ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา มีบางสิ่งบางอย่างที่เกิดปมขึ้นในใจของผม จากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของกิจการหลายๆแห่งในจังหวัดเรื่องของลูกจ้าง เสียงหนึ่งที่ตอกย้ำกลับมากับคำถามในวงสนทนาคือคุณธรรมของพนักงานและเด็กรุ่นใหม่ลดลง หลากหลายปัญหาในสถานประกอบการทั้งการฉ้อโกง ทักษะฝีมือ รวมถึงปัญหาชู้สาวในสถานประกอบการถึงกับมีเสียงสะท้อนออกมาเลยว่า "ถ้ามันมีอะไรกันในโรงงานได้ มันทำไปแล้ว" สะอึกเหมือนกันนะกับคำๆนี้
แค่นี้ก็กลุ้มแทนแล้วครับ ไม่พออีกนะ เมื่อไม่กี่วันมานี่ผมได้มีโอกาสไปเสนอหน้าในงานอบรมเด็กชั้นประถมสิ่งหนึ่งที่ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยกับสิ่งที่ครูพูดกับเด็กนักเรียนของตัวเองมันแสดงถึงรากเห้าของปัญหาที่เกิดขึ้นก็ว่าได้
เด็กนักเรียนคนนั้นเข้าร่วมทำกิจกรรมและอยากจะกลับไปทำให้ที่บ้านดู จึงเอ่ยปากบอกครูว่าขากลับขอแวะซื้อของหน่อย แทนที่ครูจะอนุญาติกลับบอกเด็กว่าไม่ได้!!!!!!! เว้นแต่ว่าเธอจะซื้อของแล้วให้ครู นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยกันหรือครับนี่
ข่าวหน้าหนึ่งพาดหัวข่าวตัวโต๊โต เด็กวิศวะปล้นเพื่อเอาเงินไปเที่ยวกับแฟนวันวาเลนไทน์ นศ. โดดตึกฆ่าตัวตาย สังคมไทยสอนอะไรให้กับเด็กเยาวชนที่เฝ้าพร่ำเพ้อว่าเป็นอนาคตของชาติ อนาคตที่คนสร้างและกำลังทำลายเองใช่หรือไม่
การเรียนการสอนที่สร้างให้เด็กรู้จักแต่แข่งขัน ยกย่องเด็กที่เก่งแทนที่จะยกย่องเด็กที่มีการพัฒนาตัวเองขึ้นมา สอนให้เปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นที่เก่งกว่ากดดันจนเด็กเครียด การเรียนที่แยกเด็กออกจากชีวิตความเป็นเข้าสู่บทเรียนที่สมมติขึ้นมาเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำงานของตัวเอง โดยไม่หันกลับไปมองในอดีตว่าเป็นอย่างไรมาก่อนบ้าง จนเด็กในสมัยนี้ไม่สามารถที่จะคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองได้ หรือแม้กระทั่งการที่จะประยุกต์เอาสิ่งที่ตนเองเรียนมาปรับใช้กับการดำรงชีวิต น่าสงสาร!!!!
ในขณะเดียวกันผู้สอนก็มองแต่ความสุขสบายของตนเอง มองความก้าวหน้าเป็นหลัก ไม่ค่อยให้ความสนใจกับสิ่งที่ตนเองต้องรับผิดชอบ ผู้ปกครองก็มีแต่เวลาในการทำงานไม่มีเวลาที่จะช่วยคัดท้ายให้เด็กเดินไปในหนทางที่ควรจะเป็น
นึกไปข้างหน้าแล้วอย่างนี้ถ้าเกิดแต่งงานแล้วมีลูกจะให้ลูกเรียนดีไหมนี่ ใครมีคำตอบช่วยบอกหน่อยเถอะครับ ......................