื่อนไข เหมือนอย่าง 2 สัปดาห์ก่อน คุณลุงสูงอายุ ชาวจ.นครสวรรค์ไปเยือนพี่น้องตองเหลือง ท่านเดินแจกเงิน โดยท่านก็เข้าใจว่า ท่านทำถูกแล้ว ( ผมเองอยากจะบอกว่าแบบนี้จะเป็นการทำลาย ) ก็ไม่กล้าไปบอกท่านตรง ๆ คงต้องใช้เวลา หาโอกาสสื่อสาร
เหมือนอย่างมีหน่วยงานที่ขึ้นไปทำโน้น ทำนี่ ( ขอเรียนว่าไม่ใช้ทุกหน่วยงาน ) ก็เพราะหวังดี ก็สามารถทำกันได้ เพราะเขาหวังดี แต่จะอยู่ได้ยั่งยืน มากน้อยหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหล่านี้นั้นยังเรียกว่า ความดีในมุมมืดอยู่ เพราะเราจำเป็นต้องให้ผู้รับมีส่วนร่วมให้มาก ๆ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสงเคราะห์ที่เรามักพบว่าเป็นการทำลาย ด้วยอาจขาดการมีส่วนร่วม
สวัสดีครับ Mr.tanu
หวังดีในมุมมืดคงไม่ต่างอะไรกับการพัฒนาที่คนนอกเอาไปหยิบยื่นให้ในแบบยำยำ แบบมาม่า แบบไวไว ซึ่งไม่ใช่การพัฒนาแบบยั่งยืน เห็นด้วยกับการให้คนในได้คิดและมีส่วนร่วมครับ
การให้ความช่วยเหลือในลักษณะของการสังคมสงเคราะห์อาจจะช่วยให้เขาอยู่ได้ในระดับหนึ่ง...แต่ไม่สามารถให้เขาพึ่งตนเองได้...เหมือนปรัชญาการพัฒนาชุมชนที่ว่า "อย่าให้ปลาแก่เขา แต่จงให้เบ็ดแก่เขา แล้วให้เขาใช้เบ็ดนั้นหาปลาด้วยตนเอง"...แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ ทำอย่างไรเขาจะรู้สึกเป็นเจ้าของเบ็ดนั้น...และไม่ทิ้งเบ็ดนั้นไป...การช่วยที่ดีที่สุดคือช่วยให้เขาคิดได้ และลงมือกระทำด้วยตัวเขาเอง...เช่น ถ้าเขาคิดได้ เมื่อเขาอยากได้ปลา เขาอาจจะไม่ใช้เบ็ด แต่เขาจะประดิษฐ์สิ่งใหม่เพื่อหาปลาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเอง....ไม่ว่าจะเป็นแห สวิง อวน...
พยายามเขียนเมื่อคืนแล้ว แต่เครื่องเจ้ากรรม ตอนป้อนข้อมูลนั้นไม่รับเข้าไป แต่ก็จำประเด็นได้
มุมมืดมีหลายมุม แต่มุมมืดที่อันตรายคือมืดบอดทางปัญญา
หลายคนก็อยากไปเห็น ไปทำสารคดี แจกเงิน แจกสิ่งของ แล้วก็จากไป ท่านเหล่านั้นก็ทำตามที่เขาคิดได้ อาจไม่ได้ลึกซึ้งมากมายอะไร "อันความกรุณา ปรานีจะมีใครบังคับก็หาไม่..."
คิดว่าการพัฒนาต้องมาจากชนตองเหลืองเอง(participations) เราเป็นผู้สนับสนุน ไม่ใช่เอาวิธีคิดอย่างเราเข้าไปครอบ บางคนอาจเถียงว่าไม่ได้ แต่อย่าลืมว่ามนุษย์ทุกคน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ มีปัญญา ต้องเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา
มนุษย์เมืองอาจหงุดหงิดที่พัฒนาแบบวิธีคิดของมนุษย์เมืองไม่ได้(โดยเข้าใจว่านี่คือความเจริญ จริงๆแล้ว มันศิวิไลซ์หรือเปล่า? อาจไม่ตรงกับจริตของพี่น้องตองเหลืองก็ได้) เช่น มีหลายคนเอาแปรงสีฟัน ยาสีฟัน อื่นๆทำนองนี้อีกมากมาย แต่เห็นอยู่บนหิ้งเต็มไปหมด เป็นต้น
ทางราชการช่วยอยู่นั้น เป็นสิ่งดีแล้ว ทำไปตามหน้าที่ เอาภาษีของเราใช้เข้าไป
ส่วนภาคประชาชนล่ะ อย่างเรา-ท่านนั้น จะทำประการใดได้บ้าง ที่จะทำด้วยจิตวิญญาณ ด้วยความรัก ด้วยมิตรภาพ ทำต่อเนื่องที่ยั่งยืนนาน คงไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งแน่ แต่ต้องช่วยกันนะครับ
ร่วมแบ่งกับชอลิ้วเฮียงครับ ที่เราถูกสอนมาคือ ให้ปลาแก่เขา กินวันเดียวก็หมด แต่ควรสอนวิธีการให้เขาจับปลาได้ เขาสามารถหากินได้ตลอดไป
แต่ที่ถูกน่าจะเป็น ให้ปลาแก่เขา สอนเขาให้รู้จักแบ่งปัน เขาจะมีวิธีหากิน แบ่งปันกัน มีความสุข(ร่วม)กันไปตลอดชีวิต (Give a man to fish, he eat for a day, teach a man to fish, he eat for a life)
but (Give a man to fish and share, he eat for a day, teach a man to fish and share, we will eat hold life)
ข้างบน
ขอโทษเขียนคำผิด whole life ไม่ใช่ hold
"ความดีนี้ทำยาก กว่าทำชั่ว"
เมื่อก่อนผมเคยคิดแบบนั้น แต่มานั่งคิดดู ให้ผมกราบพระ ง่ายกว่าให้ผมไปต่อยพระ
ให้ผมเผายาบ้า ง่ายกว่าให้ผมขายยาบ้า
"มนุษย์เมืองอาจหงุดหงิดที่พัฒนาแบบวิธีคิดของมนุษย์เมืองไม่ได้(โดยเข้าใจว่านี่คือความเจริญ จริงๆแล้ว มันศิวิไลซ์หรือเปล่า? "
ผมชอบประโยคนี้ครับ ความศิวิไลซ์ ใครกำหนด
อะไำรคือสิ่งที่เรียกว่าเจริญแล้ว? สิ่งของ นอกกาย หรือจิตใจ เราจะเอาอะไรดีมาวัด
ยิ่งนับวันยิ่งครึกครื้นนะครับ ประเด็นชนเผ่ามลาบรี หรือตองเหลือง ผมเองในฐานะคนผ่านงานในชุมชนม้งและตองเหลืองบ้านห้วยหยวกมาบ้าง ยังติดตามสถานการณ์อยู่ ยินดีทั้งมุมมองบวก-ลบ ทั้ง ยึดมั่น และปล่อยวาง
แม้ห่างมาสองปีกว่าแต่สำรวจใจตัวเองแล้ว ไม่เคยลืมแววตาโศกของพี่น้องตองเหลืองได้ลง ที่โศกได้แม้ยามยิ้ม ขณะเอื้อมมือรับของหรือรับเงินจากผู้หวังดีภายนอก
หวังเพียงว่า เมื่อผ่านการเรียนรู้มาระยะหนึ่ง เขาจะสามารถเยียวยา พิษบาดแผลจากการพัฒนา ได้ด้วยตัวเอง
ยินดีอย่างยิ่งครับ กับการเข้ามาทักทายของคุณพีชฯ ( ขอเรียกแบบนี้เพราะเป็นกันเองดี ) และอีกหลายท่านครับ
โถ นึกว่าใครที่ไหนอีก เมื่อบ่ายไปทานอาหาร รร.นันทะ พบครูภาษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองที่ไปรับลูก ๆที่ นคศ.เธอสอนอยู่ที่ รร.นันทะ ถามเกี่ยวกับฝ่ายของเธอที่ รร.นันทะฯ เป็นใคร เขาบอกว่า ชื่อนี่นามสกุลนี้ ผมเลยต้องถามต่ออีก ตกลงเป็น ภรรยาคุณพีชฯ นี่เอง ตกลงคุณพีชฯ ชายใต้ เป็นเขยน่าน นี่เอง ผมเองก็เขยน่าน
การทำ ทำการพูด กิจกรรมทางสังคมก็เป็นแบบนี้แหละครับ ผมเองไม่ได้เรียนมานทางสังคมมนุษยวิทยาฯ เพียงแต่ว่าครอบครัวมีพื้นฐานด้านการพัฒนาอยู่บ้าง ไปสัมผัสในหลาย ๆ แวดวงและเห็นความแตกต่างทางภาค ทางการศึกษา ฯลฯ
คงต้องดูกันหรือติดตามกันต่อไป ร่วมทั้งติดตามให้กำลังใจคนทำงาน คณะทำงานกันต่อไป ไม่มีอะไรที่เป็นสูตรสำเร็จ ที่บอกว่า ใช่วันนี้ในภายภาคหน้าอาจไม่ใช่ ไม่ได้เล่นลิ้น เล่นบท หรือเล่นสำนวน ภาษาทางพระทางธรรมที่วา อิปัจจัยตา เป็นไปตามเห็น ตามปัจจัย เป็นไปตามเงื่อนไข ทั้งนี้ ทั้งนี้น ผู้เกี่ยวข้องที่เรียกว่า คนทำงานควรมีร่องรอยการทำงานไว้ เพื่อให้เป็นบทเรียน ให้คนรุ่นต่อไปได้ศึกษาเรียนรู้ไว้