ใครคือ "ครู" แพทย์?


ถ้าจะ monopolize ว่า จะเรียนแพทย์ ต้องเรียนจากแพทย์เท่านั้น ผมว่าเราจะลำบากมากเลยทีเดียว

เร็วๆนี้มีการอภิปรายเรื่องสมควรให้พยาบาลสอนการแทง IV แก่นักศึกษาแพทย์หรือไม่ มีคนให้ความเห็นว่า แม้ว่าพยาบาลจะทำเก่งกว่าหมอก็ตาม น่าจะให้แพทย์เป็นคนสอนจะดีกว่า

ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

ตอนแรกตั้งชื่อว่า "ใครคืออาจารย์แพทย์" แต่แล้วรู้สึกว่าคำว่า "อาจารย์แพทย์" นี่เป็นคำเฉพาะไปเสียแล้ว คนจะนึกถึงหมอที่อยูในคณะแพทยศาสตร์ ไม่สื่อสิ่งที่คิด เพราะต้องการจะถามว่า "ใครคือคนสอนแพทย์" หรืออีกแบบหนึ่งคือ "แพทย์เรียนจากใคร?" ก็เลยเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ใครคือ "ครู" แพทย์ แทน

ผมเองยังไม่ clear กับ concept หรือที่มาของ แม้ว่าพยาบาลจะทำเก่งกว่าหมอก็ตาม น่าจะให้แพทย์เป็นคนสอนจะดีกว่า เท่าไรนัก เลียบๆเคียงๆถามก็ยังไม่ได้คำตอบ จะลองใช้วิธีเดา น่าจะเป็นเพราะเขาคิดว่าคนสอนต้องรับผิดชอบ หากเกิดอะไรขึ้น ทีนี้หมอมักจะเป็นจำเลยที่หนึ่งเวลามีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว ก็น่าจะทำเองซะดีกว่า

แต่เหตุผลนี้ก็ยังฟังดูแปลกๆอยู่ดี

การที่หมอเป็นคนรับผิดชอบนั้น เป็นคนละเรื่องกับการที่เราต้องเป็นผู้ลงมือกระทำเอง ที่จริงมีงานอีกบานตะไทที่สุดท้ายหมอเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ไม่ได้ทำเอง เช่น การทำบัญชี การสั่งพัศดุภัณฑ์ทั้งหมด office management ฯลฯ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นภายใต้รั้วโรงพยาบาล มักจะ trace back ไปหา ผอ.โรงพยาบาลได้ แต่เราไม่ได้ตามไปทำเองทั้งหมดแน่ๆ

เคยได้ยินสุภาษิตอันหนึ่งว่า "ผู้สำเร็จก่อน ย่อมเป็นครู" ของไทยเราก็มี "อาบน้ำร้อนมาก่อน" (ไม่รู้ว่าทำไมต้องน้ำร้อนด้วย บ้านเราก็ร้อนอยู่แล้ว) การจะสอนใครสักคนหนึ่งเป็นกิจกรรมที่เกือบๆจะ "ศักดิ์สิทธิ์" ทีเดียว เราถึงได้มีพิธีไหว้ครูกันเป็นพิเศษ และครูก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่นับเป็น professional หรือ "อาชีวปฎิญาน" ไม่ใช่แค่ occupational เฉยๆ

กลุ่มอาชีพที่ว่านี้ ดั้งเดิมมาจากคำ profess หรือ ferati เป็นการ "ประกาศว่าเชื่อในหลักการอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งปวารณนาตัวว่าจะดำเนินชีวิตภายใต้หลักการนั้นๆตลอดไป" กลุ่มแรกที่ทำอย่างนี้ (สาบาน ปวารณาตัว) คือพวกนักบวชนั่นเอง ภายหลังมีอาชีพที่มีความสำคัญต่อชุมชน สังคม และต้องมี code of conduct และมาตรฐานจรรยาบรรณสูงเป็นพิเศษ ได้แก่ หมอ หมอความ และครู ต่อมาก็พวกตำรวจ ทหาร ลักษณะร่วมของอาชีพเหล่านี้คือตอนฝึกจบต้องประกาศตนในหลักการอันศักดิ์สิทธิ์แห่งวิชาชีพว่าจะยึดถือตลอดไป

จะเป็นครูนั้นต้อง "รู้มาก่อน" ทั้งนี้อาจจะโดยรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ได้ เช่น ชาวนารู้วิธีปลูกข้าว นักเรียนแพทย์จะปลูกข้าว ก็ต้องไปนับชาวนาเป็นครู ไปเรียนกับเขา ประเด็นนี้ก็คือ จะเป็นนักเรียนแพทย์นั้น จะต้องเรียนเรื่องอะไรบ้างล่ะ จะได้ไปหา "ครู" ได้ถูก

ปรากฏว่านอกเหนือจาก medical contents แล้ว เรายังต้องเรียนการทำแผล ฉีดยา คุยกับชาวบ้าน เข้าใจในวัฒนธรรม ความเชื่อ ปรับตัวเข้ากับภาษา ประเพณีท้องถิ่น ฯลฯ อีกมากมาย ใครจะเป็น "ครู" ในรายวิชา ในความรู้เหล่านี้?

