พระจอมเกล้าธนบุรีเยือนมหาชีวาลัย


ทุกวันนี้ชุมชนล่มสลายเพราะไม่มีชุดความรู้ที่เหมาะสมกับชุมชนและชาวบ้านที่พึ่งตนเองไม่ได้
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  หลักสูตรการจัดการทรัพยากรฐานชุมชน  ในระดับปริญญาโท ได้มาพักแรมที่มหาชีวาลัยอีสาน เพื่อขอคำชี้แนะในการจัดทำหลักสูตร และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในวิธีคิด และกระบวนการทำงานของมหาชีวาลัยอีสาน

ครูบากล่าวต้อนรับและเกริ่นนำในนามของมหาชีวาลัย พอสรุปได้ว่า   โจทย์ชีวิตเปลี่ยน ระบบทางสังคมเปลี่ยน จารีตประเพณีวัฒนธรรมก็เปลี่ยน  และกระแสสังคมเป็นตัวที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก  เราเคยได้ยินเรื่องการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสอยู่บ่อย ๆ และนำมาใช้ได้ผลด้วยกันทั้งนั้น เช่น  ประเทศญี่ปุ่นแพ้สงครามโลก เขาก็ได้โอกาสในการนับหนึ่งใหม่  จัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาสังคมในรูปแบบใหม่ได้ทันที ประเทศเขาจึงพัฒนาได้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ติด ๆ ขัด ๆ เรื่องนั้นเรื่องนี้  ความเจริญรุ่งเรืองจึงส่งผลให้กับการพัฒนาทันทีเช่นเดียวกัน  นับเป็นการใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างดีเลิศของประเทศญี่ปุ่น

ไทยก็มีโอกาสในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้หลายครั้งเช่นกัน และล่าสุด คือช่วงฟองสบู่แตก  ล้มละลายทั่วประเทศ  และมีโอกาสมีรัฐบาลเสียงเดียว  แต่กลับไม่ได้ทำสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติตรงนั้นให้เป็นโอกาส และไม่ได้แก้ปัญหาอะไร มีแต่ซ้ำเติมและโหมกระหน่ำปัญหาเข้ามาเพิ่มขึ้น

ถ้าพูดถึงมิติทางสังคมยังเอาแน่ไม่ได้ ในขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีคำตอบให้ตนเอง เรามหาชีวาลัยก็มองปัญหาตรงนี้เช่นเดียวกันว่าเราจะทำอย่างไรที่จะช่วยให้ประเทศไทยเราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ แต่เราก็คงไปทำทั้งประเทศไม่ได้ จึงมองในส่วนที่เป็นบริบทของชุมชน และพื้นที่ของตนเอง ว่าจะพัฒนาอย่างไร ให้คนในชุมชนมีความสุขกับการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ไม่เต้นตามกระแสบริโภคนิยมที่เป็นอยู่  มหาชีวาลัยอีสานจึงมองการทำงานที่เป็นเชิงรุกได้อย่างดี และประสบผลสำเร็จได้มากที่สุด นั่นคือ การทำงานแบบอิงระบบ

ยุทธศาสตร์การทำงานแบบอิงระบบทำให้การทำงานในมหาชีวาลัยทำงานได้ดีและคล่องตัวกว่า ด้วยหลักการสร้างพันธมิตรทางวิชาการ ร่วมกับการทำงานวิจัยในชุมชน  ด้วยตัวตนของพันธมิตรเป็นข้าราชการ แต่รูปแบบการทำงานเป็นเอกชน (แบบส่วนตัว) การลงทำงานในพื้นที่ร่วมกับชุมชนเป็นการมาแบบส่วนตัว เพราะมาในระบบราชการไม่ได้  ลดขั้นตอนการประสานงานลงไปได้มาก และไม่เสียเวลาในการรออนุมัติให้นำความรู้ลงมาสู่ภาคปฏิบัติของชุมชน  และมีกลไกสำคัญที่เป็นตัวเชื่อมโยงความรู้นั่นคือ  IT เพื่อสื่อสารแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านระบบ IT ที่ถือว่าเป็นสนามเพาะปลูกความรู้ที่ดีอีกรูปแบบหนึ่ง  

การเปิดสอนหลักสูตรบูรณาการศาสตร์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  เป็นอีกมิติหนึ่งที่จะนำความรู้มาพัฒนาชนบท และพัฒนาแบบบูรณาการ ซึ่งโจทย์เหล่านี้นักศึกษาต้องนำไปเป็นโจทย์วิจัยว่าจะพัฒนาชุมชนแบบบูรณาการได้อย่างไร

ในขณะนี้สิ่งที่มหาชีวาลัยทำคือสร้างตัวอย่างเศรษฐกิจพอเพียง  ที่มีแต่คนพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแต่หาคนปฏิบัติไม่ได้  ใครทำคนนั้นก็ออกแบบเองต้องตอบคำถามของตนเองให้ได้ แต่สิ่งเหล่านี้จำเป็นที่คนออกแบบการทำงานต้องใช้ความรู้  ทุกวันนี้ชุมชนล่มสลายเพราะไม่มีชุดความรู้ที่เหมาะสมกับชุมชนและชาวบ้านที่พึ่งตนเองไม่ได้ 

มหาชีวาลัยกำลังค้นหาชุดความรู้ที่เหมาะกับชุมชนโดยใช้ KM ในการทำและสร้างชุดความรู้  ด้วยการนำเอาวิชาการไปใส่ในอาชีพ จะได้สร้างมืออาชีพ แต่คำตอบของชุดความรู้ต้องมาจากงานวิจัย  
หมายเลขบันทึก: 77718เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2007 00:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • แวะมาเยี่ยมครับ  ยินดีที่ได้รู้จัก
  • มาแล้วถึงได้เจอบทความดีๆ  เอาเข้าแพลนเน็ตไปแล้วครับ  ทำก่อนบอกทีหลัง อิอิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท