การทำงานอิงระบบ คือการทำงานแบบบูรณาการ
ในระบบการทำงานนั้นหลายคนก็ต่างความคิดกัน และแต่ละคนก็พยายามเลือกเส้นทางที่ตัวเองถนัดที่สุด กันเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว ซึ่งได้กล่าวไว้แล้วในกลุ่ม “กรอบ” แบบต่างๆ
จากประสบการณ์ในการทำงานพบว่า รูปแบบการทำงานที่เกี่ยวกับระบบการพัฒนาประกอบด้วย
1. นอกระบบ ที่ทำงานไม่เกี่ยวข้องกับระบบการพัฒนา ที่อาจทำให้ขาดฐานทรัพยากรการทำงาน พันธมิตรที่อยู่ในระบบ และการขยายผลการทำงานในวงกว้าง
2. ในระบบ ที่ทำงานอยู่ภายในระบบการพัฒนา ที่มักขาดอิสรภาพ ในการตัดสินใจ การจัดการ และการดำเนินงานในด้านต่างๆ
3. อิงระบบ ที่ทำงานบางส่วนเกี่ยวข้องกับระบบการพัฒนา จึงทำให้มีทั้งฐานการทำงานพอสมควร กับมีอิสรภาพในการตัดสินใจในการทำงานในระดับที่พอทำงานได้บ้าง ซึ่งเป็นการทำงานบูรณาการหลายวัตถุประสงค์เข้าด้วยกันนั่นเอง
ดังนั้นการทำงานแบบอิงระบบ จึงน่าจะเป็นสายกลางในระบบการทำงานในปัจจุบันครับ เพราะสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ทั้งในและนอกระบบได้พร้อมกัน แม้จะไม่เต็มรูปแบบก็ตาม
แล้วอิงระบบแปลว่าอะไร
น่าจะหมายถึง
1. การทำงานตามขั้นตอนปกติของระบบ
2. แต่ พยายามหาช่องทางในการทำงานที่สะดวก รวดเร็วกว่าเดิม โดยอาจต้องเน้นเป้าหมายงานมากกว่า งานเอกสาร และกฎ ระเบียบตามรูปแบบเดิม
3. ปรับแผนงานให้สอดคล้องกับเนื้องานที่เกิดขึ้นจริง โดยใช้โอกาสทุกช่องที่มีอยู่ในกฎ และระเบียบขององค์กร
ทั้งหมดนี้ อาจฟังแล้วดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่ายเท่าไหร่หรอกครับ โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ชินกับการทำงานสไตล์นี้
แต่ก็ลองดูนะครับ ว่าทำได้แค่ไหน ใครเห็นต่างมุมอย่างไร เชิญแสดงความเห็นเพิ่มเติมด้วยครับความเห็น (12)
อาจารย์ครับ คำว่า "อิงระบบ" ผมว่าไม่ดีเลย ดูมันเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งยังไงไม่รู้
เอาคำนี้ดีไหมครับอาจารย์ "บูรณาการระบบ"
ในระบบราชการ การอิงระบบ อย่างที่อาจารย์กล่าวถึง ทำได้ยากไหมครับ ขนาดผมอยู่ในหน่วยงานเอกชนยังต้องเข้าซอกซอย สร้างความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการ หาทางให้งานเดินไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
แต่ก็ต้องไม่ลืมเอกสารสำคัญที่จะเป็นหลักฐานอ้างอิงในอนาคตนะครับ
เพราะถ้าเราเลือกอิงระบบ มากกว่าในระบบแล้ว อะไรที่มันนอกระบบ เราต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งนั้นเลยใช่ไหมครับ
คุณวันพิชิตครับ