แพทย์นั้นเป็นบัณฑิตที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว (andragogy) ในระดับอุดมศึกษานั้น รายวิชาจะประกอบด้วยสิ่งที่เป็น self-directed learning อยู่มาก จะมีพวกบรรยายลดลง มีปฏิบัติมากขึ้น นักศึกษาควรจะต้องเรียนทุกขณะจิต เรียนจากเพื่อน เรียนจากน้อง เรียนจากพี่ จากอาจารย์ และรวมทั้งจากพยาบาล จากเภสัช จากทันต ฯลฯ เพราะงานของเรานั้นกว้างขวางมาก

ถ้าจะ monopolize ว่า จะเรียนแพทย์ ต้องเรียนจากแพทย์เท่านั้น ผมว่าเราจะลำบากมากเลยทีเดียว

คำสำคัญ (Tags): #ครู#แพทย์#พยาบาล
หมายเลขบันทึก: 78972เขียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2007 12:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

การปฏิบัติอะไรสักอย่างจนเกิดความชำนาญ จนเกิดความรู้ฝังลึก สิ่งที่เราจะขอเรียนสิ่งนั้นจากคนผู้นั้น คือการเรียนสิ่งที่เป็นความรู้สึกฝังลึก หรือเคล็ดวิชาที่คนผู้นั้นมี เพื่อนำมาประกอบกับความรู้ที่ตนมีอยู่แล้ว จึงยิ่งพัฒนาเป็นความรู้ หรือทักษะ ที่ดีขึ้น

หลายครั้งที่การเรียนรู้ถูกจำกัด ด้วยคำว่า ศักดิ์ศรี เพราะความแตกต่างกันซึ่ง เพศ ฐานะ ตำแหน่ง วัยวุฒิ คุณวุฒิ (ขอประทานโทษหากใช้คำพูดที่แรงไป ^_^) นั่นจึงทำให้ต้องสูญโอกาส ที่จะได้เรียนรู้ และ พัฒนาตนเอง

คิดว่า..ในความเป็นจริงแล้ว คำว่า "ความรับผิดชอบ" น่าจะเป็นเพียงคำอ้าง ที่นำมาใช้เป็นเหตุผล เพื่อให้ฟังดูแล้วรู้สึกดีเท่านั้น แต่เหตุผลที่แท้จริง.. อาจจะมาจากความรู้สึกที่เกี่ยวพันถึง "ศักดิ์ศรี" และ self ของผู้เรียนมากกว่า

มีหลายครั้งในชีวิตของการเรียนรู้  หากเราถือว่า ผู้รู้คือ "ครู" โดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ แบ่งวุฒิการศึกษากัน เราก็ได้จะได้เรียนรู้มากมายจากโลกกว้าง

แม้แต่ตัวพยาบาลเอง ก็มีบ่อยครั้ง ที่ขอเรียนรู้จากญาติคนไข้ ซึ่งมีภูมิปัญหาพื้นบ้านหลายอย่าง เข้ามาให้ศึกษาเรียนรู้  ญาติคนไข้บางคนจบแค่ ป.4 ป.6 แต่สามารถดูแลคนไข้ CVA ได้เป็นอย่างดี  รู้เทคนิคการเช็ดตัว การพลิกตะแคงตัว ตลอดจนการสังเกตและแปลอารมณ์จากสีหน้าของคนไข้

บางคน ทำ CAPD อย่างชำนาญ  ในขณะที่พยาบาล แม้เรียนรู้ทฤษฏีมา แต่นานๆจะมีคนไข้มาให้ทำสักครั้ง การที่จะให้ญาติคนไข้ ซึ่งดูแลคนไข้และทำมาจนแคล่วคล่อง จนมีเทคนิคดีๆและปลอดภัย มาช่วยสอนให้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย มิหนำซ้ำยังมีข้อดี คือการสร้างสัมพันธภาพและความรู้สึกที่ดีต่อกันอีกด้วย เพราะญาติคนไข้ก็รู้สึกภูมิใจ

ว่าไปแล้ว.. บนวอร์ดก็มักมีน้อง นศพ. มาขอเคส การเจาะเลือด การแทงน้ำเกลือ การใส่สาย NG และการสวนปัสสาวะ อยู่บ่อยค่ะ  ซึ่งถ้ามีเวลา (ส่วนใหญ่ก็จะพยายามให้มี) ก็จะช่วยสอนให้ แนะนำเทคนิคต่างๆให้ด้วยความยินดี  มีน้องหลายคนที่ได้มีการสร้างสัมพันธภาพดีๆระหว่างเป็นนักศึกษา ด้วยการเข้ามาเรียนรู้เรื่องหัตถการบางอย่างบนวอร์ด เป็นน้ำใจและความรู้สึกดีๆ ที่ก่อเกิดมาจากการให้เกียรติกันและกัน ระหว่างสองฝ่าย

ขอบคุณสำหรับประเด็นนี้นะคะ

ขอบคุณครับคุณ k-jira

ผมขออนุญาต quote http://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/readboard.php?id=10653

  การที่ หมอ จบใหม่ แล้ว ต้องไปเรียน จาก พยาบาล เป็น ความผิดพลาดใน ระบบ การผลิตแพทย์ หรือ เปล่า ครับ

" "พยาบาล OR ต่างจังหวัดที่สามารถเป็นทั้งส่งเครื่องมือ และช่วยผ่าตัด สามารถสอนหมอใหม่ทำผ่าตัดบางชนิดได้ด้วยซ้ำไป ""

แล้ว เราให้ นศพ ที่ ยังไม่ รู้มาก่อนเลย ว่า อะไร ถูก อะไร ไม่ถูก ไปเรียน จาก พยาบาล ใน รพช นี่ ก็น่าคิด นะครับ

ผมคิดว่า พยาบาล ใน รพช เขา ก็ไม่อยาก มาทำงาน ใน งานที่เป็น ของหมอ เท่าใด นัก ดอกครับ

แต่ เขา ไม่มี เสียงที่ ดัง พอ จะ ตะโกน ให้ คนอื่นได้ยิน เท่า นั้นเอง


Posted by : guru , Date : 2007-02-16 , Time : 16:38:26 , From IP : 61.19.24.122


ผมเกรงว่ามีอาจารย์แพทย์บางท่านไม่ได้คิดอย่างเดียวกันในแง่พยาบาลคิดยังไงกับการช่วยสอนครับ คุณ k-jira

ที่น่าสนใจด้วยก็คือการที่คุณ guru ข้างต้นนี้ คิดว่าไม่เป็นไรที่ นศพ.จะเรียนจากเภสัช ทันตะ แต่เป็นไรเอามากๆ และไม่เป็นการเหมาะสมที่จะเรียนจากพยาบาล ผมคิดว่ามี anomaly ในระบบการทำงานใน รพ.เราอย่างมากเลยทีเดียว

นี่ก็เป็นปัญหาครับ ผมอยากจะใช้หลักการ dialogue มามองให้เห็นระบบความคิด ที่มา แต่ยังมองไม่ออก มองไม่เห็น สงสัยต้องกลับไปทำสมาธิอีกแป๊บนึงก่อน

ขอบคุณและอบอ่นใจที่เราทราบว่ามีพยาบาลอย่างคุณ k-jira ช่วยเหลือพวกเราอยู่ครับ

ผมเรียน การแทง V การเจาะเลือด การทำงานเป็นทีม การรับมือกับความเครียด วาจาเหน็บแนมทั้งหลาย  ...จาก พี่พยาบาล รพ. จุฬาลงกรณ์

ผมเรียน การสื่อสารกับผู้ป่วย จากอาจารย์แพทย์ แพทย์์รุ่นน้อง พยายาล นักจิตวิทยา อาสาสมัคร และญาติผู้ป่วย

ผมเรียน anatomy จาก อาจารย์ใหญ่ 

ผมเรียน ความเป็นแพทย์ จากครูแพทย์ ผู้ป่วย และคนอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้ง..คุณแม่ผม

>> การที่ หมอ จบใหม่ แล้ว ต้องไปเรียน จาก พยาบาล เป็น ความผิดพลาดใน ระบบ การผลิตแพทย์ หรือ เปล่า ครับ

...  ระบบ การผลิตแพทย์ ...

ฟัง ... เอ้อ ... อ่านครับ อ่าน ไม่ได้ฟัง ...

อ่านดูแล้วรู้สึกเหมือนกับ ... โรงงาน ... สำหรับสร้างสิ่งของ หรือ เครื่องมือเครื่องใช้ ยังไงก็ไม่รู้  ไม่ใช่ ... โรงเรียน ... ที่ให้ ... การศึกษา ... ซึ่งไม่ใช่ เพียงแค่ความรู้ ใน ..หัว.. อย่างเดียว แต่เป็นความรู้สึกใน ..ใจ.. ด้วย

 ซึ่งถ้าเป็น ระบบการผลิต แบบเดียวกับที่เขาใช้ในโรงงาน ที่คุณ guru ว่า ก็อาจถูกก็ได้ ..มั้งครับ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท