เช้านี้ตื่นมา ตามอ่านและเขียนต่อยอดความรู้ความคิดให้หลายบันทึก จากหลาย Blog ที่ชื่นชอบ แล้วก็พลันสะดุด ต้องหยุดอ่านเรื่องดีๆจากบันทึกของคนเก่ง คนดี ท่านหนึ่ง เหตุก็เพราะเสียงเพลงที่คลอเป็น Background ตลอดเวลานั่นเอง .. ปิดเสียงแล้วจึงอ่านต่อรู้เรื่องครับ จึงมีข้อคิดอาจผิดๆถูกๆมาฝากท่านดังนี้ ..
เรียนอาจารย์ Handy
ครูอ้อยจึงยังคงอะไรแบบ " ขอให้เหมือนเดิมค่ะ "
แต่บางบล็อกของครูอ้อยก็ตัดเพลงออกแล้วนะคะ
มีความเห็นว่า
แต่ทั้งหมดนี้เราสามารถปิดเพลงลงได้ไม่ใช่หรือครับ หากไม่ชอบก็ปิด ผมเองก็ปิดครับ
มีความเห็นว่า
* เพลงทำให้สมองแจ่มใส
* ควรเลือกเพลงที่ฟังสบาย ๆ ดนตรีเบา ๆ ก็ดีนะคะ
* มีเพลงที่ให้ข้อคิดควรเปิดให้วัยรุ่นฟังบ่อย ๆ
เขาจะจำได้โดยไม่ตั้งใจ และอาจจะชอบก็ได้
เห็นด้วยคะ แต่อย่าง blog ของหนู อิอิ..หนูใส่เพลงซะ 555...ไม่อยากจะพูดคะ...คิก ๆ
จริง ๆ แล้วในการออกแบบ Website ก็มี comment นึงที่กล่าวถึง ว่าไม่ควรใส่เสียงเพลงใน web เช่นเดียวกันคะ
แต่สำหรับนิว ๆ ใส่เพื่อเพิ่มสีสันให้กับรสชาดของชีวิต (ตัวเองคะ) คะ คิก ๆ แต่ทั้งนี้ก็เปิดช่องไว้ให้ผู้อ่านสามารถปิดเสียงได้ด้วยคะ....แหะ ๆ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดี ๆ นะคะ..สวัสดีค๊า.....
ลองดู blog ที่ใส่เสียง ....เชิญรับชมได้ที่ http://gotoknow.org/blog/panarat
ปวดหัวกับนิวจริง ๆ เลยใช่ไหมคะ อิอิ...
จริง ๆ แล้วก็แล้วแต่มุมมองที่จะคิด
คนเราเกิดมาหน้าตายังไม่เหมือนกันเลย แล้วจะให้ระบบความคิดเหมือนกันได้อย่างไร จริงมั๊ย ??
ใช้วิธีปิดเสียงเช่นเดียวกันค่ะ ชอบอ่านแบบเงียบๆมากกว่า นอกจากจะอ่านพบว่าใครชมเรื่องเพลงจึงจะเปิดฟังดู แต่จำได้ว่ามีน้อยมากค่ะ
จะพยายามยอมรับในตัวตน ความชอบที่แตกต่างค่ะ GotoKnow ให้เครื่องไม้เครื่องมือเราเยอะมาก คนที่ใช้ได้คุ้มค่าก็น่าจะได้รับความชื่นชมนะคะ เป็นการเปิดโลกในใจของเราไปด้วยว่า แต่ละคนมีความแตกต่างหลากหลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ GotoKnow ทำให้เราได้รู้จักคนง่ายขึ้นมากจากสิ่งที่เขาเลือกมาตกแต่งและใช้ประกอบบล็อกด้วยนะคะ
ขอบคุณ พี่ชายที่เปิดประเด็นเรื่องนี้ค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าคนอื่นคิดอย่างไรค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นครับ
จะต่างจะเหมือนกันหรือไม่ มิไช่ปัญหา ต่างความคิด ต่างจิต ต่างใจ เป็นเรื่องธรรมดา การยอมรับความแตกต่างเป็นศิลปะของการดำเนินชีวิตครับ คงจะเซ็งไม่น้อยหากทุกคนในโลกมีอะไรเหมือนกันหมด ผมคนหนึ่งล่ะ ไม่ชอบแน่นอน
แต่ .. แต่ .. แต่ ถ้าเป็นการสร้างสรรค์อะไรเพื่อนำสู่สาธารณะ และมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าทำไปเพื่อประโยชน์อันใด ก็ขอให้เรียนรู้ศาสตร์ที่เกี่ยวข้องบ้าง ตามความจำเป็น เพื่อให้สิ่งที่เรานำเสนอได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย จะเอาความพอใจของผู้ผลิตเป็นตัวตั้งคงไม่เหมาะครับ แม้แต่จะถามว่า เขาชอบอย่างไร แล้วหลับหูหลับตาทำเพื่อสนองความชอบ ก็อาจ เข้าป่า ได้ง่ายๆเหมือนกันครับ โปรดระวัง
บางทีก็เพลินกับการฟังเพลงค่ะ แต่บางทีกลายเป็นขาดสมาธิในการอ่านไปจริง ๆ ด้วยค่ะ
ผมเห็นด้วยครับ...