เรื่อคำนี่เรายังไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ความหมายก็อย่างที่บอกครับ คือไม่ปฏิเสธทั้งระบบ และสิ่งที่เป็นจริงในสังคม
ทั้งนี้เพราะ ระบบมักจะปฏิเสธสิ่งที่เป็นจริง และสิ่งที่เป็นจริงก็ไม่อยู่ในระบบครับ
ถ้าจะใช้คำว่า "บูรณาการระบบ" จะฟังดูเหมือนพูดแต่เรื่องระบบไปติดกรอบระบบต่างๆที่เป็นอยู่ครับ แล้วก็จะตกร่องลงร่องเดิม ทำอะไรไม่ได้ครับ
ขอบคุณครับที่แนะนำ
อาจารย์วสะครับ
ยากง่ายอยู่ที่คนทำครับ
คนที่ใจถึง มือถึง ความรู้ถึง ไม่มีอะไรยากครับ
ที่ว่ายากก็คงจะขาดอะไรสักอย่างนะครับ
ผมยังชอบคำของคุณไตรภพ ในเกมส์เศรษฐีว่า ทุกคำถามไม่มีอะไรยาก
มีแต่รู้ กับไม่รู้ เท่านั้นเอง
แล้วผมก็เถียงเขาไม่ได้จริงๆ ครับ
ยอมรับเลยค่ะอาจารย์ว่าเป็นข้อคิดเห็นที่ไม่น่ามองข้ามเอามากๆเลย (ที่สำคัญอ่านแล้วเลือดซิบเลย คำคมเยอะเหลือเกิน) แนวคิดอิงระบบของอาจารย์เข้าท่าค่ะแล้วก็เห็นด้วยมากๆ (ไม่พูดถึงคำ แต่พูดถึงแนวคิด) เพราะขะน่อยเป็นอีกคนที่นิยมเดินเลียบทางมากกว่าเดินตามทางด้วยว่ามันทำให้พบเจออะไรแปลกๆเยอะดีค่ะ (นอกเรื่องไปป่าวหว่า)
patangka ครับ
ด้วยความยินดีครับ
ทุกอย่างอยู่ที่ใจครับ วันหนึ่งดีแน่นอน จะติดลบมาจากที่ไหน ถ้าใจถึง มือก็จะถึง และปัญญาก็จะถึงตามมาครับ
เพียงอย่าใจร้อน ตีตนไปก่อนไข้ นิ่ง มั่นคง ได้ผลแน่นอนครับ
เรียนอ.แสวง
การทำงานอิงระบบดีค่ะ แต่ปัจจุบันโดยส่วนใหญ่อิงระบบตัวบุคคลจริงๆค่ะ เป็นกระแสพวกใครแบ่งก๊กแบ่งฝ่ายกัน บางที่ทำได้ บางที่ทำไม่ได้
คุณรานีครับ
ประเด็นนี้เราพยายามให้พันธมิตรเราทำงานกัยเรา แต่ไม่หนีระบบมากจนเกินไป ที่จะทำให้งานไม่ค่อยมีพลังงในแนวกว้างครับ และคนในระบบก็ทำไม่ได้ ต้องแบบครึ่งๆครับจึงจะดีที่สุด ได้ประโยชน์ทั้งสองทางครับ
เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ มีอะไรให้ผู้น้อยอย่างราณีช่วยบอกได้นะค่ะ ตอนที่ตอบอาจารย์ Internet ที่มหาวิทยาลัยล่ม ก็เลยมาอวยพรตอนนี้คงไม่สายนะค่ะ "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง เป็นแบบอย่างที่ดีตลอดไปค่ะ
ด้วยความเคารพ 
คุณรานี
ขอบคุณมากครับที่เป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่น
ตอนนี้ประเมินจาก gotoknow
- เรายังมีคนที่จริงจังไม่มากนัก ไม่น่าเกิน ๑๐ คน
- เราต้องการทั้งคนนำร่อง และคนช่วยขยายร่อง
- ทำให้คนเบิกร่องทำงานได้คล่อง และมีพลัง
- จำนวนที่เรามียังน้อยเกินไป
- ต้องทำให้เกิด critical mass จึงจะเกิดผลครับ
- ไม่งั้นเสียงเราจะสูญเปล่าครับ
ช่วยๆกันทำในมุมที่ตัวเองถนัดครับ แบบพหุลักษณ์ในการพัฒนา แต่ต้องมีจุดร่วมกันบ้างเป็นระยะๆ แล้วเราน่าจะมีพลัง ขับเคลื่อนงานไปได้ครับ
งง ความรู้ยังไม่ถึงครับ อ่อนประสบการณ์และความคิด