"ใครนั่งหัวโต๊ะ คนนั้นจ่าย"
นี่เป็นคำพูดที่เคยได้ยินบ่อยค่ะ บางคนพูดแบบทีเล่นทีจริง บางคนก็หมายความตามที่พูดจริงๆ
หัวโต๊ะจึงเป็นที่ซึ่งหลายคนจะไม่นั่ง ?!?
เท่าที่สังเกต คนส่วนมากมักจะเลี่ยงการนั่งที่หัวโต๊ะอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะที่โต๊ะอาหาร แต่ในสถานที่อื่นๆ ด้วย เพราะเป็นธรรมเนียมที่ทราบกันดีว่า หัวโต๊ะเป็นที่ของเจ้าภาพหรือประธานในที่ประชุม
หัวโต๊ะจึงเป็นที่ที่มีความพิเศษ ซึ่งไม่ใช่ธรรมเนียมเฉพาะในเมืองไทยนะคะ ที่ไหนๆ ก็เป็นแบบนี้ ดังนั้น เวลาเห็นกลุ่มคนมานั่งรวมๆกันที่โต๊ะในห้องประชุมหรือห้องอาหาร เรามักจะบอกได้ทันทีว่าใครคือคนสำคัญที่สุดในที่นั้นโดยไม่ต้องรู้จักกันมาก่อน แค่สังเกตจากตำแหน่งการนั่งที่ "หัวโต๊ะ"
การจะมี"หัวโต๊ะ" ได้นั้น โต๊ะต้องมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าค่ะ หรือมีการจัดโต๊ะที่ใกล้เคียงกับลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า คือมีส่วนกลางที่ทอดยาวออกไป เพราะโต๊ะแบบอื่นๆ ไม่มีส่วนที่จะเรียกได้ว่าเป็น "หัว" อย่างเช่นโต๊ะสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็มีด้านเท่ากันทุกด้าน พอๆกับโต๊ะกลมแบบจีน ซึ่งคนนั่งทุกคนเท่าเทียมกันหมด
เวลาไปนั่งรับประทานอาหารที่เป็นโต๊ะแบบเสมอภาค ก็สบายใจหน่อย จะนั่งตรงไหนก็ได้ แต่ถ้าไปงานที่เป็นโต๊ะแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก็เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตัวให้ถูกธรรมเนียมค่ะ
งานเลี้ยงแบบนั่งโต๊ะยาวที่เป็นพิธีการ มักจะมีแผนผังที่นั่งของแขกรับเชิญ แสดงไว้ให้ทราบก่อนเดินเข้าห้องอาหาร และเมื่อเข้าไปแล้วก็ยังจะมีชื่อวางไว้ตรงตำแหน่งที่นั่งให้ด้วย เราก็เพียงแต่ไม่ลืมที่จะแวะดูแผนผังก่อนเดินเข้าไป จะได้ไม่ต้องเสียเวลาวุ่นวายเดินหาเมื่อเข้าไปข้างในแล้ว
สำหรับงานที่ไม่ระบุชื่อไว้บนโต๊ะนั้น ส่วนใหญ่เจ้าภาพจะกำหนดไว้ในใจแล้วว่าใครจะนั่งตรงไหน จึงมักจะเชิญให้นั่งด้วยวาจา แต่ถ้าได้ยินเจ้าภาพเชิญว่าให้เลือกที่นั่งตามสบาย ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากจะนั่งตรงไหนก็ได้ ถ้าเราไม่ใช่แขกคนสำคัญของงาน อย่าได้อาจหาญเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้หัวโต๊ะกับท้ายโต๊ะ หรือเก้าอี้ใกล้หัวโต๊ะกับท้ายโต๊ะโดยเด็ดขาด เลี่ยงส่วนนี้ไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
