ความแตกต่างระหว่าง PAR กับ PRAจากเดิมเราเคยคิดว่า PAR กับ PRA เป็นเรื่องเดียวกันหรือเป็นตัวเดียวกัน หลังจากที่ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ทำให้ทราบว่า PAR กับ PRA เป็นคนละเรื่องที่อาจมีความเกี่ยวข้องกัน โดย PAR (Participatory Action Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาองค์ความรู้ และเชื่อมโยงสู่การปฏิบัติการและพัฒนาขีดความสามารถของคนในชุมชน โดยเริ่มจับที่ตัวปัญหาก่อน ส่วน PRA (Participatory Rural Appraisal) เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการศึกษาวิเคราะห์ชุมชนอย่างมีส่วนร่วม ไม่ได้ลงสู่การจัดทำแผนและไม่เน้นการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม วัตถุประสงค์หลักของ PRA คือการได้มาซึ่งข้อมูลของปัญหาเพื่อความเข้าใจสภาพของชุมชนด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างนักวิชาการกับชาวบ้านและจากนั้นจำเป็นต้องใช้กระบวนการ PAR มาประยุกต์เพื่อเจาะลึกถึงผลการวิเคราะห์ปัญหาของการทำ PRA และนำเอาแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกเลือกสรรไว้แล้วด้วย PRA มาวิเคราะห์ถึงศักยภาพ ข้อจำกัด เงื่อนไข ทรัพยากร และทุกอย่างที่กลุ่มทำได้เอง ทำได้เลย โดยกำหนดยุทธศาสตร์และกิจกรรมที่หลากหลายตอบสนองต่อสาเหตุของปัญหา หรือเป็นแผนปฏิบัติการนั่นเอง สิ่งสำคัญคือควรเป็นแผนแบบชาวบ้าน ไม่ใช่แผนแบบนักวิชาการที่มีความยุ่งยาก ไม่สะดวกต่อการปฏิบัติของชาวบ้าน หัวใจหลักที่สำคัญของกระบวนการ PAR อีกประการหนึ่ง คือ การปฏิบัติที่เชื่อมโยงกับปัญหา – สาเหตุ – และทางแก้ และต้องมีการเรียนรู้ทั้งกระบวนการ ถอดประสบการณ์อย่างเป็นระบบ ทั้งที่เป็นผลสำเร็จ ความล้มเหลว เจาะลึกลงไปถึงเงื่อนไขและอุปสรรคทั้งหลาย ตลอดจนวิธีการที่หุ้นส่วนได้ฟันฝ่า ได้ใช้วิธีคิด วิธีทำที่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์และเงื่อนไข จึงจะเป็นการเรียนรู้ที่สมบูรณ์ครบวงจร ดังนั้น PAR กับ PRA มีความแตกต่างกันไม่สามารถใช้แทนกันได้ แต่สามารถใช้เสริมกันได้เพื่อให้เกิดการการปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมที่สมบูรณ์ ศุลีวงศ์ สนสุผล นักศึกษาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพัฒนาสุขภาพชุมชน