คลังอัดงบขาดดุลอีกปี-ปั๊มชีพจรเศรษฐกิจรัฐปรับราคากลางใหม่ควักเพิ่ม 1.3 พันล. โปะผู้รับเหมา


คลังอัดงบขาดดุลอีกปี

              นายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง เปิดเผยว่า จากการที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและ      รมว.คลัง เรียกประชุม 4 หน่วยงานหลักเพื่อพิจารณาจัดทำงบประมาณประจำปี 51 ประกอบด้วย ธนาคาร  แห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินนโยบายจัดทำงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องไปอีก 1 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอ       จะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ในปีหน้าน้อยกว่ารายจ่ายที่จำเป็นต้องลงมาในภาคเศรษฐกิจ ส่วนยอดงบประมาณจะขาดดุลที่จำนวนเท่าไหร่ยังไม่สรุป โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้สั่งการให้ สศค. ไปพิจารณายอดจัดเก็บของ    กรมจัดเก็บ 3 กรม ทั้งกรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิตก่อน ซึ่งยืนยันรายได้ปีหน้ามากกว่าปีนี้แน่ จากนั้นจะมีการประชุมเรื่องดังกล่าวอีกรอบและเสนอให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเห็นชอบอีกครั้ง เศรษฐกิจทั้งปีนี้และปีหน้าไม่ฟู่ฟ่า รายได้ที่จัดเก็บยังไม่พอกับรายจ่ายที่ต้องจ่าย จึงต้องจัดทำงบขาดดุลเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้า ให้การใช้จ่ายภาครัฐเป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนเอกชนเพิ่มการการลงทุนและการใช้จ่ายมากขึ้น แต่คงไม่มีเหตุให้ขาดดุลมากมายอะไรŽ นายสมหมาย กล่าว           

            นายสมหมาย กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะจัดทำงบประมาณขาดดุลต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน คือปี 50 และปี 51 รวมถึงการที่รัฐบาลจะเร่งรัดให้มีการก่อสร้างระบบการขนส่งระบบราง ซึ่งจำเป็นต้องกู้หนี้สาธารณะมากขึ้น แต่ตนไม่ได้เป็นห่วงภาระหนี้ทั้งในและนอกประเทศที่จะเกิดขึ้นตามมา เนื่องจากขณะนี้ภาระหนี้ต่องบประมาณอยู่ที่ 40% ต้นๆ เท่านั้น ยังไม่เกินวินัยการคลังที่ตั้งไว้ที่ 50%             นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง และโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา อนุมัติให้ใช้หลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างที่ปรับปรุงใหม่ โดยมี ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. เป็นต้นไป ซึ่งการปรับสูตรคำนวณราคากลางใหม่เป็นไปตามที่กรมบัญชีกลางเสนอ เนื่องจากเพื่อต้องการสร้างความเป็นธรรมแก่เอกชนที่จะมารับเหมางานของภาครัฐ ที่มีต้นทุนค่าจ้างแรงงาน ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าเครื่องจักรกลเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลทำให้ราคากลางใหม่สูงกว่าเดิมเฉลี่ย 3.6% ทำให้      รัฐต้องจ่ายค่าก่อสร้างสูงขึ้นจากเดิมด้วย            

             สำหรับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างได้จำแนกงานก่อสร้างเป็น 3 ประเภท ได้แก่   งานก่อสร้างอาคาร งานก่อสร้างทาง สะพาน และท่อเหลี่ยม และงานก่อสร้างชลประทาน ซึ่งราคากลาง        จะประกอบด้วยค่างานต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก่อสร้างหรือ Factor F ซึ่งงบประมาณของโครงการในส่วนนี้ทั้งหมด 65,776 ล้านบาท ดังนั้น ราคากลางใหม่ที่จะเพิ่มสูงขึ้นเฉพาะค่าจ้างแรงงาน ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าเครื่องจักร คาดประมาณ 1,300 ล้านบาท  โดยส่วนนี้ ครม. ได้กำหนดให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้แล้วทั้งหมด

                                                                                ข่าวสด 17 ก.พ. 50

คำสำคัญ (Tags): #คลัง
หมายเลขบันทึก: 79416เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2007 11:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท