ก่อนที่จะบอกเล่าความรู้และความเข้าใจซึ่งได้รับจากการ "ประชุมวิชาการของสมาคมศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศไทย" เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ที่โรงแรมเรดิสัน กรุงเทพ ดิฉันขอขอบคุณทางคณะสหเวชศาสตร์และภาควิชาเทคโนโลยีหัวใจทรวงอกที่ให้การสนับสนุนให้บุคลากรในคณะเข้าร่วมประชุมวิชาการเพื่อเพิ่มพูนความรู้และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ซึ่งในที่นี้คือเทคโนโลยีการผ่าตัดหัวใจ ในวันนั้นหัวข้อวิชาการที่ดิฉันเลือกเข้ารับฟังมีดังนี้
Endovascular aortic aneurysm repair (EVAR)
เป็นหัวข้อที่ดิฉันให้ความสนใจเป็นพิเศษและเมื่อได้เข้ารับฟังแล้วพบว่าไม่ผิดหวังเลยค่ะ โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ (aorta) โป่งพอง "Aortic aneurysm" เป็นโรคที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะเสียเลือดออกมาก (bleeding) จากผนังหลอดเลือดปริแตก (aortic dissection) ซึ่งเพิ่มอัตราการการเกิดภาวะแทรกซ้อน, และอัตราการตายที่เพิ่มขึ้นหลังผ่าตัด การผ่าตัดในโรคนี้ในปัจจุบันจะใช้เทคนิคเปิดหัวใจ (open heart surgery) โดยศัลยแพทย์ผ่าตัดหัวใจ (cardiac surgery) ซึ่งมีรายงานว่าถึงแม้ผ่าตัดแก้ไขสำเร็จ 100% แต่ผลหลังผ่าตัดกลับไม่สวยหรูโดยพบอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนและการตายที่เพิ่มขึ้น จากปัญหาที่เกิดขึ้นนำไปสู่การใช้ endovascular stent graft มาซ่อมแซมหลอดเลือดที่เสียหายจากโรค (aortic aneurysm) ซึ่งเรียกโดยรวมว่า endovascular aortic aneurysm (EVAR) โดยใช้เทคนิคการสวนหัวใจ (cardiac catheterization) โดยพบว่าแก้ไขได้สำเร็จ 97% และพบภาวะแทรกซ้อนและอัตราการตายหลังผ่าตัดลดลงกว่าเทคนิค open heart surgery หลังวิทยากรพูดจบก็มีการอภิปรายซักถามกันและได้เสนอให้ศัลยแพทย์ผ่าตัดหัวใจควรได้รับการเรียนรู้และฝึกฝน cardiac catherization technology ร่วมด้วยเพื่อให้การแก้ไข aortic aneurysm ได้ผลดีที่สุด ไม่แค่ระหว่างผ่าตัดเท่านั้นแต่รวมถึงผลหลังผ่าตัดที่ต้องไปด้วยกันจึงจะทำให้ผู้ป่วยและญาติมีรอยยิ้มตามมาด้วยเสียงหัวเราะในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถือเป็นกำลังใจอันสำคัญยิ่งสำหรับบุคคลากรที่ร่วมด้วยช่วยกันในการรักษารวมทั้งนักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอกด้วยค่ะ
Mini bypass circuit
Mini invasive cardiac surgery
เป็นเทคนิคการผ่าตัดแผลเล็กร่วมกับการใช้เครื่องหัวและปอดเทียมร่วมด้วยซึ่งใช้สำหรับการผ่าตัด aortic valve diseases โดยหลักการก็คือ drain เลือดดำที่คอและนำเลือดแดงที่ฟอกแล้วกลับทางเส้นเลือดแดงที่ขาหนีบ โดยแผลผ่าตัดจะสั้นเพียง 2 cm. ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดและอยู่รักษาใน ICU น้อยกว่าวิธีเดิม แต่ยังไม่สามารถทำในโรคหัวใจชนิดอื่นได้......................เทคนิคนี้ยังมีแนวโน้มว่าจะพัฒนาต่อไปได้อีกและก็ขอชื่นชมค่ะ
ส่วนอีก 2 หัวข้อที่เหลือเป็นความรู้พื้นฐานซึ่งสามารถหาอ่านได้ตาม standard text book ค่ะ ดังนั้นจะขออภัยล่วงหน้าถ้าขอให้ท่านผุ้อ่านที่สนใจศึกษาเองนะคะ
ความก้าวหน้าของวิทยาการผ่าตัดหัวใจยังคงมีเรื่องราวให้ตื่นตา ตื่นใจ ตื่นปัญญาและชวนติดตาม........................ขอขอบคุณวิทยากรทุกท่านที่ได้พยายามสรรค์สร้างวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อให้คุณภาพชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันดีขึ้น.................ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณ อาจารย์วัชรามากนะคะ ที่นำความรู้จากการที่ได้รับโอกาสเข้าร่วมประชุมวิชาการมาแบ่งปัน
ยิ่งบันทึกบน Blog ด้วยแล้ว ยิ่งคุ้มค่าเพราะความรู้ย่อมแพร่กระจายได้กว้างขวางไม่มีขีดจำกัด
" Life asks of every individual a contribution and it is up to that individual to discover what it should be "
ขอบคุณมากสำหรับความรู้ที่ได้รับค่ะ
สวัสดีครับอ.วัชรา ความรู้ที่อ.ได้รับมาดีมากเลยครับ ผมได้อ่านแล้ว
ประสบการณ์ที่อ.ได้มาถือว่าคุ้มค่ามากครับที่อ.ได้มาแบ่งบันให้ผู้สนใจได้รับทราบ
ไปหา EVAR มาเรียบร้อยแล้วนะค่ะ ส่วนที่ว่าทำไมต้องทำ left atrail femoral bypass นี่ยัง งงๆอยู่ค่ะ ที่ทราบๆก็คือว่าเพื่อป้องกันมิให้เกิด acute obstruction ต่อเวนตริเคิลซ้ายขณะที่ cross clamp aorta อยู่ และสามารถควบคุมไม่ให้ความดันโลหิตในส่วนต้นของเอออร์ต้าและของหลอดเลือดไปสมองสูงเกินควร แต่ไม่แน่ใจว่าการทำ การผ่าตัดแก้ไข aneurysm ต้องทำ left atrail femoral bypass ทุกครั้งหรือเปล่าค่ะ