หัวโต๊ะจะอยู่ตรงกันข้ามกับท้ายโต๊ะค่ะ เราไม่เรียกว่าหางโต๊ะ สองส่วนนี้เป็นที่นั่งของเจ้าภาพชายและเจ้าภาพหญิง ส่วนเก้าอี้ถัดจากเจ้าภาพทั้งสอง จะเป็นที่นั่งของแขกคนสำคัญของงานค่ะ แขกที่สำคัญที่สุดจะนั่งเก้าอี้ทางขวามือของเจ้าภาพชาย ที่สำคัญรองลงมาก็จะนั่งเก้าอี้ทางขวามือของเจ้าภาพหญิง
ถ้าคุณไปแบบเป็นคู่สามีภรรยากัน เจ้าภาพที่รู้ธรรมเนียมจะไม่จัดให้นั่งด้วยกันหรอกนะคะ เพราะนอกจากการกินแล้วยังเป็นช่วงเวลาของการทำความรู้จักกับแขกคนอื่นๆ ที่มาร่วมงาน หากเจ้าภาพไม่ได้กำหนดที่นั่ง คุณสามารถนั่งด้วยกันได้ แต่ต้องอย่าลืมว่า แขกที่นั่งติดกับคุณทั้งสองคือผู้ที่คุณต้องพูดคุยทำความรู้จัก ไม่ใช่นั่งพูดคุยกันเองสองคน
ถ้าอยู่ในบ้าน พ่อบ้านที่เป็นหัวหน้าครอบครัวก็จะนั่งหัวโต๊ะ ท้ายโต๊ะก็จะเป็นของแม่บ้าน
ส่วนที่จะบอกว่าตรงไหนหัวตรงไหนท้าย ก็วัดกันที่ตำแหน่งของครัวค่ะ เพราะคุณแม่บ้านจะนั่งด้านที่ติดกับครัวมากที่สุด เพื่อความสะดวกในการดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับสมาชิก เพราะงานเลี้ยงที่บ้านจะมีแขกรับเชิญจำนวนไม่มาก ทุกคนในโต๊ะอาหารสามารถพูดคุยกันได้อย่างทั่วถึง
ตำแหน่งที่นั่งทั้งหัวและท้ายโต๊ะ ก็ไม่ใช่เรื่องการให้เกียรติกันหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องของหน้าที่ความรับผิดชอบ คือว่าใครที่นั่งตรงนั้น จะอยู่ตรงตำแหน่งที่มองเห็นความเป็นไปในโต๊ะอาหารได้อย่างทั่วถึงที่สุด ทำให้สามารถควบคุมและดูแลความเป็นไปของงานเลี้ยง และจังหวะของกิจกรรมบนโต๊ะอาหารได้ดี เช่น รู้ว่าแขกมีท่าทีพอใจหรือไม่พอใจอย่างไร คนที่นั่งติดกันมีการพูดคุยกันบ้างหรือเปล่า ใครต้องการอะไร ใครมีปัญหาในการกินอาหารบางอย่างหรือเปล่า ใครไม่กินอะไร พร้อมที่จะเสริฟของหวานหรือยัง ได้เวลาที่จะกล่าวสุนทรพจน์หรือยัง จะเชิญใครกล่าวอะไรตอนไหน ฯลฯ
หัวโต๊ะจึงต้องสงวนไว้สำหรับเจ้าภาพ ส่วนผู้ที่นั่งหัวโต๊ะจะต้องเป็นคนจ่ายเงินด้วยหรือไม่นั้น คำตอบก็คือ ถ้าเป็นเจ้าภาพจริงก็ต้องจ่ายค่ะ
อิอิ แต่ถ้านั่งโต๊ะเดียวกับป้าเจี๊ยบก็ไม่ต้องจ่ายใช่มั๊ยคะ เพราะป้าเจี๊ยบจ่ายตลาดมาแล้ว อยากชิมฝีมือป้าเจี๊ยบบ้างจังเลยค่ะ
เย้เย้ ดีใจจังเจอคนใจดีและสนใจคนพิการอีกแล้ว
โห...แต่ 6-7 ปีเลยหรอคะหนิงยังตามป้าเจี๊ยบไม่ทันหรอกค่ะ หนิงเพิ่งมาทำงาน DSS จริงๆจังๆ เมื่อปลายปี 48 เองค่ะ แต่ทำใต้ดินแบบใจสั่งมา ตอนปี 47 ค่ะ
ทำวิจัยพัฒนาเกี่ยวกับการเรียนรู้ของคนพิการบ้างหรือยังคะ