ครบเจ็ดวันแล้ว ยังเจ็บตุ๊บๆ เป็นระยะๆ ได้เวลาตัดไหม..
นัดพบหมอลำดับ 4 ตอนเช้า แต่บังเอิญติดงานสำคัญ ต้องทำเค้กให้คู่รักหวานแหววครบรอบแต่งงาน 30 ปี เลยยืดเวลาให้ตัวเองออกไปเป็น 5 โมงเย็นแทน พอไปถึงก็พบว่าคุณหมอคนสวยลาหยุด ฝากหมออีกคนให้ทำหน้าที่แทน ชักไม่ถูกใจขึ้นมาอีก แต่พอเห็นหน้าหมอก็พออภัยได้ ขนาดมีผ้าปิดหน้าอยู่เกินครึ่ง ยังรู้เลยว่า "หล่อ" จ้า.. เลยไม่อิดออด ยอมขึ้นไปนอนอ้าปากแต่โดยดี
ระหว่างที่หมอลำดับ 5 ทำการตัดไหมให้ เธอก็ถามอาการไปด้วย อ้าว.. แล้วจะตอบได้ยังไงหว่า ได้แต่ทำเสียงอือ อ๊า ไปตามเรื่อง เธอก็เดาเอาเอง น่าจะถามไปยังงั้นๆเอง ไม่คาดหวังคำตอบ ก็คนอยู่ในสภาพนั้น จะพูดได้ยังไง แต่ยังดีที่เธอบอกซะก่อนว่า "เจ็บนิดๆ แบบมดกัดนะครับ" เธอใช่เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็บอกว่า "เรียบร้อยครับ แผลดีมาก" เรารู้สึกโล่งใจ
พอเสร็จก็ถือโอกาสถามให้หายสงสัย แบบว่ารัวใส่เป็นชุดว่า "จะครอบฟันซี่เดียว ทำไมจึงมีร่องรอยเย็บต่อเนื่องถึง 4 ซี่ ไม่ได้เจ็บซี่เดียว ทำไมไม่มีการเตือนล่วงหน้าว่าจะมีอาการบวม หน้าโย้หลายวัน ทำให้ต้องเสียงาน แล้วก็ไอ้เจ้าวัสดุสีชมพูคล้ายหมากฝรั่งที่ติดไว้บริเวณผ่าตัด พอผ่านไป 2 วันก็เกิดหลุดออกมา ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรมั๊ย ทำให้เกิดอาการวิตกจริตขึ้นมา ผ่าเสร็จก็ห้ามแปรงฟันอีก ให้บ้วนปากอย่างเดียว รู้สึกแย่มากๆ เลยทั้งอาทิตย์ ทำไมไม่บอกว่าจะเคี้ยวอาหารไม่ได้ ต้องกลืนอย่างเดียว ทำให้ต้องใช้เบลนเดอร์ปั่นเอา ทำไมไม่อธิบาย...เราจะได้วางแผนชีวิตได้ดีกว่านี้..." คุณหมอตอบกลับสั้นๆ ด้วยเสียงแสนจะสุภาพว่า "เหรอครับ.. ที่ไม่ทำซี่เดียวเพราะต้องเตรียมพื้นที่ส่วนที่ติดกันด้วยครับ วัสดุที่หลุดออกมา ถ้าผ่านไป 2-3 วันแล้ว ก็ไม่เป็นไร หมอสั่งน้ำยาบ้วนปากให้หรือเปล่าครับ ต่อไปนี้ก็แปรงได้แล้วนะครับ"
เฮ้อ! บ่นไม่ถูกเป้า แต่ก็หายคับข้องใจ เธอถามว่ารายการต่อไปจะทำอย่างไร ก็ตอบไปว่า น่าจะอีกเดือนหนึ่ง รอแผลหายก่อน ถึงจะครอบได้ นี่ว่าตามที่หมอลำดับ 3 กำหนดแผนไว้ให้ เดินออกมาจากห้องทำฟัน เจ้าหน้าที่บอกว่า "กลับได้เลยค่ะ" ไชโย! ครั้งนี้ฟรีค่ะ... จบตอน 3
ตามมาย้อนอ่านบันทึกเก่าๆป้าเจี๊ยบค่ะ
ขออนุญาตไว้ก่อนว่าอาจจะนำไปสอนนักเรียนต่อนะคะ ถ้าป้าเจี๊ยบไม่ขัดข้อง : )
ทันตแพทย์ เป็นอาชีพ ที่อยู่กับปาก มากที่สุด
แต่กลับใช้ปาก น้อยลง