จากเมื่อวานที่ได้นำเสนอในเรื่องอาหารของโคจากนิตยสารทำเนียบวัวงาม ถึงข้อดีของมะรุมต่อคนและโคแล้วนั้น
วันนี้ก็ถือโอกาสที่ยังเรียนรู้อยู่ในสวนป่า จึงนำความรู้เรื่องมะรุมไปทดลองใช้กับโคที่สวนป่าแบบจะจะ
ตื่นเช้ารีบจ้ำอ้าวไปที่ต้นมะรุม แอบหักไปสามกิ่งมีทั้งดอกและใบไปให้โคทดลองชิม
เดินไป ถือกิ่งใบมะรุมไปก็ได้กลิ่นฉุนนิด ๆ ก็ยังนึกเอะใจ ว่าโคจะกินหรือ กลิ่นออกจะฉุนปานนี้
ก็ไม่เกินความคาดหมาย โคทั้งหลายพากันเมินหน้า หันไปกินต้นกล้วยหน้าตาเฉย
ต้องกลับมาคิดใหม่ ใบมะรุมสดกลิ่นฉุน โคไม่ชอบ
ต้องหาวิธีลดกลิ่นด้วยการนำกิ่งใบมะรุมไปตากแดด
บ่ายสามแดดกำลังดี ใบมะรุมเหี่ยวเฉาแล้ว ลองดมดู กลิ่นฉุนหายไปเยอะ คิดในใจมีสิทธิ์ลุ้น
รีบยื่นไปให้โคลองกินอีกครั้ง ทุกตัวรุมดมกลิ่นแล้วยื่นลิ้นมาตวัดกินหน้าตาเฉย ผิดกันเลยกับตอนเช้า
แต่ทุกตัวก็ยังเลาะเล็มกินแต่ส่วนที่เป็นใบ ส่วนที่เป็นกิ่งก้านยังทิ้งไว้ไม่สนใจ
จึงเริ่มได้คำตอบในใจลาง ๆ ว่า คงต้องเอาเฉพาะส่วนที่เป็นใบมะรุมมาตากสัก 2 แดด แล้วค่อยนำมาผสมกับมันสำปะหลังให้โคกินอีกที่คงจะเหมาะกว่า
พรุ่งนี้จะตั้งโจทย์และหาคำตอบใหม่ คงไม่สายที่จะลองทำ
ขอโทษนะครับ
ให้โค ทาน เพื่อ เป็นอาหารชนิดใหม่ หรือ รักษาโรค ครับ
น่าสนใจครับ
สวัสดีคะอาจารย์
ที่เอาใบมะรุมให้วโคกินนั้นไม่ใช่เพื่อรักษาโรคค่ะ แต่ประมาณทดลองหาอาหารชนิดใหม่ให้โคกินอย่างที่อาจารย์ว่าค่ะ
ในกรณีที่อาหารวัวขาดแคลนเราจะสามารถใช้ใบไม้หรือพืชนิดใดบ้างที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาทำเป็นอาหารให้โคได้เพื่อชดเชยกับหญ้าที่มีน้อยในฤดูแล้ง
แต่ลองดูแล้วคงแก้ปัญหาได้ไม่มากเพราะใบมะรุมมีไม่มากพอที่จะนำมาเป็นอาหารโคได้ เนื่องจากมีคนปลูกน้อยและส่วนใหญ่ก็ปลูกให้คนทานมากกว่าค่ะ
ขอบคุณค่ะ