เป็นการทำลายอรรถรสในการอ่าน...
ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ครับ...
เนื้อหาของเพลงทำให้เราต้องคิดตามเพลง...
เป็นการทำลายประสิทธิภาพในการอ่านครับ...
แต่ถ้าอยากให้บล็อกมีลูกเล่นเป็นสีสัน...
ใช้เพลงบรรเลงน่าจะดีกว่านะครับ...
สวัสดีค่ะ อาจารย์ Handy
ไม่ใส่เพลงก็ได้ มีแต่คนไม่ชอบ ไม่ใส่ก็ได้ ฮือ ๆ
สวัสดีค่ะ
ดิฉันว่าการใส่เพลงมีผลดีต่อการทำงาน มีสีสรรค์มากค่ะ และที่สำคัญไม่เครียสด้วยค่ะ ดิฉันเป็นคนชอบฟังเพลงค่ะเวลาทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพลงมันทำให้ผ่อนคลายมาบ้างค่ะ และทางที่ดีควรนำเพลงแนวสบายๆ มาใส่ไว้ค่ะ จะได้สบายหูด้วยและทำงานไม่เครียสด้วยค่ะ
ด้วยความเคารพอยู่สูง
ภาวิณี ICT-102
คุณภาวิณีพิมพ์ผิด 3 ที่ครับ
ดิฉันว่าการใส่เพลงมีผลดีต่อการทำงาน มี สีสรรค์มากค่ะ และที่สำคัญไม่ เครียส ด้วยค่ะ ดิฉันเป็นคนชอบฟังเพลงค่ะเวลาทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพลงมันทำให้ผ่อนคลายมาบ้างค่ะ และทางที่ดีควรนำเพลงแนวสบายๆ มาใส่ไว้ค่ะ จะได้สบายหูด้วยและทำงานไม่ เครียส ด้วยค่ะ
ขอบคุณอาจารย์สำหรับคำแนะนำดีๆ ค่ะ ซึ่งมีประโยชน์มาก
เพราะคิดว่าการใส่เพลงควรจะมีตอนต้นก่อนเริ่มเรื่องก็น่าจะดี แต่ไม่ควรยาวมากทำให้ไปรบกวนตอนอ่านข้อความจากบันทึก ซึ่งก็ไม่ชอบอาจจะทำให้เสียสมาธิในการอ่านได้ค่ะ
ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ครับ ผมเคยบอกลูกว่าเวลาทำการบ้านควรปิด tv และวิทยุ ก็คือให้ใจจดจ่ออยู่ในสิ่งที่กระทำนั่นเอง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ เพราะลูกผมทำการบ้านไป ฟังเพลงฮิพฮอพไปด้วย ผมมาคิดอีกทีหรือว่าคนเราบางคนสามารถแยกแยะ หรือทำอะไหลายอย่างได้ในขณะเดียวกัน และสำหรับผมชอบและเนื้อเพลงบางเพลงคิดตามแล้วปวดหัวครับอาจารย์
ผมเชื่อว่าคนที่นำเพลงมาใส่ใน blog คงไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้การอ่านบันทึกเสียอรรถรสหรอกครับ แต่คงไม่ทันได้คิดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อคนอ่านบันทึกของเขา
* ขณะที่เรียนรู้ว่าใส่เพลงใน blog ได้ ก็ดีใจ ตั้งใจเรียนรู้วิธีการ แล้วลงมือปฏิบัติ เกิดความภาคภูมิใจเมื่อโหลดเพลงสำเร็จ
* เจ้าของ blog เลือกเพลงที่ตนชอบ แต่ลืมไปว่า คนที่เข้ามาอ่านจะชอบได้ด้วยกับเราหรือเปล่า?
