แม่ฮ่องสอน


จ.แม่ฮ่องสอน
วันนี้มาอบรม การทำ blog gotoknow ที่คณะมุนษย์ฯ โดย อ.พิชัย  เลยถือโอกาสเล่าเรื่องการเดินทางไป จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อศึกษาพื้นที่เบื้องต้น ในการศึกษาการใช้ประโยชน์จากป่า ในส่วนของพืชท่กินได้ สมุนไพร และพืชให้พลังงาน มีเรื่องเล่าว่า ที่บ้านรวมไทย พบชาวไทยภูเขาเผาม้ง มีอายุมากแล้ว (70 ปี) เลยเข้าไปซักถามเรืองการใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพร ก็ได้ความรู้มากมาย ตอนนั้นโดนมดกัด เจ็บมากเราก็เลยถาม คุณปู่ม้ง (โดยหวังว่าจะได้คำตอบเป็นสมุนไพรดีๆ ท่แก้ปวดได้) ว่าใช้อะไรแก้ปวดได้ คุณปู่ม้ง ตอบว่า ใช้ยาหม่องสิ....... 
คำสำคัญ (Tags): #จ.แม่ฮ่องสอน
หมายเลขบันทึก: 78503เขียนเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2007 15:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

...ha ha ...ยาหม่อง 

สรรพคุณ  :  แก้อาการหน้ามืด  ตาลาย  คล้ายจะเป็นลม  แมลงสัตว์กัดต่อย ...

 

 

ดีครับ เล่าเรื่องใกล้ตัว

ว่าแต่ยาหม่องเป็นชนิดพิเศษทำเองจากสมุนไพรพื้นบ้าง หรือยาหม่องตราลิงถือลูกท้อ 555

มีเรื่องเล่าว่า ดินอดนแห่งหนึ่งที่อยู่ลึกนอกแผนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแห่งหนึ่ง มีเจ้าเมืองที่เป็นหญิงนามชื่อ แม่นางสุวรรณคำแปง ทรงมีพระศิริโฉมงดงามดุจทองทา ผมดำขลับสลวนสวยงามอย่างยิ่ง หากชายใดได้พานพบนางแล้วเป็นอันว่าต้องลืมวันและคืนอย่างแน่แท้  เมืองนี้เป็นทางเดินทัพของสมัยก่อน เรียกว่าเวียงห่าง มีเจดีย์รายล้อม  พร้อมทั้งรอยพระบาทที่เชื่อว่าเป็นของพระพุทธเจ้า ชาวบ้านสร้างพระจำหลักจากหินภูเขาหลายปางหลายขนาด เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำสายใหญ่ใหลเรียบไปกับตัวเมือง ถัดไปไม่ไกลนักมีภูผาที่สูงเด่นเป็นสง่า เรียงกันสามลูก เรียกดอยสันฟ้า จากจุดศูนย์กลาวดอยสันฟ้าสามารถมองได้รายรอบทั่วทิศ จากเวียงห่างถึงดอยสันฟ้า มีถ้ำมากมาย ยากแก่การเข้าถึง ที่เด่นสุดเป็นถ้ำที่ชาวบ้านเรียกว่าถ้ำเสาหิน คือมีเสาหินขนาดใหญ่เรียงกันอยู่หน้าถ้ำและถ้ำก็ลึกมากจนไม่มีใครกล้าจะเข้าไป  ใกล้เวียงห่างไม่มากนักมีสวรรค์บนดินที่เรียกว่าสายน้ำอุ่น ที่ธรรมชาติเสกสรรค์มาให้ มีน้ำพุร้อนเป็นลำธารขนาดใหญ่ ใหล่เป็นสารธารไม่ขาดสาย (สวยและร้อนมากถึง 95 องศา) ใหลลดเลี้ยวไปประมาณ 500 เมตร ก็เข้าบรรจบกับสายน้ำเย็นกลายเป็นธารน้ำอุ่น รอบขอบลำน้ำมีทรายขาวอุ่น ๆให้หมกตัว  นางสุวรรณคำแปงทรงโปรดที่จะสรงน้ำ ณ ที่แห่งนี้  เมื่อผิวพระนางต้องไอของน้ำพุร้อนประดุจทองทาส่องประกายงดงามมาก  แต่เมื่อพม่ายกทัพมาตีเมืองได้ (ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเมื่อใด)  ก็หมายจะนำนางไปเป็นเมีย แต่พระองค์ไม่ยอมให้พม่าทำลายเมืองก็เลยต้องยอมถวายองค์ให้กษัตริย์ของพม่าไป และได้บอกกับพสกนิกรของพระองค์ว่า เรารักและหวงแหนที่เมืองแห่งนี้มากขอให้ลูกหลานรักษาเมืองไหว้ให้ดีและพระองค์ได้ตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ว่า เมืองแปง (เมืองแพง ราคาแพง)และลำน้ำที่พระองค์ทรงลงสรงก็ให้เรียกว่า น้ำพุร้อนเมืองแปง เมื่อกาลเวลาผ่านไปเมืองก็เริ่มร้างผู้คนล้มหายตายจากและอพยพไปอยู่ที่อื่นทำให้เมืองร้างและเจดีย์ศิลปะกรรม ถูกทำลายและสูญหายจำนวนมาก ทั้งพระพุทธรูปสลักหินนับเป็นพันองค์ถูกลักลอบส่งขายเข้าตลาดมืดอย่างน่าเสียดาย แต่สายเลือดของพระนางสุวรรณคำแปง ได้เก็บและรักษาพระพุทธรูปประจำแผ่นดินไว้ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำ (จากคำบอกเล่าของอุ้ย...) และทิ้งปริศนาไว้มากมาย จากคำบอกเล่า "พระพุทธรูปนั้นอยู่กับคนพิการ" เพระเขาต้องชดใช้กรรมที่มีมาแต่อดีตชาติ ต้องเฝ้าสมบัติชิ้นสุดท้ายของนครที่สาบสูญและเมื่อรพะพุทธรูปกลับคืนที่เดิมเมืองก็จะสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองชั่วกาลนาน   ไม่ได้พูดให้เชื่อครับแต่มีหลักฐานหากท่านใดสนใจเขียนมาพูดคุยกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท