เมื่อวันที่ 14 กพ.50 รู้สึกไม่สบายค่ะ
แต่ก็ยังนึกว่าคงไม่มากเลยใช้วิชาความรู้(แค่หางอึ่ง)รักษาตัวเองไปก่อนด้วย
tylenol คู่กายค่ะ
<p>
หลังจากเฝ้ารับแขกช่วยพ่อครูบาผ่านblog
แล้วคืนนั้นก้อหลับสนิทเลยค่ะ
เช้าวันที่
15 กพ. 50 ก็ไปทำงานด้วยอาการ สะโหลสะเหล แต่เพราะมีประชุมเช้า
ไม่อยากขาดประชุมค่ะ ทั้งๆที่ยังมีไข้อยู่
และเริ่มมีอาการไอแห้งๆ ไอจนเจ็บหน้าอกค่ะ
พอเสร็จประชุมจึงโลดลิ่วไปพบแพทย์ที่ศูนย์บริการทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัย
เพราะใกล้ๆนี่เอง ได้ยามาหลายขนานเชียว</p>
<div style="text-align: center"></div>
แต่พอช่วงเย็นหลังเลิกงาน ทราบมาจากคุณแผ่นดิน อีกว่า จะชวนเข้าป่า
เอ๊ย ไม่ใช่ๆ จะชวนไปบ้านเม็กดำ
สืบเนื่องมากจากที่หนิงได้เสนอในที่ประชุมเมื่อเช้าเกี่ยวกับค่ายคุณธรรมนำชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง(ชื่อย๊าววยาว
จำได้หมดมั๊ยเนี่ย..)
ซึ่งหนิงก็เสนอพื้นที่ บ้านเม็กดำไว้
จึงจะชวนไปหาข้อมูลมานำเสนอ ผู้บริหารในวันจันทร์
โดยงานนี้มีทีมออกไปหาข้อมูลพื้นที่ ทั้งหมด 3 ทีม
เราก็เป็นหนึ่งในนั้น
ทั้งที่ไม่มีเสียงก็รีบตอบตกลงเลยค่ะ เพราะ
หนิงเป็นลูกสาวพ่อครูบา สุทธินันท์
ปรัชญพฤทธิ์ ค่ะ ปฏิเสธเรื่องดีดีไม่ได้
อิอิ
ออกจากที่ทำงานจึงแวะไปคลีนิคค่ะ คุณหมอขา พี่ไม่สบายค่ะ
เป็นไข้
ได้ยากินแล้วแต่พรุ่งนี้พี่ต้องเดินทางไกลค่ะ(ที่จริงไม่ไกลหรอก
อิอิ) คุณหมอกรุณาดูอาการพี่หน่อยนะคะว่าจะไหวป่าว
ตรวจอีกรอบคุณหมอบอกว่า
พี่เป็นคออักเสบนะคะ คอแดงมากเลย แต่ได้ยาแล้วไม่เป็นไรหรอกค่ะ
แค่ไข้สูง เอางี้หมอฉีดยาลดไข้ให้อีกแล้วกัน
ชะอุ๊ย...โดนจนได้ นานมาแล้วที่ไม่เจอเข็ม 555
แต่ที่ติดใจไม่ใช่ยาฉีดหรอกค่ะ
ซองยาค่ะ
เห็นซองยามั๊ยคะ
เดี๋ยวนี้ใช้สีน้ำตาลเข้มกันด้วย
คุณๆคิดอย่างไรกับซองยาสีน้ำตาลเข้มแบบนี้ค่ะ
ตัวเองไม่ได้อยู่ในแวดวงการรักษาพยาบาลมานานแล้ว
แต่พอจะทราบว่า ยาบางตัวอาจจะเสื่อมได้ถ้าโดนแสง
ถ้าจัดเก็บในสถานพยาบาลก็ไปอย่าง เช่น
เคยเห็นเก็บในขวดสีชา ค่ะ
แต่ก็ยังงงๆนะคะว่า กับการจ่ายยามาให้ขนานละ ไม่เกิน 5-7
วันนี้ ยาจะเสื่อมได้ไวขนาดนั้นเชียวหรอคะ
ด้วยความสงสัยจึงถามเภสัชกร
น้องเขาให้คำตอบเช่นที่เข้าใจค่ะว่า ป้องกันยาเสื่อสลายเมื่อโดนแสง
ตัวเองจึงสงสัยต่อไปอีกว่า
แล้วทำแบบนี้นี่สะดวกกับการใช้งานหรอคะ
ก่อนทำนี่มีการวิจัยหรือสอบถามความคิดเห็นผู้ใช้บริการหรือป่าว
เภสัชกร : มีงานวิจัยรองรับนะคะ
และโรงพยาบาลไหนทำ HA
ก็จะมีซองยาแบบนี้แหละค่ะ
ตัวเองก็คิดตามไป อืมมม งานวิจัยรองรับ งานวิจัยในห้องLAB
นั่นแหละ
แต่จริงๆจากประสบการณ์ของตนเอง
และยังได้สอบถามน้องๆที่รู้จัก
เกี่ยวกับการใช้ยาของชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
ส่วนมากจะไม่อ่านหน้าซองว่ายาอะไร
แต่จะจำว่าเม็ดสีอะไร กินตอนไหน
แบบนี้กว่าจะเห็นว่า
ซองไหนยาสีอะไรก็ต้องเปิดซองเทออกมาก่อนสิคะเนี่ย...
คุณDSS@MSU ( หนิง ) นี่เป็นเจ้าแม่ละเอียดจริง ๆ
พี่ก็ไม่เคยคิดนะเนี่ยว่าจริง ๆ ผู้สูงอายุจะดูว่ายาเม็ดสีอะไร จึงถามแม่(ซึ่งมียาเป็นขนม เช้า กลางวัน เย็น) ว่าแม่จัดยาอย่างไร เพราะมียาหลายตัวที่ต้องเก็บไว้ไม่ให้โดนแสง
แม่บอกว่าแม่จัดยาใส่กล่องแยกเป็นช่อง ๆ เช้า กลางวัน เย็น (ซึ่งมีอยู่ 2 อัน) แล้วไม่ได้กันแสงด้วย ไม่รู้แบบนี้จะเป็นไรไหมหนอ
ได้โทรถามเภสัชกรร้านยาว่า ยาที่ให้เก็บพ้นแสง ถ้าโดนแสงจะเป็นอะไรไหม แล้วแสงที่ว่าเป็นแสงลักษณะใด
ได้รับคำตอบว่า ยาทุกกชนิดนั้นไม่ควรจะโดยแสงแดด เพราะอาจทำให้ยาเสื่อมคุณภาพได้ ดังนั้นวิธีการป้องกันอันดับแรกจึงใช้ซองที่เป็นลักษณะซองสีน้ำตาล
และได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
ยาโดยทั่วไปมักจะระบุไว้ว่า “เก็บที่อุณหภูมิห้อง” คือ ประมาณ 25 องศาเซลเซียสยาที่ระบุไว้ว่า “เก็บในที่เย็น” คือ เก็บที่อุณหภูมิ 2 - 8 องศาเซลเซียสให้เก็บไว้ในช่องธรรมดาของตู้เย็น ห้ามนำไปเก็บไว้ในช่องทำน้ำแข็งและไม่ควรเก็บไว้ที่ประตูของตู้เย็น การเก็บยาเนื่องจากยาแต่ละชนิดมีความคงตัวที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการเก็บรักษาจะส่งผลโดยตรงต่ออายุของยายาบางอย่างถึงแม้จะมีตัวยาชนิดเดียวกันแต่หากยาผลิตอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างกันความคงตัวของยาก็จะแตกต่างกันยาน้ำจะมีอายุประมาณ 1 ปี ยาเม็ดจะมีอายุประมาณ 3 ปี วิธีการเก็บรักษายาพี่อึ่งอ๊อบขา Miss somporn poungpratoom
จริงด้วย อิอิ
ขอให้หายไวๆนะคะ...
สังเกตพฤติกรรมจากแม่ตัวเองเหมือนกันพบว่าเขาจะจำสีมากกว่าจำชื่อหรือดูซองยา...อย่างวิตามินบีบางที่สีเหลืองบางที่สีชมพูก็จะงอนกันเรื่องสีกับแม่และเรื่องตลับแบ่งยาแม่ก็จะแบ่งเป็นกล่องก่อนกินข้าวชุดหนึ่งกับกล่องหลังกินข้าว..เป็นเทคนิคที่แม่ใช้แต่ถามว่าสีซองที่ใส่ยาแม่สนใจไหมแม่บอกว่าเฉยๆ..แต่อยากให้เภสัชเขียนหนังสือตัวโตๆให้เห็นชัดว่าเป็นยากินก่อนหรือหลังอาหารและตัวเลขเม็ดยาเขียนให้ชัดเจนจะดีมากๆค่ะ
บางอย่างใช้งานได้จริง บางอย่างใช้ได้ไม่จริง แต่บางอย่างต้องทำเพราะเกิดขึ้นจริง อย่างเช่น ยาฉีดบางชนิดเมื่อเจือจางแล้วจะมีความคงตัวเมื่อสัมผัสกับแสง ไม่ว่าจะแสงหลอดนีออน หรือแสงขาว หรือแสงธรรมชาติครับ ดังนั้นต้องรีบให้คนไข้ ไม่เช่นนั้นแค่ 4 ชั่วโมง ยาจะสลายตัวไปถึง 10-30 เปอร์เซนทีเดียวครับ ดังนั้นขอความเห็นใจแก่ผู้เกี่ยวข้องด้วยครับ ขอบคุณครับ