* หากคนที่เข้ามาอ่านไม่ชอบเพลง ความคิดดีๆ ที่บรรจงเขียนใน blog อาจถูกมองข้าม เพราะไม่อยากเข้ามาฟังเพลงก็เป็นได้
สรุปคือ รู้สึกเห็นด้วยกับอาจารย์ Handy หากการโหลดเพลงลง blog เป็นสร้างความยุ่งยากให้กับนักท่อง blog เพราะมันเหมือนการที่เจ้าของ blog บังคับให้เราต้องฟังเพลงไปโดยปริยาย ครับผม
สวัสดีตอนเย็นครับอาจารย์
ในความคิดเห็นของผมนะครับ ถ้าเป็นเรื่องที่สำคัญ ก็ไม่ควรใส่เพลงครับ เพราะเป็นการรบกวนการรับรู้ข่าวสาร แต่ถ้าเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป ไม่เน้นสาระสำคัญมากก็สามารถใส่เพลงบรรเลงได้ครับ แต่เปิดคลอเบา ๆ ก็น่าจะเหมาะสมนะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์พินิจ พันธ์ชื่น ค่ะ
ดิฉันมีความเห็นว่า
ดิฉันเห็นด้วยกับการมีเสียงเพลงซ่อนอยู่ใน Background ดิฉันคิดว่ามีความรู้สึกดีนะค่ะที่ได้ยินเสียง แต่ก็ต้องดูด้วยว่า เป็นเสียงแบบไหนให้ความรู้สึกเป็นอย่างไร และเหมาะสมกับสื่งที่เค้าได้ใส่ลงไปในเนื่อหา และเกี่ยวข้องเหมาะสมกับเนื่อหานั้นหรือไม่
สำหรับตัวดิฉันเองคิดว่าดีค่ะเพราะว่าตัวดิฉันเป็นคนชอบเสียงเพลงและอย่างอย่างหนึ่งดิฉันยิ้มเก่งค่ะ เสียงเพลงเลยเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันและลูก ๆ ของดิฉันมีความสุขได้ค่ะ
ของคุณค่ะ
นางสราพร กรอบมุข
3 มิถุนายน 2550
พี่สาวดิฉันชอบมาอ่าน blog เพื่อฟังเพลงไปด้วยค่ะ
ดิฉันก็เห็นด้วยว่าถ้า blog วิชาการไม่ใส่เพลงก็ดีค่ะ
เพราะต้องมีสมาธิในการอ่าน
เข้ามาเสริมอีกค่ะ...ตั้งแต่ตัดเพลงออกไป...เปิดบันทึกได้เร็วขึ้นมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เรียนอ. พินิจที่เคารพ
ดิฉันคิดว่าการใส่เพลงลงในBlog ไม่ดีเลยค่ะเพราะการอ่านต้องใช้สมาธิเป็นอย่างยิ่ง ถ้ามีสิ่งแปลกปลอมมารบกวนการอ่านทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง บางทีกลายเป็นความรำคาญและหงุดหงิดได้ในที่สุดค่ะ
ขอบคุณค่ะ
พรรณี ศักดิ์ทอง
ปกติเป็นคนชอบเสียงเพลงมาก ๆ แต่ถ้าทำงานที่ต้องใช้สมาธิจะอยู่เงียบ ๆ ใช้วิธีการปิดเสียงทุกอย่างถ้าจะทำงานคะ ยกเว้นตอนทำงานที่มีคนพลุกพล่านวิธีการที่ดีที่สุดคือ เปิดเพลงฟังโดยใช้หูฟัง วิธีนี้คนรอบข้างก็ไม่กล้ารบกวนแล้วละคะ
ทดสอบทางเข้าของการรับรู้แบบง่ายๆ ลองดูภาพยนต์ที่เสียงภาคไม่ตรงกับปากสิ น่ารำคาญ หรือ น่าหงุดหงิดแค่ไหน ข้อมุลภาพวิ่งเข้าตาไปสู่สมองแล้ว สมองคิดต่อไปเลยว่าต้องมีเสียงประมาณนี้เป็นตัวประกอบ ยกตัวอย่างเช่น แก้งหล่นแตก ภาพมองเห็นแก้วหล่น เสียงแตกต้องดังตอนที่แก้วตกพื้นพอดี
ถ้าสิ่งที่นำเสนอ มันคนละเรื่อง หรือ ไม่ได้จังหวะในการสื่อสาร การสื่อสาร ก็จะเสียสมรรถนะการ"สื่อ" ไปอย่างน่าเสียดายทีเดียว