เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสไปชมภาพยนต์ไทยเรื่องพระนเรศวร ตั้งใจไว้ตั้งแต่เป็น spot โฆษณาว่าเรื่องนี้น่าดู ดูเสร็จต้องบอกว่าเป็นหนัง "ฝืมือ" จริงๆ มือหนึ่งคงต้องยกให้ผู้กำกับ และผู้สร้าง เพราะเนื้อเรื่องมี research มาค่อนข้างเยอะมาก (จากที่อ่านมาจากหนังสือศิลปวัฒนธรรม) มาเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทำให้เรื่องราวสมจริง
พระเจ้าบาเยงนอง (สมภพ เบญจางธิกุล) ได้บทใหญ่ และได้ scene ไปเกือบทุกฉาก จริงไม่จริงไม่ทราบ แต่หนังให้ "credit" พระเจ้าบาเยงนองสูงมากในความเป็นคน และความเป็นกษัตริย์ มีทั้งความฮึกเหิมในการแผ่พระบารมีให้ราชอาณาจักรตองอู มีทั้งแสเงถึงความอับสิ้นจนปัญญาเมื่อได้ทรงพิจารณาถึงกาลอนาคตเบื้องหน้า ว่าราชวงศ์จะไม่มีคนคู่ควรสืบสันตติวงศ์ แต่ก็ด้วยบารมีกษัตราธิราชก็ทรงยอมปลดปล่อยพระองค์ดำกลับอโยธยาด้วยทรงรักนัก ทำให้ตัวละครนี้เหมือนคนจริงๆที่มีมิติลึกล้ำมาก
เนื่องจากโดยเนื้อหาประวัติศาสตร์ตอนนี้ของไทย มีประเด็นเรื่องความทรยศฉ้อโกง กินบ้านเมือง ความกล้าหาญเสียสละ ความมานะบากบั่นพยายาม ความอดทนกัดฟันรักษาเกียรติฐานะศักดิ์ศรีของความเป็นไทย ชาติ และสายโลหิต มาฉายได้จังหวะ contemporary story ของบ้านเมืองพอดิบพอดี คุณธรรมด้านต่างๆ และความชั่วเลวด้านต่างๆของคนที่ได้แสดงออกบนจอเงิน สะท้อนความสำคัญของวิชา ประวัติศาสตร์ ได้อย่างน่าทึ่งและสะเทือนใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ที่จรรโลงหรือกาลกิณีนั้น ต่างเพียงแค่เทคโนโลยี แต่ไม่ต่างใน essence หรือ concept เลยแม้ว่ากาลเวลาจะต่างนับร้อยปีก็ตาม
ผมชอบมาดสรพงศ์ ชาตรีนะครับ รับบทมหาเถรคันฉ่อง แต่แก่น้อยไปนิดถ้าดูจากเนื้อเรื่องว่าเป็นคนฝึกอบรมพระเจ้าบาเยงนองมาแต่ต้นเหมือนกัน
ภาคต่อๆไปจัดว่า "ต้องดู" และแน่นอนที่สุดคือ DVD collector set 1 ชุด
Strongly recommended !! *****
ตอนแรกก็กลัวๆสถานการณ์ครับ แต่อ่านเจอข่าวรถเมล์วิ่งทะลุทะลวงเข้าไปในตึกชนคนตายในบ้านเมื่อหลายปีก่อนก็รู้สึก "ใดๆในโลกนี้เป็นอนิจฺจํ " มากขึ้น เป็นไง (ก็) เป็นกันสิ (วะ)
ผมดูได้ทั้งสองแบบคือที่โรงและที่บ้าน แต่บางเรื่องจะให้ความต่างจริงๆครับ ยกเว้นมี home theatre ที่บ้าน ไม่งั้นที่โรงจะได้อรรถรส และรสอื่นๆอีกมากมาย
หนึ่งในบรรดากิจกรรมที่ผมคิดว่าน่าสนใจก็คือ movie club ที่หลังดูภาพยนต์แล้วมานั่งเม้ากันนั่นเอง
แต่เดิมเพื่อความมัน ตอนนี้มองเป็นระบบขึ้นมานิด มันมัน สนุก ตรงที่เรามักจะ "พลาด" โน่นนิดนี่หน่อยต่างจากเพื่อน ทำให้อรรถรสสมบูรณ์ขึ้น ตรงนี้นักจิตวิทยาการรับรู้ (cognitive psychologist) อาจจะบอกว่าเป็น selective perception ธรรมดาๆ (อ.มาโนช อาจจะช่วยเติมแต่งตรงนี้นะครับ ผมละลาบละล้วงล้ำหน้าล้วงลูกนอก field ไปนิด)
จงใจเขียนคำ "พลาด" เพราะเป็น common mistake ในสังคมนี้ ที่เราไม่ค่อยรู้ตัวว่าได้ "มองข้าม" ความเห็น ความคิด และข้อสำคัญที่สุดคือ "ความรู้สึก" ของคนอื่นไปวันละกี่ครั้ง กิจกรรมประเภท movie club และ book club จะสะท้อนให้เห็นความจริงในด้านการ "รับรู้" ของคนแต่ละคนได้ดีมากๆเลย
คุณเจนจิต คุณโอ๋ ลองให้เด็กๆเขาเล่าว่าเขา "เห็น" อะไรให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบสิครับ บางที pure and innocent mind สามารถ "เห็น" อะไรๆได้ดีกว่าพวกเราที่มี bias มีหมอกบังตาอยู่เยอะก็มี (ผมเรียนจาก นศพ. เยอะมากครับ วิธีนี้)
สนุกในแง่การดูเป็นหนังค่ะ แต่ไม่สนุกที่ทำให้ความเข้าใจทางประวัติศาสตร์บิดเบือน และคนทั่วไปพลอยคิดว่าประวัติศาสตร์เป็นแบบนี้ คนทำบอกว่าทำเพื่อให้ดูสนุกและคนดูมีวิจารณญาณ แต่พอเอาเข้าจริงๆ คนดูกลับไม่ศึกษา เลือกที่จะเชื่อเครดิตผู้สร้างและที่ปรึกษา คือก็พอเข้าใจได้ว่าอะไรที่ชงมาสำเร็จรูปย่อมกินง่ายกว่าไปค้นคว้า และที่สำคัญคือประวัติศาสตร์แบบที่ชงมาให้เห็นก็น่าสนุก น่าภูมิใจ ดูแล้วเลือดรักชาติเพิ่มท่วมท้นค่ะ แต่มันเป็นจริงหรือเปล่าบางคนก็ไม่ใคร่อยากจะรับรู้ กลายเป็นชอบดูประวัติศาสตร์แบบนี้มากกว่า คราวนี้มีความรู้ครึ่งหนึ่ง ครึ่งผิดครึ่งถูกก็น่ากลัวกว่าเดิม
ที่เขียนๆ มาก็ดูหนังโรงและซื้อ DVD มาดูเหมือนกัน สนุกดี สับสนชีวิตดีค่ะ ^ ^