แพ้ใจตนเอง


เรื่องของจิตใจนี่มันทรงพลังเหลือเกิน โดยเฉพาะการสัปยุทธกันระหว่างอำนาจฝ่ายต่ำที่ไร้สาระกับอำนาจฝ่ายดีที่มีสาระ และท้ายที่สุดอำนาจฝ่ายต่ำมักจะทรงอิทธิพลเสมอในใจเรา

เรื่องของจิตใจนี่มันทรงพลังเหลือเกิน  โดยเฉพาะการสัปยุทธกันระหว่างอำนาจฝ่ายต่ำที่ไร้สาระกับอำนาจฝ่ายดีที่มีสาระ  และท้ายที่สุดอำนาจฝ่ายต่ำมักจะทรงอิทธิพลเสมอในใจเรา

โดยเฉพาะผมเองนี่แหละ  ถูกอำนาจไร้สาระเกาะกินหัวใจอยู่บ่อยครั้งไม่เว้นแต่ละวัน เพราะอะไรหนอจึงเป็นเช่นนั้น

ผมเคยคุยกับผู้โดยสารร่วมขบวนรถไฟ จากปัตตานีมุ่งสู่กรุงเทพ ด้วยเหตุที่ต้องนั่งมองหน้ากันกว่า 18 ชั่วโมงก็จำต้องหาเรื่องราวมาพูดคุยกันสุดแท้แต่ใครจะสรรหามาได้  และในที่สุดก็มาถึงเรื่องความดีความชั่ว

ลุงผู้สูงวัยอดีตข้าราชการครู จังหวัดปัตตานีท่านบอกผมว่า ที่เราท่านทั้งหลายต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจไร้สาระเพราะอำนาจเหล่านี้มันสนุก  มันตื่นเต้น มันยั่วยวนใจ ในขณะที่ความดีมีสาระมันธรรมดาเสียจนเรามองข้าม คิดว่าทำเมื่อไหร่ก็ได้ 

ผมพิจารณาแล้วเห็นจะจริง อย่างตัวผมเองนี่ตามใจปราสาทสัมผัสทั้งตา หู จมูก ลิ้น และกายจนเคยตัว วันหนึ่ง 24 ชั่วโมง ผมใช้เวลากับเรื่องไร้สาระนี่มากเหลือเกิน มากจนไม่ได้เขียนบันทึกลงบล็อกตั้งหลายวัน..แย่จริง ๆ

หมายเลขบันทึก: 77626เขียนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2007 14:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
ใน 1 วัน คนเราแต่ละคน มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน ก็แล้วแต่ทางเลือก ว่าใคร จะใช้ทำอะไร แต่ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ..... อย่าลืมแบ่งเวลาสักนิด ดูแลสุขภาพตัวเอง กันด้วยนะคะ ("^_^)

วันนี้ที่ปัตตานีอากาศดูจะร้อน ๆ เอาการเหมือนกันครับ  (เมื่อวานดูคลึ้มฟ้าคลึ้มฝน)  แต่ก็ไม่เป็นไรครับคุณ Toon ร่างกายพอปรับได้  ก็ยังมีปัญหาที่ใจนี่แหละครับปรับยากแก้ยาก......

กิเลส  เป็นสิ่งไม่ดีที่เราถูกพร่ำสอนให้ไกลห่าง  แต่ดูเหมือนว่ามันจะวนเวียนดำเนินควบคู่ไปกับทุกจังหวะของชีวิตที่เราก้าวเดิน  เขาว่ากิเลส  มันหอมหวานนัก  ซึ่งหลายท่านก็ได้ประจักษ์แล้วว่าจริงหรือไม่  คนเราติดรสความหวาน  ดังนั้นไม่แปลกที่คนเราจะหลงไปกับสิ่งนี้  บางคนเพียงแค่พาตัวเองเข้าไปลิ้มชิมมัน  ก็ถึงขนาดที่ไม่สามารถพาตัวเองดิ้นให้หลุดจากมันได้  สิ่งที่ทำให้คนเราห่างไกลจากกิเลสที่ถูกหาว่าเป็นอำนาจฝ่ายต่ำนั้น  คงต้องใช้สิ่งที่ปลูกฝังพร่ำสอน  ประสบการณ์จากการถ่ายทอดจากคนที่เคยหลงในวังวนของมันสืบทอดมาเป็นคำสอนให้เราได้หยุดคิด  การที่เราหยุดคิด  นึกถึงสิ่งเหล่านี้ก็คือ  "สติ"  นั่นเอง  ดังนั้นการที่จะพาตัวเองก้าวขึ้นมาจากอำนาจฝ่ายต่ำ  มาอยู่ในฝ่ายสูงนั้น  คงต้องใช้ความรอบคอบ  คิดทุกขณะก้าวเดิน  วิ่ง  หรือขับเคลื่อนไปไม่ว่าจะข้างหน้า  ข้างหลัง  ซ้าย  หรือขวา  ถึงไม่ทำให้เราพลาดไปได้  ซึ่งคงต้องเป็นสงฆ์ผู้บรรลุธรรมแล้วกระมังที่จะพึงกระทำได้  แต่ปุถุชนเช่นเราที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางกระแสความเร่งรีบ  แข่งขัน  และวังวนแห่งสุขนิยม  นิยมที่จะทำให้เกิดสุขแก่เฉพาะตนเท่านั้น  จะไม่หลงพลาดไปกับมันนั้นคงไม่มีแน่  ดังนั้นก็คงได้แต่พร่ำบอกแหล่ะ  ว่าครองตนอย่าให้ไปเฉียดใกล้มันได้เป็นดี  เพราะเมื่อได้ลิ้มแล้ว  ท่านต้องหลงไปกับรสของมันเป็นแน่  ท่านจะยังไม่ทุกข์กับมันในขณะที่ท่านกำลังลิ้มลองหรอก  แต่ทุกข์จะมาเยือนท่านในรูปแบบใดก็คงแล้วแต่ระดับกิเลสที่ท่านไปสัมผัสกับมันเมื่อหมดความหอมหวาน  มิมีใครหรอกที่หวานกับมันไปได้ตลอด  เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่วิถีสังคมได้จัดให้มันอยู่ในหมวดหมู่  สิ่งไม่ดี  น่ารังเกียจ  ชั่วร้าย  เพราะฉะนั้นเมื่อเราเป็นหนึ่งในสมาชิกคนหนึ่งในสังคม  คงสุขอยู่ไม่ได้แน่  หากจะต้องอยู่ในกลุ่มนี้  ฝ่ายต่ำ สุขเมื่อใครไม่รู้  สุข  ตื่นเต้นเมื่อแอบทำ  แต่ท่านไม่สามารถพาตัวเองมาที่สว่างได้เลย  หลบๆ ซ่อนๆ ท่านสุขหรือ  ขอให้ใช้สิ่งนี้นะท่าน  "สติ"  เรียกอำนาจฝ่ายสูงในใจท่านสกัด  อำนาจฝ่ายต่ำเอาไว้  ยังไงก็ขอให้อย่าเกิดกับท่านเลย  เพราะทุกข์ที่ไหนไม่เจ็บปวดและทรมานเท่าทุกข์ในใจท่านหรอก  เพราะมันจะพันธนาการท่านไปตลอดชีวิต "ใช้สติ  คิดให้ดีก่อนทำ  ก่อนที่ความทุกข์จะเกาะติดแน่นอยู่ในใจท่าน" 

เปิดประตู สู่ปัญญา หน้าใหม่ใหม่

ได้คุณชาย นกเสรี ที่เป็นเพื่อน

ฝากความรู้ ฝากข้อคิด ไว้ติดเตือน

แม้ปีเดือน เวียนผ่าน ได้พานพบ

ขอบคุณครับคุณ "นกเสรี" วันนี้จะบินไปไหนเอ่ย ....

กระบี่อยู่ที่ใจ ใจอยู่ที่กระบี่

ใช้กระบี่โดยไร้ใจ เท่ากับสังหารตนเอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท