ทุกภาคการศึกษากลุ่มวิชาปรัชญาและศาสนาของคณะมนุษย์ฯ จะจัดโครงการ ๑ วันพิเศษเพื่อชีวิตและสุขภาพใจ เป้าหมายคือการบำเพ็ญจิตภาวนาของนักศึกษา สำหรับวันนี้ก็เป็นอีก ๑ วันของภาคการศึกษานี้ ปัญหาที่พบมีหลายเรื่องเริ่มตั้งแต่
- การหาห้องเพื่อจัดกิจกรรม เดิมที ทุกภาคการศึกษาเราจะได้ใช้ห้องใหญ่คือ ห้องราชนครินทร์ ปีนี้เมื่อโทรไปก็พบว่า สำรองไว้ให้อาจารย์ผู้ใหญ่ ทำให้ผมคิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งว่า คำว่า "ผู้ใหญ่" นี้มันวัดกันตรงไหน ตำแหน่งสูง อายุมาก ตัวตนสูง หรือต่ำต้อยติดดินแต่เปี่ยมด้วยคุณธรรมความดีเสียสละเพื่อสังคม ในที่สุดผมก็ไม่ได้ห้องนั้น แต่ไม่เป็นไร สำหรับความดีทำที่ไหนก็ได้ หาห้องใหม่ รองอธิการติดต่อห้องปีกสมุดให้ แต่ก็ใช้ไม่ได้เพราะมีหลักสูตรภาษาอังกฤษจองไว้แล้วเพียงแต่เรื่องยังไปไม่ถึง ผมก็เลยหาวิธีการ จึงไปหาห้องเรียนได้ห้องคือ ๑๕-๑๐๐๓ แต่เก้าอีกเยอะมาก หากเป็นห้องเดิมเราจะได้ห้องว่างๆ เพื่อความเหมาะสมกับการจัดการบำเพ็ญจิตภาวนา ก็คิดในใจอีกว่า ก็ไม่เป็นไร ห้องไหนก็ได้ มีเก้าอี้ก็นั่งบนเก้าอี้ ในเมื่อขนออกไม่ได้ ผมทำบันทึกถึงฝ่ายวิชาการเพื่อต่อไปฝ่ายอาคาร ได้ห้องเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม สำหรับภาคการศึกษานี้ "ห้องไม่ได้หาได้โดยง่ายเลย"
- ผมเข้าใจว่าแม่บ้านจะดำเนินการจัดห้องให้ตามบันทึก แต่เปล่าเลย ก็ไม่เป็นไรอีกเช่นกัน ผมจึงเดินไปขนโต๊ะ เด็กมาขอช่วยก็ให้เด็กช่วยตามที่ต้องการ (ถ้าไม่มาขอช่วยผมก็จะไม่ขอช่วยใคร เพราะเกรงใจเขา) จัดโต๊ะ จัดเก้าอี้ อะไรต่อมิอะไรเรียบร้อยเท่าที่จะทำได้ ผมปรึกษากับเพื่อน (เรา ๓ คน) แล้วว่า ที่ไหนก็ได้ อย่างไรก็ได้ สิ่งที่เราต้องการมิใช่ห้องหรู หากแต่เป็น สาระจากกิจกรรมนี้ต่างหาก เราเชิญคณบดีเพื่อเป็นเกียรติและทำตามจารีต แต่เราก็ไม่ได้กังวลร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าท่านจะมาเปิดให้ เนื่องจากวันนี้กิจกรรมเยอะและท่านก็อายุมากแล้ว หากมาลำบากกับเรื่องอย่างนี้เห็นจะเป็นบาปกับตัวผมและเพื่อน จึงสำรองว่า หากคณบดีไม่มา ผมจะเป็นคนเชิญเพื่อนขึ้นมาเปิดเอง เพราะเราคิดว่า การเปิดปิดมิใช่สาระสำคัญอะไร สิ่งที่สำคัญคือเด็กจะได้อะไรมากกว่า แต่ปรากฎว่า คณบดีอุตส่าห์มา ก็ต้องกราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง อันที่จริงให้รู้สึกเกรงใจมากๆ
- เราแบ่งหน้าที่กันดังนี้ เพื่อนผมคนที่ ๑ รับ-ส่ง พระคุณเจ้า คนที่ ๒ ถ้าคณบดีไม่มา ให้เปิดงานแทน และดูแลเอาใจใส่ในห้องประชุมเท่าที่จะทำได้ กิจกรรมหลักอันหนึ่งคือ เก็บภาพ แต่ผมก็เชิญท่านมาอ่านรายงานให้คณบดีรับทราบตอนก่อนเปิดจนได้ ส่วนผม ซื้ออาหารถวายพระ จัดดอกไม้ และเตรียมอุปกรณ์ต่างๆเท่าที่จำเป็น ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เพราะถ้าหน้าที่ใดหากใครยังไม่สามารถ อีก ๒ คนก็จะดำเนินการได้ อย่างเช่นวันนี้ เพื่อนคนที่ ๑ ยางรถเกิดซึม เกรงว่าจะไปส่งพระไม่ได้ จึงออกไปปะยางซะก่อน เราก็บอกว่า อย่ากังวล ทำกิจนั้นให้เสร็จส่วนทางนี้เราจัดการกันได้ เพื่อนคนที่ ๒ จึงเป็นหลักในห้องประชุม เพราะผมต้องวิ่งไปซื้ออาหาร แล้วมาแกะใส่ถ้วย (เราทำอาหารไม่เป็นและไม่สะดวกด้วย คึคึ) เพื่อนคนที่ ๒ ขนเข้าไปในห้อง (ไม่รบกวนนักศึกษาคนใด เพราะเราต้องการให้นักศึกษาได้ในสิ่งที่เราคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา ซึ่งเรามีประสบการณ์มาก่อน) เมื่อกิจกรรมจบ เพื่อนคนที่ ๑ ก็รับหน้าที่ไปส่งพระ เพื่อนคนที่ ๒กลับบ้านไปด้วย และผมก็มานั่งเขียนบันทึกเพื่อเก็บไว้ดูส่วนตั้วส่วนตัว)
ให้รู้สึกพึงพอใจกับงานที่ผ่านไปแม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่คือ ความตั้งใจที่จะทำงานกันมากกว่า